คปภ.งัด3 มาตรการช่วยเหลือด้านประกันภัย ช่วยเหลือประชาชนจากพายุปาบึก


เพิ่มเพื่อน    

5 ม.ค. 2562 นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่พายุโซนร้อน “ปาบึก” ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย ส่งผลให้ภาคใต้บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต และสตูล มีลมแรง ฝนตกเป็นบริเวณกว้างและตกหนักมากในหลายพื้นที่ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน     ดินโคลนถล่ม โดยขณะนี้ได้รับรายงานว่าส่งผลกระทบต่อพืชสวน ไร่ นาข้าว ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนแล้ว 

สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้ประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อติดตามดูแลในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2562 สำนักงาน คปภ. ได้มีหนังสือถึงสมาคมประกันวินาศภัยไทย และสมาคมประกันชีวิตไทย เรื่องมาตรการในการดูแลสิทธิประโยชน์ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ โดยขอความร่วมมือสมาคมประกันวินาศภัยไทยและสมาคมประกันชีวิตไทย แจ้งให้ บริษัทประกันวินาศภัยและบริษัทประกันชีวิต ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบและเยียวยาความเสียหายได้ทันท่วงที โดยให้มีการประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ต่างๆ ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบกับประชาชนผู้เอาประกันภัยเพื่อให้ติดตามสถานการณ์และกำหนดมาตรการป้องกันความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชน และเตรียมความพร้อมรองรับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัยขอให้บริษัทประกันวินาศภัย บริษัทประกันชีวิต เร่งรัดตรวจสอบความเสียหายและพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม 

รวมทั้งขอให้สมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมประกันชีวิตไทยกำชับให้บริษัทประกันวินาศภัยและบริษัทประกันชีวิต สรุปรายงานความเสียหายและการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากสถานการณ์ภัยธรรมชาติ นำส่งข้อมูลให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงาน คปภ. เพื่อดำเนินการติดตามและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็วและเป็นธรรมต่อไป นอกจากนี้ยังได้มีบันทึกสั่งการไปยัง สำนักงาน คปภ.ภาค 8-9 ให้บูรณาการการทำงานร่วมกันและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด 

มาตรการที่สอง เป็นมาตรการเยียวยา ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติในครั้งนี้ ให้สำนักงาน คปภ.จังหวัดในการกำกับของสำนักงานคปภ. ภาค 8-9 บูรณาการทำงานร่วมกันเพื่อเยียวยาผู้ประสบภัยและประสานความร่วมมือด้านข้อมูลการจัดทำประกันภัย ประสานงานการสำรวจภัยและการประเมินความเสียหาย รวมทั้งรวบรวมข้อมูลความเสียหาย ประสานติดตาม เร่งรัดให้มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน อย่างรวดเร็ว ถูกต้องและเป็นธรรม พร้อมได้เน้นย้ำให้ยึดถือแนวทางการจ่ายค่าสินไหมทดแทนประกันภัยรถยนต์ที่เคยปฏิบัติเกี่ยวกับการซ่อมรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมเมื่อปี 2554 เพื่อป้องกันการเอาเปรียบผู้ทำประกันภัยที่รถยนต์ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย

และมาตรการที่สาม เป็นมาตรการฟื้นฟู ซึ่งหากพื้นที่ใดมีความจำเป็นต้องออกคำสั่งนายทะเบียนเพื่อผ่อนผันเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยในเขตพื้นที่ประสบวาตภัย เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้เอาประกันภัย เช่น มาตรการในการขยายระยะเวลาการผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัย หรือการออกประกาศ สำนักงาน คปภ. เพื่ออนุญาตให้ตัวแทนประกันชีวิต ตัวแทนประกันวินาศภัย นายหน้าประกันชีวิต นายหน้าประกันวินาศภัยในพื้นที่ที่เกิดเหตุวาตภัยที่ใบอนุญาตสิ้นอายุให้สามารถขอขยายระยะเวลาพร้อมขอต่ออายุใบอนุญาต หรือ การเลื่อนวันสอบใบอนุญาตของตัวแทนประกันวินาศภัย นายหน้าประกันชีวิต นายหน้าประกันวินาศภัยในพื้นที่ที่เกิดเหตุวาตภัย ก็ให้รีบเสนอมาเพื่อให้เลขาธิการพิจารณาออกคำสั่ง
รวมทั้งกรณีมีความจำเป็นในการมอบเครื่องอุปโภค บริโภค ต่างๆ เพื่อเป็นการฟื้นฟู ก็ให้สำนักงานภาค 8 และ 9 ประสานเข้ามายังส่วนกลางได้ทันที

“ผมขอย้ำว่า สำนักงาน คปภ.จะใช้สรรพกำลังและเครือข่ายภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่เพื่อช่วยเหลือเยียวยาด้านประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัย  รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยในครั้งนี้อย่างเต็มที่” นายสุทธิพล กล่าวในตอนท้าย
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"