ม.รังสิต -จับมือเอ็นจีโอ แถลงการณ์ จวกรัฐผูกขาด"กัญชา"จี้ยกเลิกซะ ไม่งั้นจะถูกมองเอื้อกลุ่มทุน 


เพิ่มเพื่อน    


 

16 พ.ย.61- เมื่อเวลา 11.00 น. ที่มหาวิทยาลัยรังสิต ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมด้วย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย นายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้หารือร่วมกับ พล.ร.อ.ชาญชัย เจริญสุพรรณ นายกสภาการแพทย์แผนไทย น.ส.รสนา โตสิตระกูล กรรมการมูลนิธิสุขภาพไทย และเครือข่ายภาคประชาสังคม ประกอบด้วย มูลนิธิชีววิถี (ไบโอไทย) มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กลุ่มเอฟทีเอ ว็อทช์ และนักวิชาการด้านทรัพย์สินทางปัญญา  เพื่อหารือแนวทางป้องการผูกขาดกัญชาและการดำเนินการเรื่องสิทธิบัตรสารสกัดกัญชาของชาวต่างชาติในประเทศไทย
 

ดร.อาทิตย์ ได้แถลงข่าวว่า จากการหารือร่วมกันระได้ข้อสรุปร่วมกันในการออกแถลงการณ์ ซึ่งจะส่งไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่จะมีการหารือร่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา กรณีการรับคำขอสิทธิบัตรสารกสัดจากกัญชา และจะต้องมีการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ... ที่เสนอโดย สนช. 44 คน เพื่อให้ดำเนินการแก้ปัญหาตามข้อแถลงการณ์ โดยเฉพาะเรื่องของการผูกขาดกัญชาและการเพิกถอนคำขอสิทธิบัตรกัญชา ซึ่งขณะนี้ทราบว่า ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งทีมขึ้นมาแก้ปัญหาแล้ว โดยขอเวลา 1 สัปดาห์ ซึ่งเราก็จะคอยดูว่า จะแก้ไขอย่างไร หากยังมีอะไรคลุมเครือ หรือไม่เป็นไปตามที่เรายื่นแถลงการณ์ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายในการฟ้องร้องกรมทรัพย์สินทางปัญญาทันที
 

นายปานเทพ กล่าวถึงแถลงการณ์เครือข่ายประชาสังคมกัญชาเพื่อการแพทย์สำหรับประชาชน เรื่อง ปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์เป็นการทั่วไปเพื่อประโยชน์ของคนไทยทุกคน โดยสรุปว่า 1.ต้องไม่ให้มีการผูกขาดการใช้ประโยชน์จากกัญชาไว้เฉพาะทางราชการหรือต่างชาติ หรือเอกชนรายใดรายหนึ่งโดยเด็ดขาด ต้องให้ประชาชนมีสิทธิใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เป็นการทั่วไป  อย่าง ม.รังสิต วิจัยสารสกัดกัญชาที่มีผลให้เซลล์มะเร็งท่อน้ำดีตายในหลอดทดลอง พัฒนาสเปรย์กัญชาฉีดพ่น สกัดกัญชาบริสุทธิ์ 100% ได้ สะท้อนว่ายังมีนักวิจัยไทยและเอกชนไทยอีกมากที่มีความสามารถในการพัฒนา ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาต่างชาติ
 

