8 ธ.ค.60- ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้เลือกองค์คณะให้ครบ 9 คน เพื่อพิจารณาคำร้องของนายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด ที่ได้ลงนาม ยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลยกเลิกคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว พร้อมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งดำเนินกระบวนพิจารณา โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลยตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (วิ อม.) พ.ศ.2560 มาตรา 28, 69, 70 ในคดีหมายเลขดำ อม.9/2551 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในคดีทุจริตออกกฎหมายแปลงสัมปทานโทรคมนาคมและมือถือเป็นภาษีสรรพสามิต ที่อยู่ระหว่างจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราวเนื่องจากไม่มีตัวจำเลย จนได้องค์คณะในคดี 6 คนประกอบด้วย 1.นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ รองประธานศาลฎีกา 2.นายโสภณ โรจน์อนนท์ รองประธานศาลฎีกา 3.นายธนสิทธิ์ นิลกำแหง รองประธานศาลฎีกา 4.นายวิชัย เอื้ออังคณากุล รองประธานศาลฎีกา 5.นางอุบลรัตน์ ลุยวิกกัย รองประธานศาลฎีกา และ 6.นายพิศล พิรุณ ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ผู้สื่อข่าวตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า องค์คณะเดิมในคดีนี้อีก 3 คน ที่ยังรับราชการอยู่ในศาลฎีกา ประกอบด้วย 1.นายไพโรจน์ วายุภาพ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานศาลฎีกา 2.นายประทีป เฉลิมภัทรกุล ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และ 3.นายดิเรก อิงคนินันท์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานศาลฎีกา

ทั้งนี้ตามขั้นตอนเมื่อได้องค์ครบทั้ง 9 คน และนายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา ได้ลงนามรับรองแล้ว จะมีการติดประกาศรายชื่อองค์คณะผู้พิพากษาเฉพาะที่เลือกจากที่ประชุมใหญ่ 6 คน ไว้ที่ศาลฎีกาภายใน 5 วันนับแต่วันประชุมใหญ่ เพื่อให้คู่ความทราบ และเปิดโอกาสให้มีการคัดค้านผู้พิพากษาที่ได้รับเลือก ซึ่งการยื่นคัดค้านคู่ความสามารถยื่นได้ตั้งแต่วันที่มีการติดประกาศไปจนก่อนที่จะเริ่มมีการไต่สวนพยานในคดี      

องค์คณะผู้พิพากษาที่ได้รับการคัดเลือก 6 คน และองค์คณะเดิม 3 คน จะทำการคัดเลือกผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน 1 คน โดยใช้วิธีลงคะแนนลับ แต่หากในคดีนี้พบว่าองค์คณะ 3 คนเดิมนั้น มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของสำนวนเดิมในคดีที่พักการพิจารณาไว้อยู่แล้วก็จะไม่ต้องเลือกใหม่ ให้ใช้เจ้าของสำนวนคนเดิมได้ และเมื่อได้เจ้าของสำนวนและองค์คณะครบทั้ง 9 คน ก็จะมีการหยิบยกคำร้องของอัยการสูงสุดที่ขอให้ยกเลิกคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว พร้อมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปโดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลยขึ้นมาพิจารณา ถ้าเห็นว่าคำร้องดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายก็จะมีคำสั่งรับคำร้องอนุญาตให้มีการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไปตามกฎหมายใหม่ ซึ่งระหว่างนี้ฝ่ายจำเลยจะสามารถแต่งตั้งทนายเข้ามายื่นคำร้องต่างๆ ในคดีได้ ไม่ว่าจะเป็นคำให้การ หรือคำแถลงคัดค้านคำร้องต่างๆ หลังจากนั้นก็จะเป็นกระบวนการไต่สวนพยานคู่ความในศาลฎีกาฯ ที่อัยการสูงสุดจะต้องเป็นฝ่ายนำพยานเข้าไต่สวนก่อน และตามด้วยฝ่ายจำเลยตามขั้นตอนปกติ.