ปฏิวัติแผนขั้นสุดท้าย ผบ.ทสส.ชี้อย่าตื่น/จตุพรเชื่อผบ.ทบ.แนะทางสว่าง


เพิ่มเพื่อน    

  ผู้บัญชาการเหล่าทัพประชุม ตบเท้าลั่นพิทักษ์สถาบันฯ สนับสนุนการทำงานของรัฐบาล ย้ำยืนอยู่จุดประชาชนมีความสุขและประเทศชาติสงบ “พล.อ.พรพิพัฒน์” ระบุคำพูด “บิ๊กแดง-บิ๊กต่าย” เรื่องรัฐประหารมาจากประสบการณ์ ชี้เป็นทางเลือกสุดท้าย “จตุพร” แจง ผบ.ทบ.เปิดไฮโลแทง นักการเมืองควรตระหนักหาทางแก้ไข ไม่ใช่ประณาม “หมวดเจี๊ยบ” อัดวิสัยทัศน์คร่ำครึเหมือนฝาแฝด “ประยุทธ์” ยิ่งกว่าผีเน่ากับโลงผุ

    เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) พร้อมด้วย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.), พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.), พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพครั้งที่ 1 ประจำปีงบประมาณ 2561 
    โดย พล.อ.พรพิพัฒน์แถลงผลประชุมว่า ถือเป็นวันสำคัญของกองทัพไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ประชุมร่วมกัน ถือเป็นกลไกที่เป็นไปตามกฎหมายตามพระราชบัญญัติการจัดส่วนราชการของกระทรวงกลาโหม พ.ศ 2551 ที่ต้องปฏิบัติงานร่วมกันในอนาคต รวมทั้งทางด้านยุทธการ และแนวทางที่กองทัพจะดำเนินการในปีงบประมาณต่อไป โดยเรื่องหลักๆ ที่ได้เน้นย้ำเรื่องแรก คือ การพิทักษ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเรามีจุดมุ่งหมายเดียวกันที่จะสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโครงการจิตอาสา
    “เราได้เน้นย้ำคือ การปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ ซึ่งหน้าที่ของกองทัพไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติคือการปกป้องรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดน และพิทักษ์รักษาอาณาเขตทั้งทางบกและทางทะเล ในส่วนของการปฏิบัติในเรื่องการฝึก เป็นเรื่องที่เน้นย้ำในปีงบประมาณต่อไป” พล.อ.พรพัฒน์กล่าว
    พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวว่า ส่วนการรักษาความมั่นคงของรัฐ กองทัพไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลต่อไป ทั้งความสงบในประเทศและการป้องกันแก้ไขปัญหาแรงงาน ยาเสพติด ตลอดจนภารกิจอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ในส่วนของความร่วมมือของต่างประเทศกิจกรรมของกองบัญชาการกองทัพไทยและเหล่าทัพ รวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติในปีหน้าจะเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ สอดคล้องกับภาระของรัฐบาลที่ต้องประชุมในระดับต่างๆ ทั้งระดับรัฐบาล กระทรวง และเหล่าทัพ 
"สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ได้เน้นย้ำกวดขันกำลังพลทุกคนในเรื่องวินัยการแสดงออกว่าเป็นทหารอาชีพ การเป็นตำรวจอาชีพเพื่อให้ประชาชนทุกคนเกิดความมั่นใจว่าพวกเราทุกคนจะทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ตามกฎหมาย” ผบ.ทสส.กล่าว
รัฐประหารทางเลือกสุดท้าย
