
26ก.ย.-61-รพ.หัวเฉียว เตรียมขยายพื้นที่ผู้ป่วยประกันสังคม โดยใช้เงินลงทุน200-300ล้านบาท สองแนวคิดเล็งสร้างตึกใหม่กับรีโนเวทอาคารเดิม หลังผู้ป่วยล้นทะลัก เนื่องจากมี รพ.เอกชน หลายแห่งเลิกเป็นคู่สัญญากับกปส. หวังเป็น "ต้นแบบ" ของ"รพ.ไม่แสวงหากำไร"
นายสุธี เกตุศิริ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลหัวเฉียว เปิดเผยว่า หลังจากที่มีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งยกเลิกการเป็นคู่สัญญาให้บริการสุขภาพกับสำนักงานประกันสังคม(กปส.) จึงทำให้มีผู้ประกันตนจำนวนมาก ย้ายโอนมาที่รพ.หัวเฉียว ซึ่งขณะนี้ รพ.หัวเฉียวมีผู้ใช้สิทธิ์รักษาพยาบาลกปส.ประมาณ 1.4 แสนคน เพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 3หมื่นคน ทำให้ตึกใหม่ที่เปิดบริการเมื่อไม่นาน เกิดการแออัด คับแคบ ทำให้คณะกรรมการบริหารรพ. มีแนวคิดว่า อาจจะต้องมีการขยับขยายสถานที่เพื่อรองรับผู้ป่วยกปส.ที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันและอนาคต และเห็นขอบอนุมัติเงินลงทุน ประมาณ 200-300ล้านบาท เพื่อขยับขบายพื้นที่ในส่วนประกันสังคม แต่ยังไม่ได้สรุปว่าจะทำการปรับปรุงอาคารเก่าที่มีอยู่เดิม หรือจะทุบทิ้งตึกเก่าแล้วสร้างอาคารใหม่ขึ้นโดยเฉพาะ แต่โครงการจะต้องเสร็จให้ทันภายในปี2563
นายสุธี กล่าวอีกว่า ในด้านยุทธศาสตร์การพัฒนารพ า รพ.หัวเฉียว ได้เตรียมงบประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อยกระดับ รพ.เฉพาะทาง โรครักษายาก ที่หลากสาขามากกว่าปัจจุบัน ซึ่งตั้งแต่ปี 2558 – 2560 รพ.ได้พยายามพัฒนา ความเป็นมืออาชีพด้านการรักษา ด้วยการเปิดศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ศูนย์ผ่าตัดผ่านกล้องทางศัลยกรรมและนรีเวช ศูนย์แม่และเด็ก และในปี 2561 – 2562 วางแผนเปิดศูนย์โรคกระดูกและข้อ ศูนย์จักษุ ขณะที่ในปี 2563 – 2564 มีแผนจะเปิดศูนย์อุบัติเหตุ (Trauma Center) รวมถึงการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ และการปรับปรุงอาคารสถานที่ อีกด้วย
" 5 ปีที่ผ่านมา เราพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆค่อนข้างมาก เนื่องจาก รพ.เอกชนปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และมีการแข่งขันสูง เราจึงต้องปรับตัวให้ทัน โดยเฉพาะวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าไปมาก หากไม่มีการปรับตัวเราก็จะเสียโอกาสและเสียบุคลากรทางการแพทย์ไป ปัจจุบันเรามีความสามารถทางการแพยท์ ที่ถือว่าโดดเด่น ไม่แพ้รพ.เอกชนใหญ่ๆ ก็คือ การรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น การทำบอลลูนหัวใจ ซึ่งเราเปิดเป็นศูนย์ ศักยภาพการรักษาเทียบเท่ารพ.เอกชนใหญ่ๆ แต่ราคาค่าบริการต่ำกว่าเขาประมาณ 50% "
ซีอีโอ ฯ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาและที่จะก้าวต่อไป รพ.หัวเฉียว ยังคงปณิธาน เป็นรพ.เพื่อสังคม (Social Enterprise ) ที่ไม่แสวงหาผลกำไรหรือเป็นรพ. Non-Profit และตั้งความหวังให้รพ.หัวเฉียว เป็น"ต้นแบบ"ของรพ.ไม่แสวงหากำไรให้กับรพ.อื่นๆ ที่ไม่เน้นการทำกำไรมาก แต่สามารถอยู่รอดได้ ต้องยอมรับว่าปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลมีราคาแพงขึ้น ซึ่งเป็นข้อกังวลไม่สบายใจของประชาชน แต่รพ.เอกชนส่วนใหญ่ อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ต้องพยายามทำกำไร เพื่อนำเงินมาจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น แต่สำหรับรพ.หัวเฉียว ที่มีที่มาจากมูลนิธิปอเต๊กตึ๊ง ที่เป็นมูลนิธิเพื่อการกุศล เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้ นำมาใช้กับรพ.และจ่ายค่าตอบแทนพนักงานให้สามารถอยู่ได้ เลี้ยงครอบครัวได้
