วงประชุมกม.ยาเสพติดชี้อย่าเพิ่งหวังปลูกกัญชาเพื่อส่งออก


เพิ่มเพื่อน    

17 ธ.ค.61- นายจิตรนรา นวรัตน์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด กล่าวถึงการประชุมเรื่องกฎหมายยาเสพติด กัญชา กระท่อม การบำบัดรักษาและการฟื้นฟูสภาพทางสังคมแก่ผู้ติดยาเสพติด ทิศทางและแนวโน้มของกฎหมายอย่างที่ควรจะเป็น ร่วมกับนพ.คำนวน อึ้งชูศักดิ์ กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดร.นพดล กรรณิกา ประธานมูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ  และตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC  กำหนดพืชที่เป็นสารเสพติดหลักของโลก 3 ชนิด ได้แก่ กัญชา ฝิ่น และโคคา

นายจิตรนรากล่าวว่า ในส่วนของกัญชา ซึ่งเป็นยาเสพติดนั้น UNODC ยินยอมให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และนำมาค้นคว้าวิจัยได้ ดังนั้นการจะบอกว่ากัญชาต้องไม่เป็นยาเสพติด เสพได้เสรี จึงไม่เป็นจริง เนื่องจากมีกระบวนการควบคุมที่เคร่งครัด รวมถึงอย่าพึ่งหวังไปไกลว่าจะส่งเสริมเกษตรกรให้ปลูกกัญชาเพื่อส่งออก เพราะต้องไปแก้ไขกฎหมายระหว่างประเทศอีกมาก อย่างไรก็ตาม หากเป็นการปลูกเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ก็ต้องทำภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด  สำหรับกระท่อมไม่ได้มีข้อห้าม

“ในส่วนของกระท่อม ปัจจุบันยังเป็นยาเสพติดอยู่ การจะปล่อยไปทันทีโดยไม่มีมาตรการรองรับก็สุ่มเสี่ยงว่าจะมีมาตรการควบคุมเพียงพอหรือไม่ จึงควรค่อยเป็นค่อยไป อาจเริ่มต้นโดยการยอมให้เสพได้โดยไม่มีความผิดในบางพื้นที่ที่มีกระท่อมโดยธรรมชาติ ถ้ายังสามารถควบคุมไม่ให้เกิดผลกระทบวงกว้าง ไม่มีการแปรรูป หรืออันตรายจากการเสพ จึงขยายพื้นที่และเพิ่มหลักการ เมื่อถึงระยะที่เหมาะสมถึงปลดกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดได้”

ดร.นพดล กล่าวว่า จากการสำรวจของสำนักวิจัยซูเปอร์โพล มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ เรื่อง กฎหมาย กระท่อม กัญชา กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพ จำนวน 1,055 ตัวอย่าง พบส่วนใหญ่ ร้อยละ 81.65 เคยได้ยินประโยชน์ของกัญชา ส่วนร้อยละ 69.89 เคยได้ยินประโยชน์ของกระท่อม ขณะที่คนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.91 เชื่อว่ากัญชาเป็นยารักษาโรคได้ และร้อยละ 61.31 เชื่อว่ากระท่อมเป็นยารักษาโรคได้

นอกจากนี้ ร้อยละ 76.46สนับสนุนเปลี่ยนแปลงกฎหมายให้กระท่อม กัญชา จากพืชยาเสพติด เป็นพืชยารักษาโรคได้ โดยเกินครึ่ง คิดเป็นร้อยละ 55.84 เชื่อมั่นแก้กฎหมายกัญชาและกระท่อม ไม่ยอมให้ต่างชาติแทรกแซง ส่วนที่เหลือร้อยละ 44.16 ไม่เชื่อมั่น  สำหรับกรณีการจดทะเบียนสิทธิ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.41 ไม่ยินยอมให้ต่างชาติมาจดทะเบียนสิทธิใช้ประโยชน์จากกัญชาของประเทศไทย และร้อยละ 96.14 ไม่ยินยอมให้ต่างชาติมาจดทะเบียนสิทธิใช้ประโยชน์จากกระท่อมของประเทศไทย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"