
9ต.ค.61-รองเลขา สพฉ. ชี้ เสียดายงานที่ทำไว้เพื่อประโยชน์ประชาชน และยังมีงานค้างที่ต้องทำต่อ หลัง ถูกลดบทบาทโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยมีการทำหนังสือทวงถามไปยัง เลขาธิการ สพฉ. ยันไม่เกี่ยวกับการเป้นสมาชิกพรรคการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน(สพฉ.) ได้บอกกล่าวแก่เครือข่ายกู้ชีพกู้ภัยผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ใจความว่า “ ผมขออนุญาตแจ้งข่าวครับว่าตั้งแต่วันที่1 ต.คที่ผ่านมา ผมถูกเลขาธิการสั่งลดบทบาทอำนาจหน้าที่ของผมไม่ให้รับผิดชอบสำนักใดเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้รับผิดชอบ 5 สำนัก รวมทั้งสำนักประสานเครือข่ายด้วย ทำให้ผมไม่สามารถออกไปขับเคลื่อนงานพื้นที่ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น อปท มูลนิธิ สำนักระบบสสจ รพ ภาคประชาชน และเครือข่ายองค์องค์ภาครัฐ งานภายใน สพฉ ก็ไม่ได้ดู งานประชาสัมพันธ์ก็ไม่ให้ดู ผมคงไม่ได้ออกไปพบกับพี่ๆน้องๆแล้ว จึงเรียนมาให้ทราบครับ ขอบคุณสำหรับพี่ๆน้องๆทุกคนที่ได้ร่วมงานกันมาครับ” ลงชื่อ หมอไพโรจน์
ล่าสุด วันนี้ (9 ต.ค.) นพ.ไพโรจน์ กล่าว่า ที่ตนได้มีการออกข้อความดังกล่าวไปนั้น ไม่ได้ต้องการให้เป็นข่าว แต่เพื่อชี้แจงให้เครือข่ายที่ทำงานร่วมกันทราบว่าจะไม่ได้ทำงานร่วมกันแล้ว โดยส่วนตัวนั้นรู้สึกเสียดายที่จะไม่ได้ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม เช่น การผลักดันความร่วมมือกับองค์กรส่วนท้องถิ่นในเรื่องการแพทย์ฉุกเฉิน โดยมีการเปิดศูนย์แจ้งเหตุ 1669 ไปยังท้องถิ่น เพื่อให้ท้องถิ่นมีศักยภาพสามารถดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินได้เอง ผ่านคณะกรรมการกระจายอำนาจเห็นชอบว่าทำได้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ก็เห็นชอบว่า เป็นภารกิจของท้องถิ่นในการทำงานด้านการแพทย์ฉุกเฉิน โดยจากการเริ่มมา 4 ปี ตั้งแต่ปี 2557 จากเป็นศูนย์ฯ ขณะนี้เพิ่มเป็น 7 แห่งในองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ทั้งอุบลราชธานี สงขลา มหาสารคาม ลำพูล สระแก้ว พัทลุง และสมุย ซึ่งต่อไปคาดว่าจะมีการพัฒนาไปยังอีกหลายพื้นที่ เช่น นครราชสีมาสุพรรณบุรี บึงกาฬ อย่างไรก็ตามหลังจากที่ตนถูกลดอำนาจลงก็ไม่แน่ใจว่าจะทำให้งานที่ดำเนินการอยู่สะดุดหรือไม่ แต่ในอนาคตยังต้องมีการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ซึ่งได้วางแนวทางสิ่งที่ต้องทำก่อนหลังที่ต้องทำต่อไว้แล้ว รวมทั้งสิ่งที่ดำเนินการมาตลอดต้องอาศัยประสบการณ์ ความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีองค์กรกู้ชีพกู้ภัย 437 องค์กร ภาคประชาชน และที่ผ่านมาก็มีการเชื่อมโยงการป้องกัน ให้ความรู้ในการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆให้ดีขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย
นพ.ไพโรจน์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าเหตุผลที่ลดอำนาจตนลงมาจากอะไร ซึ่งก็ได้มีการทำหนังสือทวงถามไปยังเลขาธิการ สพฉ. ตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค. ซึ่งหากมีเรื่องที่ตนทำไม่ถูกต้องหรือไม่ควรจริงๆก็สามารถคุยกันได้ จึงควรมีคุยกันก่อน โดยขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุย เนื่องจากเลขาธิการ สพฉ.อยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ
ผุ้สื่อข่าวถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า การที่ถูกลดบทบาทอาจเป็นเพราะ นพ.ไพโรจน์ เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากการประสานกับเครือข่ายฯอาจทำให้ถูกมองเรื่องของฐานเสียง นพ.ไพโรจน์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน จริงๆ นโยบายการแพทย์ฉุกเฉิน ทุกพรรคก็ให้ความสำคัญหมด เพียงแต่ตนไปเสนอนโยบาย พูดคุยกัน และทางพรรคก็เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ และชวนเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งตนว่าก็ไม่เสียหายอะไร และทางพรรคก็ไม่เห็นเคยติดต่ออะไรตนมาเช่นกัน ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อนพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการ สพฉ. แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากติดภารกิจต่างประเทศ.