'คณบดีนิด้า'ตอก'สุวิทย์'อ้างคนจะอดตายเท่ากับสารภาพแก้ปัญหาเศรษฐกิจล้มเหลว


เพิ่มเพื่อน    

 

14ธ.ค.61-นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) และประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.)โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง เมื่อรัฐมนตรียอมรับว่ารัฐบาลบริหารประเทศล้มเหลวอย่างไม่รู้ตัว ว่า
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวตอบคำถามผู้สื่อข่าวในทำนองว่า โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เติมเงินให้ผู้ถือบัตร ๕๐๐ บาท ไม่ใช่เป็นการแจกเงินคนจน เพราะเมื่อประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอ ก็ต้องเติมเงินให้ประชาชน คนจะอดตายอยู่แล้ว ต้องเติมเงินให้ จากนั้นให้เขาไปพัฒนาตนเอง
สิ่งที่นายสุวิทย์พูดด้านบนนั้น เป็นการพูดโดยใช้ลีลาและลูกเล่นการตอบสื่อมวลชนแบบนักการเมืองเก่า แต่จะด้วยความอ่อนประสบการณ์หรืออย่างไรไม่ทราบ ทำให้คำตอบกลายเป็นคำสารภาพถึงความล้มเหลวในการบริหารประเทศของรัฐบาลอย่างชัดเจน
ลีลาการตอบคำถามแบบแบบนักการเมืองเก่าๆ คือการสร้างวาทกรรมเพื่อเบี่ยงเบนและกลบเกลื่อนลักษณะความเป็นนโยบายประชานิยมของนโยบายสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้วิธีการอธิบายการกระทำที่มีความหมายเหมือนกันด้วยประโยคที่แตกต่างกันเพื่อบรรเทาความหมายเชิงลบที่แฝงอยู่ในประโยค ดังที่เขากล่าวว่า “การเติมเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่ใช่การแจกเงินคนจน” นั่นคือ การพยายามแยกว่า “การเติมเงิน” ไม่เหมือนกับ “การแจกเงิน” ทั้งที่ทั้งสองคำมีความหมายเหมือนกัน นั่นคือการมอบเงินให้ผู้อื่น
อนึ่งนายสุวิทย์คงลืมไปว่า หลักการของโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คือการทำบัตรให้กับคนจน ดังนั้นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็คือคนจนหรือคนมีรายได้ต่ำ หากนายสุวิทย์บอกว่า การเติมเงินในบัตรไม่ใช่แจกเงินคนจน ก็แปลว่า ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่ใช่คนจน นั่นหมายถึงความล้มเหลวครั้งใหญ่ของการการนำนโยบายนี้ไปปฏิบัติ เพราะทำบัตรให้กับคนที่ไม่จน ซึ่งขัดแย้งกับหลักการของนโยบาย เท่ากับว่า ที่ผ่านมารัฐบาลให้การช่วยเหลือคนที่ไม่จนจริง
ในอีกแง่มุมหนึ่ง ดูเหมือนนายสุวิทย์ยังมีการใช้ตรรกะแปลกๆที่ขัดแย้งกันเอง ดังที่กล่าวในประโยคแรกพูดว่า “ไม่ใช่แจกเงินคนจน” แต่กลับพูดต่อว่า “ประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอ ต้องเติมเงินให้ คนจะอดตายอยู่แล้ว” ตกลงคนที่มีรายได้ไม่เพียงพอและกำลังจะอดตายไม่ใช่คนจนในทัศนะนายสุวิทย์หรืออย่างไร ดูการพูดแล้วมีความสับสนอยู่ไม่น้อย สงสัยคงตอบแบบมึนๆ หรืออาจจะเลียนแบบการพูดของนายกรัฐมนตรีมาก็เป็นได้
และการที่นายสุวิทย์พูดว่า “ประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอ กำลังจะอดตาย” เท่ากับเป็นการยอมรับโดยไม่รู้ตัวว่า ตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลประยุทธ์ที่นายสุวิทย์ เป็นรัฐมนตรีอยู่ด้วยนั้นมีฝีมือในการบริหารประเทศต่ำมาก ล้มเหลวและไร้ประสิทธิผลอย่างสิ้นเชิง สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประชาชนจึงตกต่ำและเลวร้ายจนกระทั่งคนมีรายได้ไม่เพียงพอและกำลังจะอดตาย
ดังนั้นความจริงที่เผยตัวออกมาจากคำพูดของนายสุวิทย์ จึงทำให้เราทราบอย่างกระจ่างชัดว่า
๑ ที่แท้โครงการสวัสดิการแห่งรัฐ ก็คือนโยบายประชานิยมแบบหนึ่งนั่นเอง
๒. แต่คนถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอาจไม่ใช่คนจน
๓. การเติมเงินให้คนถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ใช่เป็นการแจกเงินคนจน แต่อาจเป็นการแจกเงินแก่ ผู้ที่ไม่ใช่คนจน
๔. ปัจจุบันคนมีรายได้ไม่เพียงพอและกำลังจะอดตาย รัฐบาลจึงต้องเร่งแจกเงิน
๕. รัฐมนตรีคนหนึ่งของรัฐบาลสารภาพออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า การบริหารเศรษฐกิจของประเทศล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"