'เจี๊ยบ เชิญยิ้ม'ควงภรรยาเปิดชีวิตรัก 21 ปี มีเท่าไหร่ให้เมียหมด!


เพิ่มเพื่อน    

 

          เป็นนักแสดงตลกที่ชีวิตจริง ไม่ค่อยตลกเอาเสียเลย สำหรับ เจี๊ยบ เชิญยิ้ม หรือ เฉลิม ปานเกิด ที่ล่าสุดได้ควงภรรยาคนสวย แหม่ม-เบญจมาศ มาสิงห์ มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow กับมรสุมชีวิตต่างๆมากมาย ทั้งภรรยาเคยประสบอุบัติเหตุรถคว่ำบน จนถูกเพื่อนล้อว่ามีเมียพิการ และลูกชายที่ป่วยด้วยอาการน้ำในสมองเยอะตั้งแต่แรกเกิด ทำให้พัฒนาการกล้ามเนื้อแขนขาช้ากว่าเด็กปกติทั่วไป แต่เจ้าตัวก็ทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัว ดูแลลูก และภรรยา อย่างดีมาโดยตลอด 

คบกับภรรยามา 19 ปี
    เจี๊ยบ : คือเราเริ่มจากการที่เราไม่ได้จีบกันมากกว่า เริ่มจากการเป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง ตอนที่รู้จักกันใหม่ๆเวลามีอะไรก็จะปรึกษาและคุยกันตลอด มันก็เลยเกิดเป็นความสนิทสนม รู้นิสัยใจคอกันจริงๆ แล้วหลังจากนั้นมันก็มีเหตุการณ์มาเปลี่ยนให้เป็นแฟนกัน
    เขาเป็นคนเฟรนลี่ แล้วก็เป็นคนที่เข้ากับคนที่เรารักได้ทุกคน โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ครอบครัวของเรา หนึ่งเลยคือแน่นอนล่ะเรารักครอบครัวของเรา แล้วเวลาเรามีแฟนเราก็อยากให้แฟนรักครอบครัวเราด้วย ซึ่งเขาคือตอบโจทย์ตรงนั้นได้เลย

ประทับใจอะไรในตัวผู้ชายคนนี้?
    แหม่ม : ชอบความเสมอต้นเสมอปลาย ตั้งแต่รู้จักกันแรกๆมาจนถึงวันนี้ เป็นยังไงก็ยังเป็นเหมือนเดิม จริงๆมันไม่ใช่แค่ 19 ปีนะ ต้องนับย้อนไปอีก 2 ปีรวมเป็น 21 ปี ที่รู้จักกันมา ที่บอกว่าเสมอต้นเสมอปลายก็คือ ตั้งแต่คบกันมา เวลาทำงานได้เท่าไหร่ก็ให้ภรรยาหมด อันนี้เรื่องสำคัญเลยค่ะ

เพราะอะไรทำไมถึงต้องให้เงินภรรยา?    
    เจี๊ยบ : ในกรณีของผมก็คือ ผมเป็นคนทำงานกลางคืน แล้วเพื่อนเราก็เยอะ แน่นอนล่ะเวลาจบงาน มันก็ต้องมีปาร์ตี้นู่นนี่นั่นกันบ้าง เงินมันจะไม่เหลือเลย แล้วอีกอย่างก็คือ การจับจ่ายใช้สอยในบ้าน เราจะแบ่งไม่เป็น มีเท่าไหร่ก็จะใช้หมด เราก็เลยมอบหน้าที่นี้ให้กับภรรยาดีกว่า ซึ่งภาระมันก็เยอะมาก จ่ายค่านั่น ค่านี่จิปาถะไปหมด แล้วเขาก็จัดการได้ดีเลยครับ

แล้วมีทะเลาะกันบ้างไหม ส่วนใหญ่เป็นเรื่องอะไร?
    แหม่ม : ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของเวลา บอกว่าจะกลับเท่านี้ จะไม่กลับตามเวลา แล้วก็มีเรื่องของซ่อมรถ ซื้อนู่นซื้อนี่จุกจิก เวลามีเงินก็จะซื้อหมดเลย จะไม่สนใจอะไร มีเท่าไหร่ก็หมด เรื่องพวกนี้โอเคนะ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ เรื่องของสาวๆ จริงๆก็ไม่บ่อยนะคะ หลายๆปีจะครั้งหนึ่ง ของแบบนี้มาบ่อยๆมันก็ไม่ดีนะ จะมาแบบ 4 ปีครั้งเหมือนบอลโลกค่ะ

เห็นบอกว่ามีวิธีการที่รู้ โดยไม่ต้องไปจับผิดเลย จริงไหม?
    แหม่ม : คือเราจะเป็นคนรู้เวลาอยู่แล้ว เพราะเราเป็นผู้จัดการส่วนตัวด้วย เราก็จะรู้ว่าวันนี้ทำงานที่นี่ จะเลิกกี่โมง นานๆครั้งมันก็รับได้ แต่ถ้าบ่อยๆ เราก็เริ่มชักจะสงสัย ว่ามันต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ แล้วหลักฐานที่อยู่ในมือเรามันก็ต้องแน่นพอ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็จะไหลไปเรื่อยๆ

