"แม่ค้าลอตเตอรี่" ยันพันเปอร์เซ็นต์ "ครูปรีชา" เจ้าของรางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านตัวจริง ระบุต้นขั้วและเพื่อนข้างแผงเป็นพยาน "ผู้การฯ กาญจนบุรี" ลั่นไม่มีขบวนการโกงเงินอดีต ตร. ย้ำทำคดีโปร่งใสเป็นธรรม เตรียมนำคู่กรณีเข้าเครื่องจับเท็จพิสูจน์ "อัยการ" ชี้พงส.ต้องสอบสวนให้ได้ความจริง
    ความคืบหน้าคดี ร.ต.ท.จรูญ วิมล อดีตตำรวจถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 จำนวน 30 ล้าน เมื่องวดวันที่ 1 พ.ย.60 ที่ผ่านมา โดยไปขึ้นเงินที่กองสลากและเงินเข้าบัญชีเรียบร้อย แต่ปรากฏว่าถูกตำรวจเชิญตัวไปโรงพักข้อหาเป็นผู้ต้องสงสัยขโมยลอตเตอรี่ของนายปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง โดยครูอ้างหลักฐานพยานบุคคลเป็นแม่ค้าขายที่ระบุว่าครูคนนี้ซื้อลอตเตอรี่มาจริงๆ ส่วนเงินกว่า 20 ล้านต้องอายัดไว้ก่อน
    เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. นางรัตนาพร (ขอสงวนนามสกุล)  แม่ค้าขายลอตเตอรี่ ซึ่งเป็นผู้ขายลอตเตอรี่ฉบับที่ถูกรางวัลที่ 1 ยืนยันว่า ลอตเตอรี่ฉบับที่ถูกรางวัลตนเป็นผู้ขายให้กับนายปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งจริง โดยนายปรีชาได้ติดต่อสั่งซื้อลอตเตอรี่เลขท้าย 26 ไว้ จำนวน 5 ชุดจริง และเดินทางมารับในวันอังคารที่ 31 ต.ค.2560 ที่ตลาดนัดเรดซิตี้
    "ยืนยันเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงพันเปอร์เซ็นต์ ไม่มีการปั้นเรื่องขึ้นมาโกหกอย่างแน่นอน อีกทั้งลอตเตอรี่ฉบับดังกล่าวก็มีต้นขั้วอยู่ และมีไลน์ที่ถ่ายรูปลอตเตอรี่ส่งให้กับอาจารย์ชัดเจน ประกอบกับในวันที่อาจารย์มารับลอตเตอรี่ก็มีเพื่อนแม่ค้าที่ขายลอตเตอรี่อยู่ด้วยกันหลายคนที่สามารถเป็นพยานยืนยันให้ได้" แม่ค้าลอตเตอรี่ระบุ
    นางปณัญชยา สุขพูล หรือเจ๊เกียว แม่ค้าขายลอตเตอรี่เจ้าใหญ่ซึ่งขายลอตเตอรี่แผงข้างนางรัตนาพร กล่าวว่า นายปรีชาเป็นลูกค้าประจำของนางรัตนาพรมานานหลายปี และในงวดดังกล่าวก็มีการสั่งจองเลข 26 เอาไว้จำนวน 5 ชุด โดยนายปรีชาได้เดินทางมารับลอตเตอรี่ด้วยตนเองที่ตลาดเรดซิตี้ ในวันที่ 31 ต.ค.2560 ช่วงเวลาประมาณ 16.30 น. โดยตนนั่งอยู่ข้างกับนางรัตนาพรขณะที่นายปรีชาเดินทางมารับลอตเตอรี่และจ่ายเงินจำนวน 2,200 บาท
    "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่านายปรีชาน่าจะทำลอตเตอรี่หล่นในบริเวณตลาดที่มีคนพลุกพล่าน และอดีตตำรวจที่นำไปขึ้นเงินน่าจะเป็นผู้เก็บได้ เนื่องจากลอตเตอรี่ที่ถูกนำไปขึ้นเงินเป็นลอตเตอรี่ชุดเดียวกับที่นางรัตนาพรขายให้กับนายปรีชาอย่างแน่นอน เพราะเลขชุดทั้ง 5 ใบตรงกับต้นขั้วที่นางรัตนาพรเก็บไว้" นางปณัญชยากล่าว
    แม่ค้าขายลอตเตอรี่รายนี้กล่าวว่า การที่นางรัตนาพรอาจจะขายไปให้กับอดีตตำรวจยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เนื่องจากลอตเตอรี่ที่มีคนสั่งไว้แม่ค้าจะนำไปแยกเก็บไว้ต่างหาก ไม่รวมกับลอตเตอรี่ฉบับอื่น เพื่อเตรียมขายให้กับลูกค้าประจำที่สั่งจองไว้เท่านั้น
