ลุงตู่ห่วงครูสอนนอกกรอบ แนะดูแลเด็กเล่นโซเชียล


เพิ่มเพื่อน    

  “ประยุทธ์” มอบคำขวัญวันครู “ครูดี ศิษย์ดี  มีพัฒนา ก้าวหน้าสู่เทคโนโลยี” เผยแม่พิมพ์ของชาตินอกจากผลิตลูกศิษย์แล้วต้องช่วยสร้างสังคมให้สงบสุขด้วย แนะดูแลเรื่องโซเชียลมีเดีย พร้อมหวดเรื่องออกนอกกรอบ ต้องสั่งสอนกรอบหลักเรื่องกฎหมายก่อน ขืนปล่อยไว้กู่ไม่กลับ

เมื่อวันที่ 16 มกราคม ซึ่งเป็นวันครูแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ส่งสารเนื่องในโอกาสวันครู ครั้งที่ 63 โดยระบุว่า ครูเป็นผู้ทรงคุณค่าที่มีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการการสร้างทรัพยากรบุคคลของชาติ ในฐานะผู้ประสิทธิ์ประสาทความรู้ พร้อมอบรมสั่งสอน บ่มเพาะเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ มีจิตสำนึกและค่านิยมที่ดี พร้อมทั้งได้มอบคำขวัญวันครูประจำปี 2562 ว่า “ครูดี ศิษย์ดี มีพัฒนา ก้าวหน้าสู่เทคโนโลยี” 
    ต่อมาในเวลา 09.00 น. ที่หอประชุมคุรุสภา พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นประธานในงานวันครู ภายใต้หัวข้อ “คุณธรรมนำครูไทย สานพลังเครือข่าย สร้างเด็กไทย 4.0” โดยได้ พล.อ.ประยุทธ์ได้คารวะครูอาวุโส สมัยเรียนโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) ได้แก่ พล.อ.เกษม นภาสวัสดิ์ พร้อมทั้งมอบรางวัลผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติ รางวัลคุรุสภาระดับดีเด่น และรางวัลยอดครูผู้มีอุดมการณ์
    โดย พล.อ.เกษมกล่าวถึงนายกฯ ตอนเรียนโรงเรียนนายร้อยฯ ว่า เป็นนักเรียนรุ่น 2514 ซึ่งที่จำได้เพราะเป็นนักเรียนรุ่นน้องที่โรงเรียนวัดนวลนรดิศด้วย ซึ่งนายกฯ หรือนักเรียนนายร้อยประยุทธ์ตอนนั้นมีจุดเด่น เป็นคนที่มีรูปร่างสูงเด่น พูดจาเสียงดังฟังชัด เดินมากับกลุ่มเพื่อนจะเห็นชัดเจน การเรียนทั่วๆ ไปเป็นคนเรียนได้สบายๆ 
“เมื่อศิษย์จบมาได้เป็นใหญ่เป็นโต หรือเป็นนายกฯ ก็ภูมิใจเป็นธรรมดา ถ้าจะให้ฝากถึงนายกฯ ผมจะบอกว่าภูมิใจมากที่นายกฯ เป็นลูกศิษย์และเป็นรุ่นน้องจากโรงเรียนเดียวกันด้วย ซึ่งติดตามการทำงานของนายกฯ มาโดยตลอด ถือว่าประสบความสำเร็จในการทำงาน และทำงานได้ดี แม้ว่าจะเข้มแข็ง แต่นั่นเป็นบุคลิกของทหาร”  
    จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ครูนอกจากผลิตลูกศิษย์แล้ว ต้องสร้างสังคมให้มีความสงบสุขด้วย ต้องสร้างเด็กให้มีระเบียบวินัยตั้งแต่เด็ก เราจะทิ้งสิ่งเหล่านี้ไปไม่ได้ เพราะหากเขาโตขึ้นเขาจะติดนิสัยที่แก้ไขไม่ได้ รวมถึงต้องสร้างคนที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่ง ว่าเราต้องทำความดีด้วยหัวใจ ด้วยจิตอาสา สิ่งเหล่านี้ขาดหายไปจากสังคมพอสมควร เราถือว่าครูเป็นผู้สร้างคุณูปการต่อการศึกษา ต่อสังคม ต่อชาติและโลก ควรยกย่องเป็นปูชนียบุคคล ขอให้วันที่ 16 ม.ค. ครูทุกคนควรนึกว่าทำอะไรไปบ้าง ทำให้ปีหน้าดีกว่าปีเดิม ไม่ใช่มุ่งหวังแต่จะรับรางวัล 
