การเมืองโลก 2019 : ทรัมป์โดน 3 รุม 1


เพิ่มเพื่อน    

    โดนัลด์ ทรัมป์ยกหูคุยกับสีจิ้นผิงช่วงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
    ต่างฝ่ายต่างบอกว่า “มีความคืบหน้าที่ดี” แต่ไม่มีใครบอกได้ว่าจะลงเอยอย่างไร
    เพราะที่ผู้นำจีนกับสหรัฐฯ เจอกันที่อาร์เจนตินาวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่าจะ  “สงบศึก” 90 วัน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายกลับไปประเมินสถานการณ์หาทางผ่อนคลายสงครามการค้า
    แต่วันเดียวกันนั้น สหรัฐฯ ก็บอกให้แคนาดาจับตัวนาง “เมิ่งหวั่นโจว” ลูกสาวเจ้าของหวาเว่ย จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งข้ามปี
    ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะ “หยุดยิง” ในสงครามการทูตและการเมืองอีกแนวรบหนึ่งแต่อย่างใด
    สำหรับสีจิ้นผิงแล้ว ทุกประเด็นของความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ล้วนแล้วแต่เกี่ยวโยงกันทั้งสิ้น ไม่อาจแยกเรื่องการค้ากับการเมืองและความมั่นคงได้
    ดังนั้น คำว่า “ความคืบหน้า” ที่เจ้าหน้าที่จีนกับทรัมป์อ้างว่าเกิดจากการยกหูโทรศัพท์คุยกันระหว่างสองผู้นำล่าสุด จึงยังมีคำถามที่ต้องรอคำตอบอย่างน่าระแวดระวังยิ่ง
    เพราะในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนั้นเองก็มีข่าวรั่วออกมาว่า ทรัมป์กำลังพิจารณาจะลงนามในคำสั่งพิเศษของฝ่ายบริหารเพื่อสั่งห้ามบริษัทสหรัฐฯ ใช้อุปกรณ์สื่อสารที่ทำโดยหวาเว่ยและ ZTE
    หากเป็นจริงตามข่าวนี้ หัวข้อที่ทรัมป์กับสีจิ้นผิงคุยกันทางโทรศัพท์ก่อนสิ้นปีน่าจะไม่ใช่เรื่อง  “สงครามการค้า” เรื่องเดียว หากแต่เป็นเรื่อง “สงครามไอที” ระหว่างสองยักษ์ใหญ่ของโลก
    สถิติทางการบอกเราว่าผู้ประกอบการอเมริกันในรัฐต่างๆ เป็นลูกค้ารายใหญ่ของหวาเว่ยและ ​ZTE  เสียด้วย เท่ากับว่าอเมริกาเริ่มจะตระหนักด้วยความตระหนกว่า พวกเขาหลวมตัวกลายเป็นลูกไล่ของเทคโนโลยีจีนโดยไม่รู้ตัวมาหลายปีแล้ว
    ขณะที่ทรัมป์ออกข่าวตัวเองในทวิตเตอร์หลังคุยกับสีจิ้นผิงว่า “Deal is moving along very well. If  made, it will be very comprehensive, covering all subjects, areas and points of disput. Big  progress is being made.” 
    ผมก็ยังสงสัยว่าคิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือจะยอมเชื่อน้ำคำของทรัมป์แค่ไหน
    ฟังคำปราศรัยปีใหม่ของคิมจองอึนแล้วก็ต้องใคร่ครวญโอกาสแห่งสันติภาพของคาบสมุทรเกาหลีในปีใหม่นี้ให้จงหนัก
    คิมบอกว่าเขาพร้อมจะเจอกับทรัมป์อีกครั้งหนึ่ง แต่มีเงื่อนไขนะครับ...เงื่อนไขคือทรัมป์ต้องเลิกมาตรการลงโทษหรือแซงก์ชันเกาหลีเหนือ และวอชิงตันจะต้องไม่ใช้วิธีกดดันใดๆ ต่อเปียงยางอีก