    ด้าน พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล รักษาการ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนคู่กรณี รวมถึงพยานที่รู้เห็นจากทั้งสองฝ่ายเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นในส่วนของการตรวจพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น ดีเอ็นเอบนลอตเตอรี่ รวมถึงการประสานขอความร่วมมือจากทางตลาดเพื่อตรวจสอบภาพวงจรปิดว่าคู่กรณีทั้งสองคนเดินทางไปที่ตลาด เพื่อไปซื้อลอตเตอรี่จริงหรือไม่
    "ตอนนี้ได้ตั้งคณะทำงานชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีนี้ขึ้นมา เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยแบ่งการทำงานกันอย่างชัดเจน เนื่องจากคดีนี้สังคมจับตาดูและให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ทางตำรวจขอยืนยันว่าจะทำคดีด้วยความตรงไปตรงมาและบริสุทธิ์ยุติธรรมที่สุด โดยหลังการตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ จะมีการนำคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไปเข้าเครื่องจับเท็จ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการสืบสวนหาความจริงด้วย" พล.ต.ต.สุทธิกล่าว
    ถามว่า ทางทนายระบุว่ามีตำรวจร่วมมือกับครูปรีชาและแม่ค้าลอตเตอรี่ในลักษณะเป็นขบวนการ เพื่อจะใส่ร้ายอดีตตำรวจที่ถูกลอตเตอรี่ รักษาการ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรีกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง และไม่มีขบวนการใส่ร้ายอย่างแน่นอน โดยที่ตนเรียก ร.ต.ท.จรูญมาสอบถาม ก็เป็นการเชิญมาสอบถามตามปกติ โดยให้ร.ต.ท.จรูญเลือกวันเวลาได้ตามสะดวก แต่เขาเดินทางมาในช่วงเย็นหลังเลิกงาน ตนกลับบ้านพักแล้วจึงให้เดินทางมาพบที่บ้านพัก โดยไม่มีการพูดจาข่มขู่หรือบีบบังคับใดๆ ทั้งสิ้น
    "ที่ผ่านมาผมเคยให้ผู้ที่เดือดร้อนเรื่องต่างๆ เข้าพบที่บ้านพักเป็นประจำ เรื่องนี้จึงถือเป็นเรื่องปกติ และผมมีเจตนาเพียงจะสอบถามข้อเท็จจริงเท่านั้น ซึ่งเมื่อร.ต.ท.จรูญยืนยันว่าตนเองเป็นผู้ที่ซื้อมาเอง ก็จะต้องนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะส่งสำนวนและพยานหลักฐานต่างๆ ให้ศาลเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด จึงอยากวอนขอให้สังคมเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยว่าจะไม่มีการเอนเอียงเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอย่างแน่นอน" รักษาการ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรีกล่าว
    ขณะที่ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนรับเรื่องแจ้งความต้องรวบรวมพยานหลักฐานที่มีความเห็นทางคดีเพื่อส่งอัยการ ซึ่งเมื่อต่างคนต่างอ้างเป็นของตัวเองก็ต้องไปสู้กันที่ศาล
    "เรื่องนี้ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากตำรวจในพื้นที่ ก็สามารถไปที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ให้พนักงานสอบสวนที่กองบัญชาการทำก็ได้ หรือทำเรื่องขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวน วิธีการไม่ยาก ถ้าไม่เชื่อมั่นระดับกองบังคับการก็ส่งเรื่องไปยังกองบัญชาการเพื่อออกคำสั่งให้พนักงานสอบสวนคนใดคนหนึ่งไปรับผิดชอบแทน" พล.ต.อ.วิระชัยกล่าว
    เมื่อถามถึงเรื่องที่พนักงานสอบสวนอายัดเงินของกลาง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า ระหว่างสืบสวนสอบสวนสามารถอายัดได้ แต่ถ้าระยะยาวต้องให้ศาลสั่ง แต่ถ้าเรื่องไปสิ้นสุดที่อัยการ อัยการสั่งไม่ฟ้อง อัยการก็จะสั่งของกลางที่อายัดคืนให้ตามกระบวนการ