“วันนี้รัฐบาลมุ่งหวังปฏิรูปการศึกษา ซึ่งเราต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ ว่าสิ่งที่เขาว่าและโจมตีเราอยู่  เราจะไม่สนใจก็ไม่ได้ เราต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้สังคม โซเชียลมีเดียที่ออกมาให้ร้ายว่ากล่าวกันทุกวัน มันใช่หรือไม่ สิ่งสำคัญต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กๆ ผมอยากให้ทุกโรงเรียนนำเรื่องในโซเชียลมีเดียไปพูดคุยกับเด็กนักเรียนในห้อง เพื่อวิเคราะห์ว่าเรื่องไหนจริง ซึ่งครูต้องชี้แนะว่าอันไหนคือสิ่งที่ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นวันหน้าจะยิ่งกว่านี้ และไม่มีใครอยู่เป็นสุขได้เลย นั่นคือสังคมของเทคโนโลยีที่กฎหมายใช้มากไม่ได้ เพราะคาบเกี่ยวระหว่างสิทธิมนุษยชน การคุ้มครองสิทธิ์ ซึ่งเราต้องระวัง อย่ามุ่งหวังใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียว”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า เราต้องสอนให้เด็กมีความกล้า แต่ไม่ได้สอนให้เด็กออกนอกกรอบ เพราะเรายังไม่มีกรอบให้เขา ไม่ใช่ให้แต่คิดนอกกรอบ ไม่สอนเรื่องกฎหมายที่เป็นกรอบหลักก่อน เมื่อคิดนอกกรอบ กว่าจะดึงกลับเข้ากรอบก็ไม่ได้แล้ว นี่คือหลักการที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง การคิดนอกกรอบต้องมีบรรทัดฐาน มีภูมิคุ้มกันก่อนจึงจะคิดนอกกรอบได้ และทำอย่างไรให้อยู่กรอบ ตามกติกาเพื่อเป็นกรอบใหม่ขึ้นมา ไม่ใช่ทำอะไรก็ได้ เสร็จแล้วคือเสรี คือประชาธิปไตย เสรีภาพที่ทำประเทศวุ่นวาย เราต้องอาศัยครูที่มีศักยภาพ และอาศัยการปฏิรูปจากภายใน ไม่มีใครปฏิรูปครูได้ดีกว่าตัวครูเอง ไม่มีใครปฏิรูปกระทรวงศึกษาฯ ได้ดีกว่ากระทรวงศึกษาฯ เอง แต่เราต้องเอาสาเหตุและปัจจัยต่างๆ มาแก้ไขร่วมกัน ว่าเราได้อะไรเสียอะไรจากตรงนี้ ตรงนี้คือการปฏิรูปการศึกษาในประเทศไทย
     นายกฯ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เป็นปัญหาคือความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ถ้าเรามุ่งหวังให้คนออกนอกระบบการศึกษาไป 1 ล้านคน แล้วเอาคนกลับเข้ามาในระบบการศึกษา จะเอากลับมาได้ไหม แล้วมาบอกว่าเขาขาดทุนการศึกษา เพราะรัฐบาลไม่สนับสนุนมันใช่หรือไม่ คงไม่ใช่ทั้งหมด หลายคนออกไปด้วยความจำเป็น เพราะเรียนไม่ไหว หรือหารายได้เลี้ยงดูพ่อแม่ ถ้าเราจะเอาตัวเลขคนเหล่านั้นกลับเข้ามาแล้วเบิกงบประมาณเท่านั้นเท่านี้ ถามหน่อยว่าเอากลับเข้ามาได้หรือไม่ เรื่องนี้เราต้องไปเพิ่มสมรรถภาพของการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ไปเปิดในหลายๆ ที่ หลายๆ แห่ง รัฐบาลยินดีสนับสนุนเพื่อทำให้คนเหล่านี้มีการศึกษามากขึ้น เมื่อเขาพร้อมเขาจะกลับมาในระบบการศึกษา ทั้งนี้ ต้องไม่มุ่งหวังแต่ปริญญาแล้วไม่มีงานทำ ซึ่งเป็นปัญหาระบบการศึกษาของเรา 