    ภาษาโลกสวยที่ทรัมป์ใช้กับคิมหลังการประชุมสุดยอดที่สิงคโปร์เมื่อเดือนมิถุนายน ก็กำลังถูกใช้ในกรณีการสนทนาทางโทรศัพท์กับสีจิ้นผิงเช่นกัน
    หากวิเคราะห์กันให้ละเอียดก็จะพบว่า ความน่าเชื่อถือของทรัมป์ในเรื่องทำนองนี้มีค่าต่ำกว่า 50%  ด้วยซ้ำ
    ดังนั้นคำกล่าวอ้างของทรัมป์จึงต้องหารด้วย 5 ด้วย 10 เสมอ
    ยิ่งมีข่าวเล็ดลอดออกมาเป็นระยะๆ ว่าเกาหลีเหนือยังเดินหน้าพัฒนาขีปนาวุธและนิวเคลียร์เพื่อเป็นการคงไว้ซึ่งอำนาจต่อรองกับทรัมป์ ก็ยิ่งทำให้เห็นว่าโอกาสของสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลีไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดได้ง่ายๆ อย่างที่ทรัมป์พยายามวาดภาพให้ชาวโลกได้เห็นมาตลอด
    อีกด้านหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ คำประกาศของวลาดิเมียร์ ปูตินที่ว่ารัสเซียได้พัฒนา “hypersonic  missile” หรือขีปนาวุธเร็วเหนือเสียงที่ติดหัวรบนิวเคลียร์ได้สำเร็จแล้ว
    ปูตินคุยด้วยว่า อาวุธทรงอานุภาพใหม่ของรัสเซียชิ้นนี้มีคุณสมบัติพิเศษตรงที่ว่า “ไม่มีใครมีอาวุธทันสมัยพอที่จะมาสกัดขีปนาวุธชุดใหม่ของเราได้”
    วาทะของปูตินในช่วงหลังสะท้อนถึงความมั่นใจในบทบาทที่ขึงขังของมอสโกในเวทีสากล เมื่อมีพันธมิตรสนิทสนมอย่างสีจิ้นผิงของจีน และศัตรูที่อ่อนแออย่างทรัมป์
    ในคำปราศรัยปีใหม่ ปูตินบอกว่าพร้อมจะพูดจากับทรัมป์เพื่อหาทางแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างสองประเทศเหมือนกัน
    เพราะปูตินมองทรัมป์เป็นนักการเมืองที่มีจุดอ่อนหลายด้าน แค่ปูตินพูดจาเอาใจและยื่นเสนอผลประโยชน์บางด้านที่ทำให้ทรัมป์ตายใจ รัสเซียก็อาจได้อะไรมากกว่าที่เคยคาดหวังจากวอชิงตันภายใต้ประธานาธิบดีคนก่อนๆ 
    จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมทั้งคิม ทั้งปูตินและสีจิ้นผิงจึงบอกว่าพร้อมจะคุยกับทรัมป์ ทั้งๆ ที่ไม่มีวี่แววว่าจะแก้ปัญหาความขัดแย้งพื้นฐานของอเมริกากับประเทศเหล่านี้ได้
    เหตุก็เพราะผู้นำจีน รัสเซียและเกาหลีเหนือคงจะอ่านทรัมป์ออกตรงกันว่า...ผู้นำมะกันคนนี้บ้ายอ และถ้าพูดจาเอาใจเข้าไว้โดยที่สาระไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม คู่กรณีก็อาจสามารถสร้างความได้เปรียบในการต่อรองอย่างไม่ยากเย็นอะไร
    เคล็ดลับของผู้นำทั้งสามในการพูดคุยกับทรัมป์คงจะมีลักษณะคล้ายๆ กันคือ
    ทำให้ทรัมป์นึกว่าเขาชนะ ทำให้ทรัมป์ไปอ้างกับฐานเสียงที่บ้านได้ว่าเขากดดันชาติอื่นได้ด้วยการยอมโอนอ่อนเรื่องเล็กบางเรื่อง..ทั้งๆ ที่ทรัมป์เป็นฝ่ายต้องยอมสละผลประโยชน์ก้อนใหญ่ของอเมริกา
    แค่ทรัมป์ทำให้อเมริกาหมดสภาพเป็นมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลกในเวลาเพียงในถึงสองปีเท่านั้นก็พิสูจน์ได้แล้วว่า เทียบกึ๋นทรัมป์กับสีจิ้นผิงและปูติน..ใครเจ๋งกว่ากัน?


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"