ต่อมา พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวถึงจุดยืนการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าว่า ภารกิจการเตรียมการเลือกตั้ง สิ่งที่เราสามารถทำได้คือการให้ความรู้ความเข้าใจในกฎกติกาของการเลือกตั้ง งานที่เราทำผิดชอบคือการทำให้บรรยากาศในทุกพื้นที่อยู่ในความสงบเป็นงานสำคัญของพวกเราทุกคน ส่วนการเน้นย้ำกำลังพลนั้น เพื่อเป็นแนวปฏิบัติ ต้องยึดมั่นในกรอบหน้าที่ของทหารและตำรวจ คือการทำให้ประเทศชาติ ประชาชนเกิดความสงบ ให้ความรู้ความเข้าใจ จะต้องมีจุดสมดุล เพื่อไม่ให้ข้อมูลใดๆ ก็ตามที่นำไปสู่ความเข้าใจคลาดเคลื่อน  
    พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวต่อว่า ส่วนสถานการณ์ในปีหน้านั้น หากย้อนไปเมื่อช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าคนไทยทุกคนได้เห็นว่า ใน 4 ปีนี้เป็น 4 ปีที่มีแต่ความสงบ ไม่มีการเดินขบวนประท้วงจนทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเกิดปัญหา คนไทยก็อยู่อย่างมีความสุข ทำมาหากินอย่างปกติ การติดต่อค้าขาย เศรษฐกิจไปได้ด้วยดี กฎหมายมีการบังคับใช้ ทุกคนเคารพกฎหมาย ถือว่าสังคมอยู่ในสภาวะปกติ ไม่มีอะไรต้องกังวล 
    เมื่อถามว่า จุดยืนของทหารยังอยู่เคียงข้างประชาชนใช่หรือไม่ พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวว่า จุดยืนของทหาร ตำรวจ คือจุดใดก็ได้ที่ประเทศชาติมีความสงบ และเมื่อถามย้ำว่า ในอนาคตเกิดวิกฤติการเมืองอีกครั้ง บทบาทของทหารจะเป็นอย่างไร หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงจากอำนาจ พล.อ.พรพิพัฒน์ตอบว่า หากเราไม่ไปพยากรณ์ว่าจะเกิดการจลาจล ขณะนี้การเดินทางของประเทศไทย 4 ปีที่ผ่านมาถือว่ามีพัฒนาการดี ก้าวหน้า และมีการเตรียมการไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยมาด้วยดีตลอด แทนที่เราจะคิดว่าจะเกิดการจลาจล แต่ถ้าหากเราร่วมมือการตัดสินใจให้ถูกต้อง ทุกคนมีจุดยืนที่เหมาะสมรวมกัน เราก็คงไม่ต้องไปคิดว่าจะเกิดการจลาจลหรือไม่ในอนาคต และไม่ต้องไปคิดว่าทหารต้องมาทำอะไรหรือไม่ในวันนั้น
    "สิ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผบ.ทอ.พูดนั้น ท่านพูดด้วยประสบการณ์ นั่นคือแผนเผชิญเหตุสุดท้าย แต่ในขณะที่กลไกกฎระเบียบของบ้านเมืองยังใช้บังคับได้ และผู้คนเคารพกฎหมาย ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งก็ยังไม่เห็นปรากฏว่ามีนัยสำคัญ จนถึงขนาดที่ต้องน่ากังวล การที่เราไปพูดถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น และไม่มีทีท่าว่าจะเกิด จะทำให้สังคมเกิดความกังวลได้ ผมคิดว่าเราทุกคนต้องยืนหยัดอยู่กับการรับข้อมูลและการตัดสินใจจากข้อมูลนั้นให้เกิดความสงบ อย่าไปตื่นตามประเด็นที่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาเล็กๆ น้อยๆ และคิดว่าจะเป็นเช่นนั้น" พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าว และย้ำว่า จุดยืนของกองทัพ และ สตช.คือจุดที่ประชาชนมีความสุขและประเทศชาติมีความสงบ  
    เมื่อถามว่า หากมีการรัฐประหาร เป็นทางเลือกสุดท้ายใช่หรือไม่ พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวว่า ยังไม่เห็นโอกาสที่จะเกิดความไม่สงบ และยังไม่เห็นว่าต้องไปแก้ปัญหาความไม่สงบด้วยวิธีใด ในเมื่อกฎหมายยังบังคับได้ปกติ ไม่มีเหตุผลใดที่ทำให้คนไทยต้องกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ยังมีหนทางอื่นที่ใช้มากกว่าหนทางรัฐประหาร