“ผมลงพื้นที่ มีคนเดินมาบอกว่าให้หางานให้ทำหน่อย ผมก็คิดว่าเป็นนายกฯ ต้องทำขนาดนี้เชียวหรือ ใช่อาจเป็นความรับผิดชอบของผม แต่ความรับผิดชอบเหล่านี้ต้องอยู่กับครูด้วย สถาบันการศึกษาต้องทำอย่างไรให้คนจบแล้วมีงานทำ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่า สังคมวันนี้เด็กไม่เรียนอะไรที่ยากๆ เลย ไม่ชอบเรียนอะไรที่เกี่ยวกับเลข คำนวณ คณิตศาสตร์ไม่เรียน เห็นได้จากเด็กคิดคำนวณเลขไม่ได้ คูณตัวเลขสามตัวยังไม่ได้ นี่หรือที่เรียกว่าการศึกษาเราดีขึ้น เราดีในเรื่องอื่น แต่อย่างนี้มันหายไป ขอให้กลับไปทบทวน แม้ขณะนี้จะแก้ปัญหาเรื่องการศึกษา แต่ไม่ลืมเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของครู 
    วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. พร้อมคณะ ได้แถลงนโยบายยกระดับครูไทย ว่าวันนี้ทุกข์ของครูทั่วประเทศคือ การมีภาระหน้าที่ที่ไม่ได้เกี่ยวกับการทำให้ลูกหลานมีการเรียนการสอนดีขึ้น ทั้งงานธุรการ งานประเมินต่างๆ รวมทั้งงานที่จำเป็นต้องทำเพื่อความเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ ซึ่งทำให้ครูทุกข์และยังบั่นทอนเวลาที่จะต้องนำไปให้กับลูกหลาน โดยเฉพาะเวลาสอน รวมทั้งยังมีทุกข์ในระบบการบริหารจัดการการศึกษาที่รวมศูนย์และซับซ้อน 
“ปชป.ขอย้ำว่า ถ้ามีโอกาสเข้าไปบริหารงานด้านการศึกษา เราก็สานต่อนโยบายที่สำคัญของเรา ประกอบด้วย 1.คืนครูให้นักเรียน ซึ่งหมายถึงการจ้างบุคลากรมาช่วยแบ่งเบางานธุรการและงานอื่นๆ ของครู 2.เน้นกระจายอำนาจมากกว่าในอดีต ต้องลงถึงระบบโรงเรียน 3.เพิ่มผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ของครู และ 4.ต้องมีครูยุคใหม่ และดึงคนเก่งเข้าสู่วิชาชีพครูมาก ทั้งหมดเป็นนโยบายของพรรคที่อยากนำเสนอในวันครูแห่งชาติ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการศึกษาและการแก้จน สร้างคน สร้างชาติของพรรค” หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าว  
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงนโยบายการปลดหนี้ครู ว่าหนี้สินส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากความคาดหวังในแง่สถานภาพทางสังคม เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดหนี้สิน แต่ไม่มีอะไรจะช่วยแก้หนี้สินได้ยั่งยืนเท่ากับการเพิ่มรายได้ ดังนั้น มาตรการเกี่ยวกับหนี้สินพิจารณาเป็นการเฉพาะได้ แต่จะไม่ยั่งยืนหากรายได้ไม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเราสามารถที่จะสร้างระบบของการเพิ่มเงินเดือนหรือสิทธิประโยชน์ที่ผูกกับผลลัพธ์ในการทำงานและการพัฒนา เราคิดว่าจะเป็นแรงจูงใจที่สำคัญ และยืนยันว่าเราพร้อมที่จะลงทุน เพราะถือว่าการลงทุนในระบบการศึกษาทั้งหมดเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่คุ้มค่าที่สุด.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"