    ส่วนนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีนี้อยู่ที่กระบวนการสอบสวนของตำรวจตามที่มีฝ่ายหนึ่งแจ้งความ และมีการรับเป็นคดีแล้ว ต้องสอบสวนให้ได้ความจริงว่าลอตเตอรี่ดังกล่าวเป็นของใครกันแน่ ก่อนมีความเห็นเสนออัยการพิจารณาต่อไป
    "การสอบสวนต้องทำทั้งสองฝ่ายให้บอกให้ได้ว่าความจริงคืออะไร ใครผิด ไม่ผิดเพราะอะไร ว่าไปตามพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนไปรวบรวมมา ทุกคนจะพูดลอยๆ ไม่ได้ เช่น ผู้ซื้อจริงก็ต้องบอกได้ว่าซื้อที่ไหน คนขายมีลักษณะอย่างไร ซึ่งทางอัยการยังไม่มีใครเข้ามาร้องขอในเรื่องนี้ จนกว่าทางตำรวจจะรวบรวมข้อเท็จจริงพยานหลักฐานส่งให้อัยการพิจารณา" รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดกล่าว
    นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด กล่าวว่า การสอบสวนยังซับซ้อนอยู่พอสมควร เป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนต้องเน้นการพิจารณาพยานหลักฐานและความมีเหตุผลในประเด็นต่างๆ เช่น ถ้ารู้ว่าเป็นเจ้าของสลากจริง จะยอมให้มีการแบ่งเงินคนละครึ่ง เป็นเรื่องยาก หรือประเด็นสลาก 5 เล่ม ที่คนขายบอกว่าซื้อจากเพื่อน ก็ต้องถามว่าเพื่อนเอามาจากไหน ขายเท่าไหร่ ซึ่งจะมีประเด็นพัวพันเรื่องการขายเกินราคาด้วย เพราะมีการซื้อมากกว่าราคาตลาด แม่ค้าอาจถูกดำเนินคดีก่อน
    ที่ จ.บุรีรัมย์ มีรายงานความคืบหน้าคดีที่นายพันธุ์ศักดิ์ เสือชุมแสง หรือปื๊ด อายุ 31 ปี ชาว ต.หัวถนน     อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าถูกขโมยลอตเตอรี่ที่ตนเองถูกรางวัลที่ 1  งวดประจำวันที่ 16 ส.ค.2560 หมายเลข 715431 จำนวน 2 คู่ เป็นเงิน 12 ล้านบาท กระทั่งต่อมาทราบว่ามีคนนำลอตเตอรี่ชุดดังกล่าวไปขึ้นเงินแล้วเมื่อวันที่ 23-24 ส.ค.ที่ผ่านมา คือนายวิทยา ธนทรัพย์สิน  และนางขวัญศิริ  ธนทรัพย์สิน  สองสามีภรรยาชาว อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด จนมีการตรวจพิสูจน์ตามขั้นตอนนั้น
    มีรายงานว่า ขณะนี้ผลตรวจลายนิ้วมือแฝงและดีเอ็นเอเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างเดินทางไปรับผลตรวจที่กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมได้ประสานคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมารับฟังผลตรวจพร้อมกัน และจะมีการแถลงต่อสื่อมวลชนให้สังคมได้รับทราบพร้อมกัน ในวันที่ 12 ธ.ค.ที่จะถึงนี้     
    อย่างไรก็ดี พ.ต.อ.ไพศาล สุวรรณทา ผกก.สืบสวน บก.ภ.จว.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นจากการตรวจสอบโดยกองพิสูจน์หลักฐาน มีผลแจ้งอย่างไม่เป็นทางการว่าผลการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ไม่พบมี DNA ของนายพันธุ์ศักดิ์บนแผ่นสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือ ลอตเตอรี่ฉบับดังกล่าว
    "ข้อมูลที่ได้เป็นเพียงการสอบถามจากกองพิสูจน์หลักฐาน แต่หลักฐานตัวจริงยังมาไม่ถึง ซึ่งจะต้องรอเอกสารจากกองพิสูจน์หลักฐานมายืนยันอีกครั้งก่อนจะสรุปผลคดีส่งอัยการอีกครั้ง" พ.ต.อ.ไพศาลกล่าว.