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการแถลง พล.อ.อภิรัตช์เดินไปจับมือกับ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ก่อนไปไหว้ชื่อของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทสส. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่ติดอยู่บนป้ายรายชื่อนายทหารที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้เป็นบิดา นอกจากนี้ ก่อนการประชุม พล.อ.อภิรัชต์ได้เดินไปดูรูปของพล.อ.สุนทร ภายในห้องรับรองนเรศวรอีกด้วย
บิ๊กแดงเมินเสียงวิจารณ์
    พล.อ.อภิรัตช์กล่าวถึงกระแสโจมตีจากฝ่ายการเมืองหลังให้สัมภาษณ์ว่า การรัฐประหารจะไม่เกิด หากฝ่ายการเมืองไม่เป็นต้นเหตุจลาจลว่า เป็นเรื่องธรรมดา ส่วนที่นายเอกชัย หงส์กังวาน จะไปแจ้งความเอาผิดในข้อหากบฏนั้น ก็ว่าไป
    ทั้งนี้ ในงานเลี้ยงอาหารกลางวันของ ผบ.เหล่าทัพ และ สตช. พล.อ.พรพิพัฒน์ได้จัดเซอร์ไพรส์วันคล้ายวันเกิดครบ 59 ปี ในวันที่ 19 ต.ค. ให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ด้วย โดยได้มอบเค้กให้
ขณะที่นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีฝ่ายการเมืองออกมาตอบโต้การให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.อภิรัชต์ ว่าการชุมนุมไม่ว่าของฝ่ายไหน ไม่ใช่สาเหตุของการยึดอำนาจ การเผาบ้านเผาเมือง การสร้างกองกำลังกบฏ มาฆ่าทหาร ฆ่าประชาชนถึงในทำเนียบฯ หรือกลางเมืองหลวง การก่อสงครามกลางเมือง หรือมุ่งร้ายต่อสถาบันสำคัญและความมั่นคงของชาติ เหล่านี้แหละเป็นเหตุที่ต้องยึดอำนาจ
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในประเด็นนี้ว่า พล.อ.อภิรัชต์พูดอย่างตรงไปตรงมาที่สุด ถ้าเป็นภาษานักพนันเรียกว่าเป็นการเปิดไฮโลแทง ในอดีตเราชินกับคำพูดของ ผบ.ทบ.ทุกคนว่าข้าพเจ้าจะไม่ยึดอำนาจ แต่สุดท้ายก็ยึดอำนาจทุกครั้ง คนไทยมีความสุขกับการพูดเท็จ จึงไม่รู้ว่าการรัฐประหารครั้งสุดท้ายจะสิ้นสุดเมื่อไร มีการยึดอำนาจทุกคน โดยเฉพาะคนที่บอกว่าจะไม่ยึดอำนาจ สาเหตุคือการหยิบยกเรื่องการจลาจล ความแตกแยกของคนในชาติทั้งเหตุการณ์ 19 ก.ย.2549 และ 22 พ.ค.2557  
“การที่ ผบ.ทบ.พูดเหมือนกับเป็นการเปิดไฮโลให้แทง ถ้าเรายังแทงผิดทั้งที่เจ้าเปิดไฮโลแทงแล้วเราคงเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ เราต้องการการเลือกตั้ง แต่อะไรจะเป็นเหตุไม่ให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งก็คือคำว่าไม่สงบ ซึ่งไม่สงบเทียม ไม่สงบจริง บ้านเมืองนี้สามารถทำขึ้นได้ทั้งนั้น จึงขอให้มีการพูดคุยกันเพื่อไม่ให้เข้าเงื่อนไขที่ พล.อ.อภิรัชต์พูด”
