‘ส่งออก’ติดลบ โทษ‘สหรัฐ-จีน’ กัดฟันดันโต8%


เพิ่มเพื่อน    

  สงครามการค้าสหรัฐ-จีนเริ่มพ่นพิษ ทำตัวเลขส่งออกไทยเดือน พ.ย.ติดลบ 0.95% เป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี ลุ้นเป้าทั้งปี 8% ยังมีโอกาสเป็นไปได้ ศูนย์วิจัยกสิกรฯ เชื่อปัญหาข้อพิพาทยังลามไปถึงปีหน้า   

          เมื่อวันศุกร์ น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ได้แถลงถึงตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยเดือน พ.ย.2561 มีมูลค่า 21,237.2 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 0.95% ซึ่งเป็นการติดลบครั้งที่ 2 ในรอบปี หลังจากที่เดือน ก.ย.ติดลบ 5.20% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 22,415 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14.66% ทำให้ขาดดุลการค้ามูลค่า 1,177.8 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้การส่งออกเดือน พ.ย.กลับมาติดลบ เพราะเริ่มได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน   
          “สินค้าหลายหมวดมีการติดลบสูง ทั้งหมวดเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร และอุตสาหกรรม เช่น ข้าวลด 22.4%, ยางพาราลด 25%, น้ำตาลลด 32%, เครื่องโทรสาร โทรศัพท์อุปกรณ์และส่วนประกอบลด 31.9%,  เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบลด 6.1% และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอดลด 39.4% ในขณะที่ตลาดส่งออกพบว่าหดตัวในหลายตลาด เช่น สหภาพยุโรปลด 2%, อาเซียน 5 ประเทศลด 4.3%, เอเชียใต้ลด 7.6%, ฮ่องกงลด 11.1%, ลาตินอเมริกาลด 9.7% ส่วนสหรัฐเพิ่ม 11.9%” น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว
        น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า การส่งออกรวม 11 เดือนของปี 2561 (ม.ค.-พ.ย.) มีมูลค่า 232,725 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7.29% การนำเข้ามีมูลค่า 231,434.9 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14.77% เกินดุลการค้ามูลค่า 1,381.1 ล้านดอลลาร์ โดยการส่งออกทั้งปี หากจะทำได้ตามเป้าหมาย 8% การส่งเดือน ธ.ค.2561 ต้องทำได้มูลค่า 22,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นไปได้ เพราะการส่งออกที่ผ่านมาเกิน 20,000 ล้านดอลลาร์เกือบทุกเดือน 
          น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกเดือน พ.ย.ที่ติดลบไม่น่าตกใจ เพราะบางปัจจัยที่เป็นผลกระทบ โดยเฉพาะสินค้าที่อยู่ในซัพพลายเชนของจีนคงทำอะไรมากไม่ได้ ต้องผลักดันหาตลาดอื่นเพิ่ม ซึ่งกรมมีแผนเร่งหาตลาดรองรับแล้ว
ขณะเดียวกัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินภาพรวมการส่งออกสินค้าไทยตลอดทั้งปี 2561 ขยายตัวได้ราว 7% ชะลอลงจากปี 2560 ที่อยู่ที่ 9.9% โดยในเดือน พ.ย.61 มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยที่ติดลบนั้นมาจากการหดตัวของการส่งออกสินค้า ทั้งข้าว ยางพารา น้ำตาลทราย รถยนต์นั่ง และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นไปตามทิศทางการค้าในภูมิภาค ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ทำให้แต่ละประเทศมีการเร่งนำเข้า-ส่งออกไปในช่วงก่อนหน้านี้ เพื่อเร่งผลิตสินค้าและส่งออกให้ทันก่อนช่วงเทศกาลปลายปี และก่อนที่สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 
        “ในปี 2562 คาดว่าภาพการส่งออกสินค้าของไทยจะอยู่ที่ 4.5% หรือคิดเป็นมูลค่าส่งออกเฉลี่ยประมาณ 22,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากปี 2561 ซึ่งเป็นผลของฐานที่สูงในปีก่อน การชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก รวมไปถึงผลของข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ไม่น่าจะสามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้ภายใน 90 วัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยประมาณ 3,100 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.6% ของจีดีพีประเทศ”ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"