นอกจากนี้รพ.ยังเน้นความโปร่งใสในการดำเนินงาน ทั้งกับคนไข้และสังคม การตรวจรักษาเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล ไม่ได้ Over charge ในด้านต่างๆทั้งการนอนรพ. แล็บ หรือยา อีกทั้ง เงินส่วนหนึ่งที่เราได้รับบริจาคมา ซึ่งเราจะใช้อย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดข้อครหา เพราะต้องยอมรับว่า มีรพ.หลายแห่งที่รับบริจาค แต่การที่ประชาชนเลือกบริจาคกับเรา เราต้องสำนึกคุณค่าของเงินที่ได้มา และใช้ให้คุ้มค่าที่สุด เพื่อรักษาศรัทธาที่ประชาชนมอบให้
"เราพยายามเป็นรพ.เพื่อสังคมไปพร้อมๆกับการแข่งขันกับรพ.อื่นๆปีที่แล้วเราเติบโตประมาณ 10% ซึ่งที่ผ่านมาทางรพ.ได้พยายาม พัฒนาคุณภาพการรักษา ให้มีความทันสมัย รักษาโรคได้ในเชิงกว้างมากขึ้น รักษาโรคยาก ที่มีความซับซ้อนได้มากขึ้น จนสามารถยกระดับเป็นรพ.ตติยภูมิได้ โดยขณะนี้มีแพทย์ทั้งที่ประจำและพาร์ทไทม์ 275 คน และมีความโปร่งใส ะพัฒนาเครื่องไม้เครื่องมือ ด้านต่างๆให้มีความครับครันการใช้งานทั้งเครื่อง เอ็มอาร์ไอ ซีทีสแกน การตรวจแมมโมแกรมเต้านมด้วยเครื่องดิจิตอล และแล็บฉีดสีดูเส้นเลือดหัวใจ "
นายสุธีกล่าวอีกว่า ในฐานะเป็นรพ.ไม่แสวงหาผลกำไร ทำให้ปัจจุบันรพ.หัวเฉียว ยังคงมีห้องพักผู้ป่วยที่เป็นแบบระบบ 6เตียง และ 4เตียง มีทั้งที่ติดเครื่องปรับอากาศและไม่มีเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้เป็นทางเลือกสำหรับประชาชน และผู้ป่วยส่วนนี้ ยังได้รับส่วนลดค่ารักษาและรายจ่ายอื่นๆจากรพ.ถ้าเป็นผู้ป่วยห้องละ 6เตียง ได้ส่วนลด20% แต่ถ้าอายุเกิน 60ปีจะได้ลดอีก5% ประเภท ห้องละ 4เตียงได้ส่วนลด 15% อายุเกิน60ปีได้ลดอีก 5 % หรือถ้าเป็นห้องแอร์4เตียง จะได้ส่วนลด5 % และบวกอีก5% ถ้าอายุเกิน 60 ปี นอกจากนี้ ถ้าเป็นผู้ป่วยยากไร้ จะได้รับการรักษาฟรี ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบฐานะ
"ค่ารักษาเราถูกกว่า รพ.ไม่แสวงหาแห่งอื่นๆประมาณ 30% และถูกกว่ารพ.เอกชนทั่วไปประมาณ 50% อย่างการรักษาโรคหัวใจและทำบอลลูนเห็นได้ชัดของเราประมาณ 1.1แสนบาท แต่ที่อื่นจะแพงกว่านี้มาก สรุปว่า ค่ารักษาของรพ.หัวเฉียว สำหรับคนกลุ่มบนๆไม่เดือดร้อน จะบอกว่าถูก คนระดับกลางบอกว่าไม่แพง และคนมีรายได้ไม่มากบอกว่าพอจ่ายได้ "นายสุธีกล่าว
นายสุธี กล่าวอีกว่า การเป็น รพ.ไม่แสงหากำไรของรพ.หัวเฉียว ทำให้คณะกรรมการทุกคนที่มาทำงานช่วยรพ. ไม่มีเงินเดือน ไม่มีเบี้ยเลี้ยง รวมทั้งตนเองด้วยเช่่นกัน และในแต่ละปีกรรมการยังบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือรพ.อีกด้วย และด้วยหลักการทำงาน ที่เห็นคุณค่าของเงินบริจาค โปร่งใส มีธรรมาภิบาล ไม่ จึงทำให้รพ.อยู่รอด และอยากให้เป็นต้นแบบแก่รพ.อื่นๆด้วยเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นการมอบความสุขให้กับประชาชน
" สัดส่วนผู้ป่วยขณะนี้ คือ มาจากประกันสังคม 65%ผู้ป่วยที่จ่ายเงิน 35% แต่ด้านรายได้กลับกันคือมาจาก ผู้ป่วยนอกระบบประกันสังคม 65% และมาจากประกันสังคม 35%" ผมอยากให้เราเป็นเหมือนเบลเบี่ยม เขามีระบบประกันสังคม แต่เขาจะจ่ายตามค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริง ไม่ใช่แบบเหมาจ่ายเหมือนบ้านเรา และจะจ่ายเฉพาะ รพ.ที่เป็น Non-Profit เท่านั้น ทำอย่างนี้ รพ.ไม่แสวงหากำไรอยู่ได้ และที่เบลเยี่ยมมีรพ.แบบนี้ เยอะมากกว่ารพ.ที่หวังทำแต่รายได้อย่างเดียว ทำอย่างนี้ จะทำให้่คุณภาพการรักษาของผู้ทำประกันสังคม ซึ่งถือว่าเป็นหัวสมอง ขับเคลื่อนประเทศได้รับการบริการที่ดีขึ้น และคนกลุ่มนี้ ยังเป็นกลุ่มที่ต้องจ่ายเงิน ไม่ได้รักษาฟรี ดังนั้น รัฐบาล ควรให้ความสำคัญ เพราะทุกวันนี้ ระบบประกันสังคมที่เป็นเหมาจ่ายทำให้รพ.เอกชนอื่นๆ หนีหมด "นายสุธีกล่าว
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |