พาณิชย์ชี้ปีนี้ข้าวราคาดี เตรียมหาทางช่วยชาวนาลดต้นทุนรถเกี่ยวนวด


เพิ่มเพื่อน    

 

“พาณิชย์”ช่วยลดต้นทุนชาวนา ประสานชมรมรถเกี่ยวนวดข้าวไทยลงพื้นที่ไปช่วยเกี่ยวข้าวในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด คิดราคาถูกกว่าปกติเหลือ 450-500 บาทต่อไร่ พร้อมย้ำปีนี้เป็นปีทอง หลังผลผลิตลด ราคามีแนวโน้มสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เผยข้าวเปลือกหอมมะลิปัจจุบันตันละ 1.6-1.7 หมื่นบาท บางพื้นที่ทะลุ 1.8 หมื่นบาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 8 พันบาท  

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2561 กรมฯ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ชมรมรถเกี่ยวนวดข้าวไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมอนามัย มาหารือเพื่อแก้ไขปัญหารถเกี่ยวข้าวไม่เพียงพอในช่วงที่ผลผลิตข้าวเปลือกปี 2561/62 ออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.ของทุกปี ทำให้เกษตรกรบางพื้นที่ประสบปัญหาไม่สามารถเกี่ยวข้าวได้ หรือจะไปจ้างรถมาเกี่ยวก็มีค่าบริการที่สูง โดยชมรมรถเกี่ยวนวดข้าวไทย จะคิดค่าบริการรถเกี่ยวแก่เกษตรกรในอัตรา 450-500 บาทต่อไร่ จากปกติ 700 บาทต่อไร่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะอำนวยความสะดวกในการอนุญาตให้ผู้ประกอบการรถเกี่ยวบรรทุกขนย้ายรถเกี่ยวนวดข้าวเป็นการชั่วคราวจนถึงเดือนก.พ.2562 และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะพิจารณายกเว้นหรือเรียกเก็บค่าธรรมเนียมผู้ประกอบการรถเกี่ยวข้าวนอกสถานที่ในอัตราต่ำสุด

“การดำเนินการดังกล่าว เป็นการช่วยลดต้นทุนให้กับชาวนาได้ถึงไร่ละ 200-300 บาท ในช่วงที่ผลผลิตข้าวออกสู่ตลาดมาก ทำให้ชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวได้ทัน ผลผลิตข้าวมีคุณภาพดี และขายข้าวเปลือกได้ในราคาที่สูงขึ้น”

นายวิชัยกล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกนาปีขณะนี้ มีแนวโน้มที่เกษตรกรจะขายได้ราคาสูงกว่าปีที่ผ่านมา โดยข้าวเปลือกหอมมะลิปัจจุบันอยู่ที่ 1.6-1.7 หมื่นบาทต่อตัน บางพื้นที่ขึ้นไปถึง 1.8 หมื่นบาทต่อตัน สูงเป็นประวัติการณ์ เพราะผลผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิปีนี้ โดยเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกสำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ร้อยเอ็ด นครราชสีมา ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่น ชัยภูมิ เกิดภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตลดลง 20% คาดว่าจะมีผลผลิตเพียง 7 ล้านตัน และในจำนวนนี้จะออกสู่ตลาดช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. ประมาณ 5 ล้านตัน

ส่วนข้าวเปลือกเจ้า คาดว่าจะมีผลผลิตประมาณ 18 ล้านตัน โดยราคาข้าวเปลือกเจ้าเกี่ยวสดอยู่ที่ตันละ 6.5-6.7 พันบาท และข้าวเปลือกเจ้าแห้งตันละ 8 พันบาท ซึ่งเป็นราคาที่ปรับสูงขึ้นจากปีที่แล้ว และคาดว่าราคาจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ต่อไป

“ที่ประเมินว่าราคาข้าวเปลือกที่ชาวนาจะขายได้ยังคงมีราคาสูงกว่าปีที่ผ่านมาทุกชนิดข้าว แม้ช่วงนี้ข้าวฤดูกาลใหม่จะออกสู่ตลาด เพราะปัจจุบันมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และประเทศในแถบแอฟริกา และผลจากการที่สต๊อกข้าวรัฐบาลเหลือในปริมาณที่น้อยมาก ทำให้ไม่มีปัจจัยลบที่เป็นตัวกดราคาข้าวในประเทศ โดยปีนี้ คาดว่าไทยจะส่งออกข้าวได้ตามเป้าหมาย 11 ล้านตันอย่างแน่นอน”นายวิชัยกล่าว

สำหรับกรณีที่มีข้าวว่ามีการนำข้าวหอมปทุมธานีในพื้นที่ภาคกลางขึ้นไปขายเป็นข้าวหอมมะลิ เพราะได้ราคาดีกว่านั้น กรมฯ ได้ประสานงานไปยังพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่เพาะปลูกข้าวหอมปทุมธานีให้ช่วยสอดส่องดูแลแล้ว และไม่เชื่อว่าจะมีการดำเนินเช่นนี้ได้ เพราะโรงสีที่รับซื้อข้าวมีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบข้าวอยู่แล้ว แต่ถ้าพบว่ามีการดำเนินการจริง จะจัดการขั้นเด็ดขาดในข้อหาฉ้อโกง มีโทษทั้งปรับและจำคุก เพราะทำให้ภาพลักษณ์ของข้าวหอมมะลิเสียหาย หรือหากใครมีเบาะแส ก็สามารถแจ้งมาได้ที่สายด่วน 1569

นายวิชัยกล่าวว่า มาตรการดูแลราคาข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก รัฐบาลได้ดำเนิน 3 โครงการ เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย.2561 เป็นต้นไป คือ โครงการชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โดยช่วยเหลือค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท กรณีฝากไว้ในยุ้งฉางต้นเอง และตันละ 1,000 บาท ฝากไว้ที่สหกรณ์ และช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพไร่ละ 1,500 บาท ไม่เกิน 12 ไร่ หรือครัวเรือนละ 18,000 บาท , โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร  และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก

ส่วนการแก้ปัญหาในพื้นที่ที่มีผู้ประกอบการรับซื้อน้อย ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดจัดตลาดนัดข้าวเปลือก โดยนำผู้ประกอบการจากพื้นที่อื่นหรือนอกจังหวัดเข้ามาร่วมรับซื้อเพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์ในการซื้อขาย รวมทั้งได้รับความเป็นธรรมในการชั่งน้ำหนักและวัดความชื้นด้วย


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"