ชัดๆคำสั่งศาล'ยิ่งลักษณ์'ถ่ายเททรัพย์/ไล่ยึด37รายการ176ล้าน


เพิ่มเพื่อน    

แฟ้มภาพ

29 ม.ค. 61 - ศาลปกครองกลางมีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา (ครั้งที่ 2) ในคดีหมายเลขดำที่ 1996/2559 ระหว่าง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ฟ้องคดี กับ นายกรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ผู้ถูกฟ้องคดี ดังนี้

….เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการยึดทรัพย์สินของผู้ฟ้องคดีจำนวน 37 รายการ  ตามคำขอของกระทรวงการคลัง  โดยราคาประเมินรวมทั้งสิ้น 176,258,934.50 บาท  ผู้ฟ้องคดีจึงได้มีหนังสือถึงกรมบังคับคดีขอให้ยุติและชะลอการบังคับตามคำสั่งทางปกครองไว้ก่อน  โดยแจ้งว่าผู้ฟ้องคดีได้ใช้สิทธิทางศาล ด้วยการยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับทางปกครองต่อศาลปกครองแล้ว ปัจจุบันทางพนักงานบังคับคดีกำลังดำเนินการ จัดทำประกาศขายทอดตลาดเพื่อส่งให้กับผู้มีส่วนได้เสียทราบกำหนดการขายทอดตลาดตามสถานที่ ที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์  วิธีการและเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ.2559 ส่วนระยะเวลาที่จะดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดไว้ในกรณีนี้ เนื่องจากทรัพย์สินที่ยึดไว้มีหลายรายการ  ผู้เกี่ยวข้องมีหลายราย และเป็นการยึดตามสำเนาเอกสิทธิ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงต้องใช้เวลาในการแจ้งผู้เกี่ยวข้องที่มีอยู่หลายราย ปิดประกาศยึดทรัพย์ ณ ที่ตั้งทรัพย์  ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ  และต่างจังหวัดให้ครบถ้วน

ทั้งต้องให้เวลาแก่ผู้ยึดถือเอกสารสิทธิในการนำต้นฉบับเอกสารสิทธิมาส่งต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อตรวจสอบสารบัญการจดทะเบียน อสังหาริมทรัพย์ที่ถูกยึดซึ่งกระบวนการดังกล่าวต้องใช้ระยะเวลา  และเมื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆที่กฎหมายกำหนดไว้ข้างต้นครบถ้วนแล้ว  เจ้าพนักงานบังคับคดีจะได้นำทรัพย์ที่ยึดไว้ออกขายทอดตลาดทันที  เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น แล้วเห็นว่าในชั้นนี้ยังไม่อาจรับฟังได้ว่าคำสั่งพิพาทน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย และที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่าคำสั่งพิพาทไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายประการนั้น เป็นประเด็นในเนื้อหาของคดีที่ศาลจะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาและมีคำพิพากษาต่อไป 

ส่วนกรณีที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่าได้มีการใช้มาตรการบังคับทางปกครองในการยึดและอายัดทรัพย์สินบางรายการของผู้ฟ้องคดีไปแล้วทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อน หรือเสียหายที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังนั้น  เห็นว่านอกจากกระทรวงการคลังจะมีศักยภาพในการชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นในภายหลัง หากศาลมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งที่พิพาทแล้ว

ข้อเท็จจริงยังปรากฏด้วยว่าในส่วนของข้อมูลเงินฝากจำนวน 16 บัญชี ที่กรมบังคับคดีชี้แจงต่อศาลว่า  ตามบัญชีรายการแสดงทรัพย์สิน และหนี้สินขิงผู้ฟ้องคดีที่ยื่นต่อคณะกรรมการป.ป.ช. เมื่อพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี มีจำนวนเงินทั้งสิน 24,908,420.28 บาท เปรียบเทียบการอายัดเงินฝาก ในธนาคารของกรมบังคับคดีจำนวน 1,969,884.31 บาท ลดลงจากเดิม 22,938,535.97 บาท คิดเป็นร้อยละ 92.09  โดยศาลได้ส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้ผู้ฟ้องคดีทราบแล้ว  ผู้ฟ้องคดีไม่ได้ชี้แจงหรือโต้แย้งข้อมูลดังกล่าว  กรณีจึงเชื่อได้ว่าผู้ฟ้องคดีมีพฤติการณ์ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินดังกล่าวจริง

ประกอบกับผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้ถูกดำเนินการตามมาตรการบังคับทางปกครอง ไม่ได้อุทธรณ์การบังคับทางปกครองตามมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองพ.ศ. 2539 แต่อย่างใด  ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจึงยังฟังไม่ได้ว่า หากศาลไม่มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งที่พิพาทจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ยากแก่การเยียวยาในภายหลัง อย่างไร กรณีจึงต้องถือว่าเงื่อนไขที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ไว้เป็นการชั่วคราวก่อนการพิพากษาตามคำขอของผู้ฟ้องคดี  ทั้งนี้ตามมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองพ.ศ. 2542 ประกอบ ข้อ 72 วรรคสาม แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543

จึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองของผู้ฟ้องคดี คลิกอ่านรายละเอียด


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"