    นายจตุพรกล่าวอีกว่า ในอนาคตถ้ารัฐประหารจะเกิดขึ้น อยากให้คนไทยย้อนกลับไปดูการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 16 ก.ย.2500 ที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยึดอำนาจจอมพล ป. พิบูลสงคราม โดยอ้างการเลือกตั้งสกปรก จึงทำให้ตัดสินใจยึดอำนาจผู้บังคับบัญชาตัวเอง ทั้งที่จอมพลสฤษดิ์ประกาศว่าจะไม่วัดรอยเท้าจอมพล ป. จนเป็นประวัติศาสตร์ที่ทำให้ไทยสูญเสียประชาธิปไตยไปกว่า 16 ปี ทั้งนี้ ประเด็นฝ่ายการเมืองใช้กองทัพในการหาเสียง ถามว่ามีใครบ้างจะใช้ประโยชน์กองทัพ ถ้าไม่ใช่ผู้มีอำนาจ แต่มีประเด็นที่สร้างความสบายใจคือกองทัพจะสนองทุกรัฐบาล และกองทัพไม่มีวันชนะประชาชน ถ้าประชาชนไม่แตกแยกและรู้เท่าทันสถานการณ์ 
“ฝ่ายการเมืองเมื่อเรารู้โจทย์นี้ เราต้องหาทางแก้ไขมากกว่าการประณามหยามเหยียด และพูดคุยกันเพื่อหาทางออก และเป็นสัญญาประชาคมร่วมกัน เพื่อไม่ให้นำไปสู่การยึดอำนาจอีกเหมือนในปี 2500 โดยตนเสนอให้ฝ่ายผู้มีอำนาจเป็นผู้เริ่มต้นในการพูดคุย” นายจตุพรกล่าว
เจี๊ยบอัดฝาแฝดบิ๊กตู่
    ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง สมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า รู้สึกเสียดายที่ พล.อ.อภิรัชต์ยังมีความคิดหมกมุ่นเรื่องการปฏิวัติ ซึ่งสวนกระแสความเจริญของโลก อันที่จริงหน้าตาท่านก็ดูทันสมัย อายุยังไม่มากเท่าไหร่ น่าจะเป็นนายทหารยุคใหม่ที่นำการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ มาสู่กองทัพได้ แต่พอเปิดวิสัยทัศน์ออกมา ทำไมกลายเป็นเพียงตุ๊กตาฝาแฝดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เหมือนผีเน่ากับโลงผุ 
“ถ้าบุคคลระดับผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเป็นคนกำหนดทิศทางของกองทัพยังมีความคิดแบบนี้ ประชาชนคงไม่สามารถฝากความหวังให้ทหารลุกขึ้นมาปฏิรูปตัวเองได้ คงต้องให้ประชาชนช่วยกระตุ้นให้เกิดการปฏิรูปกองทัพ ให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อันที่จริงแทนที่ พล.อ.อภิรัชต์จะจ้องหาเหตุผลเพื่อเข้ามาปฏิวัติ ควรเอาเวลาไปคิดเรื่องปฏิรูปกองทัพ ในลักษณะพลิกลายพราง คือพลิกโฉมกองทัพให้มีความเป็น 4.0 เช่น เลิกปฏิวัติหรือหมกมุ่นเรื่องการเมือง เลิกบังคับเกณฑ์ทหาร และเลิกคุกคามสิทธิมนุษยชน ซึ่งจะทำให้ พล.อ.อภิรัชต์นั่งในใจประชาชนได้ โดยไม่ต้องเกาะกระแสนักร้องเกิร์ลกรุ๊ปหรือบอยกรุ๊ปค่ายไหนๆ อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องฝืนสังขารหัดเต้นท่าคุ้กกี้เสี่ยงทายโดยไม่เกรงใจสังขารตัวเอง" ร.ท.หญิง สุณิสากล่าว
    ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวอีกว่า พล.อ.อภิรัชต์ควรเรียนรู้จากบทเรียนในอดีต ว่าการเอากองทัพไปรับใช้การเมือง จะส่งผลเสียหายต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างประเมินค่ามิได้ ทั้งยังทำลายรากฐานระบบการเมือง และทำให้ประเทศถอยหลังทุกด้าน ทั้งยังเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งตนเองคงไม่มีกำลังไปต่อกรกับ พล.อ.ประยุทธ์หรือ พล.อ.อภิรัชต์ได้ แต่จะขอต่อสู้ทางความคิดผ่านแคมเปญพลิกลายพราง โดยใช้แฟนเพจเป็นช่องทางสื่อสาร เพื่อผลักดันนโยบายปฏิรูปกองทัพ ซึ่งเป็นการสื่อสารออนไลน์แบบเดียวกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังทำอยู่ ก็หวังว่า กกต.และผู้มีอำนาจรัฐจะไม่ปฏิบัติ 2 มาตรฐาน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"