การผูกขาดโดยหน่วยงานรัฐเพื่อประโยชน์ทางราชการทั้งระบบ ตั้งแต่การปลูก การผลิต ครอบครอง จำหน่ายสารสำคัญของกัญชาไว้เอง โดยอ้างว่าเป็นยาเสพติด เป็นการกีดกันความสามารถภาคเอกชนไทยและแพทย์แผนไทยที่พัฒนาไปมากแล้วอย่างไร้คุณธรรม ไม่ทำให้เกิดการแข่งขันด้านคุณภาพและราคา เปิดช่องว่างเกิดการวิ่งเต้นเอื้อผลประโยชน์การนำเข้ากัญชาหรือสารสกัดกัญชา ทั้งการกำหนดสายพันธุ์ การเพาะปลูก เครื่องมืออุปกรณ์สกัด เทคโนโลยีต่างๆ หรือสัมปทานผูกขาดกลุ่มทุน จึงขอคัดค้านร่างแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกับกัญชาที่มีแนวคิดผูกขาดให้หน่วยงานรัฐอย่างเดียว นอกจากนี้ ขอให้ถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดทุกประเภท ให้อยู่ในฐานะพืชสมุนไพรที่มีการควบคุมอย่างเหมาะสม และนำมาใช้ทางการแพทย์ให้ได้คล่องตัวมากขึ้น เพราะมีผลวิจัยชัดว่ากัญชาเสพติดยากกว่าเหล้าและบุหรี่มาก และเรียกร้องให้รัฐบาลให้ผู้ป่วยเพาะปลูกเพื่อประโยน์ทางการแพทย์สำหรับตัวเองได้ ประชาชนและเอกชนสามารถขออนุญาตเพาะปลูกเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์โดยทั่วไป ผลิตและแปรรูปได้ ส่งออกจำหน่ายต่างประเทศได้
 

นายปานเทพ กล่าว่า 2.ยกเลิกคำขอการจดสิทธิบัตรกัญชาทุกฉบับโดยทันที ซึ่งปัจจุบันมีไม่ต่ำกว่า 11 ฉบับ บางส่วนผ่านขั้นตอนประกาศโฆษณาไปแล้ว ขณะที่ ม.รังสิตประสานขอจดอนุสิทธิบัตรนวัตกรรมสารสกัดกัญชากลับไม่ได้รับอนุญาต เพราะางว่ายังอยู่ในบัญชียาเสพติด เป็นการเลือกปฏิบัติกัดกันคนไทย เอื้อประโยชน์เฉพาะทุนต่างชาติ จะทำให้ไทยพึ่งตนเองไม่ได้ ต้องนำขเาอย่างเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ จากการตรวจสอบคำขอจดสิทธิบัตรกัญชาไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเป็นการจดสารสกัดจากพืช และใช้เพื่อการรักษาโรค ขัดต่อศีลธรรมอันดีตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ยกเลิกคำขอสิทธิบัตรเกี่ยวกับกัญชาทั้งหมดทันที และพิจารณาคำขอสิทธิบัตรตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่ง ม.รังสิตจะรับหน้าที่ในการดำเนินการทางกฎหมายทุกกระบวนการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนต่อไป
 

3.หยุดสร้างอุปสรรคขัดขวางการสรางนวัตกรรมและการวิจัย และใช้ข้ออ้างการวิจัยเพื่อจำกัดการใช้กัญชาทางการแพทย์ โดยขอให้รัฐบาลส่งเสริมให้ทุกมหาวิทยาลัย สามารถวิจัยกัญชาได้โดยอิสระ ไม่สร้างขั้นตอนเป็นอุปสรรคในงานวิจัย โดยเฉพาะวิจัยในมนุษย์ เพราะทุกมหาวิทยาลัยมีขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมในวิจัยอยู่แล้ว จึงควรสนับสนุนให้มีการวิจัยในมนุษย์เร็วที่สุด และขยายข้อบ่งชี้การใข้กัญชาทางการแพทย์ให้มากขึ้น นำมาใช้ได้ทันทีด้วยดุลพินิจของแพทย์ ไม่ต้องวิจัยซ้ำซ้อนจากการที่มีวิจัยไปแล้วในต่างประเทศ หรือตำรับยาการแพทย์แผนไทยที่มีการเข้ากัญชา ซึ่งเคยมีการใช้ในมนุษย์มาหลายร้อยปีให้สามารถกลับมาใช้ได้ทันทีตามประกาศขององค์การอนามัยโลก  และ 4.ปลดล็อกการใช้กัญชาให้แพทย์แผนไทยด้วย เพราะมีการใช้มาหลายร้อยปีแล้ว จึงขอเรียกร้องให้แพทย์แผนไทยสามารถใช้กัญชาตามตำรับยาแพทย์แผนไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุด

