วันที่ 21 พ.ย.นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เขตพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ.... ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก่อนที่จะประกาศใช้อย่างเป็นทางการ  ซึ่งในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มีการดำเนินการการจัดการศึกษาในพื้นที่นวัตกรรมนำร่องไปก่อนแล้ว  6 จังหวัด ได้แก่  จังหวัดระยอง  ศรีสะเกษ สตูล เชียงใหม่ กาญจนบุรี และปัตตานี  ซึ่งมีเป้าหมายต้องการสร้างนวัตกรรมเชิงพื้นที่ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เน้นความเป็นอิสระ การบริหารจัดการตนเอง และส่วนกลางทำหน้าที่ดูข้อจำกัดต่างๆ บางส่วนเท่านั้น เช่น งบประมาณ หรือการบริหารงานบุคคล เป็นต้น สำหรับการขับเคลื่อนนำร่องในพื้นที่ดังกล่าวได้มีการวางแผนเพิ่มขีดความสามารถของจ.เชียงใหม่ ให้มีการกำหนดอัตลักษณ์และสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ พร้อมสร้างเครือข่ายลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและการใช้ภาษาไทยของเด็ก ส่วนจ.ศรีสะเกษได้กำหนดภาพในอนาคตข้างหน้า 10 ปี ว่า เด็กนักเรียนภายใต้สโลแกน "อยากให้เด็กรู้คิด จิตใจดี มีทักษะอาชีพ" 
    นายบุญรักษ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ส่วน จ.กาญจนบุรี ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวได้กำหนดให้เด็กอ่านออกเขียนได้ เพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็ก รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาช่วยการจัดการเรียนการสอน  ขณะที่ จ.ระยอง เป็นพื้นที่อุตสาหกรรม เน้นการสร้างเด็กตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ให้เป็นนักนวัตกร โดยเชื่อมโยงสถาบันอุดมศึกษา และใช้โมเดลโรงเรียนกำเนิดวิทย์เป็นต้นแบบการจัดการศึกษาเพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรม  ขณะเดียวกันที่จ.สตูลจะจัดการศึกษาพิเศษนำร่อง 10 โรงเรียนใช้เครือข่ายจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและสำนักงานกองทุนสนับสนุนวิจัย (สกว.) เข้ามาช่วยสร้างหลักสูตรชุมชน สุดท้ายจ.ปัตตานี เป็นพื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีการดำเนินการนโยบายการจัดการศึกษาด้านต่างๆ ของ ศธ.อยู่แล้ว แต่เพิ่มจุดเน้นลดความเหลื่อมล้ำพร้อมกับการสร้างคุณภาพการศึกษา โดยการสร้างหลักสูตรการเรียนการสอนแบบเพาะพันธุ์ปัญญาให้แก่ผู้เรียนเปิดโอกาสให้เด็กในพื้นที่ได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างมีคุณภาพมากขึ้น