พล.ร.อ.ชาญชัย เจริญสุวรรณ นายกสมาคมการแพทย์แผนไทย กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าการปลดล็อคเป็นสิ่งที่พูดดูดี แต่มันไม่ได้ปลดแท้จริงตามที่สธ.บอกคือการใช้สารสกัด ดังนั้นการวิจัยและทดลอง 5 ปีเพื่อใช้สกัดคือการปลดล็อค ด้านเดียว ซึ่งหากมีความเที่ยงธรรมควรควบคู่ภูมิปัญญาที่ใช้ ดอก รากได้ ที่มีการทำกันในการใช้กัญชาใต้ดิน ดังนั้นเป็นการปิดกั้นการแพทย์แผนไทย  เราจะต้องสูญเสียนวัตกรรมไทยไปอีก 5 ปี หลังจากสูญมาแล้วประมาณ 30-40 ปี ซึ่งเราเสียเวลาไปมากแล้ว ซึ่งคนที่มาใช้แพทย์แผนไทยส่วนมากคือคนไร้หนทาง สิ้นหวัง ระยะ 5 ปีที่ถูกปิดกั้น จะทำให้ประชาชนเสียโอกาสและเสียชีวิตไปอีกเท่าไหร่ ตรงนี้มองไม่เห็นอนาคต เ เราต้องการความยุติธรรมในเรื่องนี้ ทั้งที่รัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้ทำได้ องค์การอนามัยโลกก็เปิดโอกาสให้ประเทศที่ใช้แพทย์ดั้งเดิมประจำชาติกำหนดกติกาตัวเองได้ ซึ่งเราก็มีประกาศตำรายาไทยแห่งชาติ ที่ใช้ได้ถูกต้องตามกฎหมาย 
 

เมื่อถามว่าจะมีข้อเสนอในการแก้ไขเรื่องการผูกขาดโดยรัฐและปลดออกจากยาเสพติดอย่างไร  นายปานเทพ กล่าวว่า ร่างกฎหมายฉบับเสนอโดย สนช. 44 คนถือว่ามีความครอบคลุมค่อนข้างมาก เพราะใช้ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทยได้ แต่จะต้องแก้ไขเรื่องของการผูกขาดโดยรัฐ ซึ่งที่ผ่านมาพวกเราเคยเสนอความเห้นเรื่องนี้กันไปแล้ว หากจะแก้ไขก็ต้องไปแก้ในชั้นแปรญัตติ ซึ่ง สนช.จะต้องแก้ไขเรื่องนี้ ซึ่งหากแก้ไขได้ระยะสั้นนี้ก็จะมีโอกาสใช้กันได้มากขึ้น ไม่เกิดการผูกขาด แพทย์แผนไทยก็สามารถใช้ได้  ส่วนเรื่องการปลดออกจากยาเสพติดเลยนั้น ตรงนี้รับาลอาจะต้องใช้คำสั่ง ม.44 ในการปลดล็อกออกไปเลย เพราะสามารถเขียนแก้กฎหมายที่เกี่ยวกับกัญชาได้ทุกฉบับว่าจะให้ออกมาเป็นอย่างไร และสามารถกำหนดหลักเกณฑ์ที่จะควบคุมในฐานะเป็นพืชสมุนไพรเพื่อใข้ทางการแพทย์ได้ด้วย ซึ่งหากทำเป็นยาก็มีมาตรฐานของ อย.ในการกำกับดูแล และยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทก็ไม่จำเป้นที่จะต้องเป้นยาเสพติดเสมอไป และไม่ควรไปยกเป้นประเภท 2 เหมือนมอร์ฟันด้วย เพราะทำให้เกืดการใช้ที่ยาก
 

ดร.อาทิตย์ กล่าวว่า หากรัฐบาลจริงใจมองเห็นประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก ตนมองว่าการออก ม.44 เพื่อปลดกัญชาออกจากยาเสพติดเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพราะมีไว้สำหรับแก้ปัญหาที่ติดขัดยุ่งเหยิง ซับซ้อนในราชการแผ่นดิน ไม่ใช่ใช้กับเรื่องของการโยกย้ายข้าราชการ ควรเอามาใช้ตามวัตถุประสงค์เช่นเรื่องของกัญชาที่มีกฎหมายเกี่ยวข้องหลายฉบับ เพราะหากรอออกกฎหมายใหม่ก็ใช้เวลานาน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"