 

 

จุดไหนที่ถึงขั้นทะเลาะกันแล้วไม่คุยกันเป็นเดือนเลย?
    แหม่ม : จะบอกว่าไม่เคยทะเลาะกันแบบโวยวายตั้งแต่อยู่กันมา มีแต่คุยกัน แล้วแหม่มก็แค่มีความรู้สึกว่า เรายืนแล้วเราไม่มีความสุข สู้เราไม่คุยกันจะดีกว่า ต่างคนต่างไปใช้ความคิดกันเอา แหม่มก็บอกเขาว่าให้เขาไปคิด ถ้าอยู่ตรงนี้แล้วมีความสุขก็กลับมาอยู่ตรงนี้นะ แต่ถ้าเกิดว่าอยู่ตรงนู้นแล้วมีความสุข พร้อมที่จะเริ่มใหม่ คุณก็อยู่ตรงโน้นไป แหม่มจะให้ตัวเลือกแค่นี้ค่ะ

มีวิธีแก้ไขสถานการณ์ยังไง ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม?
    เจี๊ยบ : ตอนนั้นคือเรารู้อยู่ก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องพยายามไปเคลียร์ตรงนั้นให้มันสะอาดที่สุด ให้มันไม่มีอะไรและให้มันจบ ไม่ใช่ว่าผมกลับไปที่ครอบครัว ไปอยู่กับครอบครัวของผม แล้วมันจะต้องมีปัญหาตามกลับไป แบบนี้ไม่ใช่ ผมต้องเคลียร์แล้วทิ้งมันให้หมด แล้วจึงค่อยกลับมา เพื่อที่จะอยู่ด้วยกันแบบร้อยเปอร์เซ็นต์อะไรแบบนี้

เอาความเชื่อใจ ที่จะทำให้ครอบครัวยังรักกันดีเหมือนเดิม มาจากไหน?
    แหม่ม : เพราะว่าที่ผ่านมาตั้งแต่อยู่กันมา เขาก็ไม่ได้เป็นคนที่แย่มาก ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรแล้วผิดไปซะทุกอย่าง ส่วนดีเขาก็ยังมี เราก็มองในส่วนดีของเขา แล้วเขาก็ไม่ได้เป็นคนที่จะขวนขวาย ไม่ใช่ว่าเราจะปล่อยสามีไปตลอดนะคะ เราก็ต้องมีคนที่ช่วยแอบดูแอบมองบ้าง เพราะฉะนั้นเราก็เลยรู้สึกว่า อาจจะเป็นบางช่วงกรรมช่วงเวรที่มีเข้ามาบ้าง ไม่ใช่แค่คู่เราที่มี คู่ของคนอื่นเขาก็มีเหมือนกัน

 

 

มีวิธีเลี้ยงลูก ให้เป็นคนดี และสตรอง ยังไงบ้าง?
    แหม่ม : ก็จะบอกเขาทุกวัน ว่าเขาก็เก่งเหมือนกับคนอื่นๆ เขาเป็นคนเก่งที่สุด คือในสายตาคนอื่น แม่จะไม่รู้ว่าเขามองลูกยังไง แต่ในสายตาแม่ มองว่าเหนือเป็นคนเก่ง เหนือสามารถทำได้ทุกเรื่อง ถ้าเหนือตั้งใจและอยากที่จะทำ เหมือนกับเรื่องฟิตเนสออกกำลังกาย เราก็จะเป็นแบบอย่างให้เขา ออกกำลังกายให้เขาดูทุกวัน แล้วก็พาเขาไปเข้าฟิตเนส บอกเขาว่าถ้าเขาแข็งแรง สามารถช่วยเหลือและดูแลตัวเองได้ แม่ก็จะให้เหนือไปเรียนเมืองนอก และนี่ก็เป็นเป้าหมายของเขาเลย ทุกวันนี้ก่อนนอนเขาก็จะออกกำลังกายทุกวัน

อัพเดทอาการป่วยที่วูบคากองหน่อย ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
    เจี๊ยบ : ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วครับ จริงๆไม่เคยเป็นมาก่อนเลย และไม่รู้ด้วยว่าเป็นลมมันคืออะไร หน้ามืดคืออะไร เคยเห็นและเคยได้ยิน แต่ไม่เคยเป็น อาจจะด้วยความที่เราพักผ่อนน้อย และอีกอย่างเราอายุค่อนข้างเยอะแล้วด้วย เราจะไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ต้องนอนตี 3 ตี 4 แล้วตื่นเช้าไปทำงานอะไรแบบนี้ แต่พอมาเริ่มทำวงดนตรีของตนเอง ก็เริ่มเหนื่อยขึ้น เหมือนเล่นดนตรีเสร็จ แล้วต้องบินไปถ่ายรายการต่อ ก็ทำได้ประมาณ 2-3 คิว ก็ร่วงเลยครับ มีอาการหน้ามืด แล้วก็มันหมุนๆ จากนั้นก็ล้มลง แล้วก็ทรุดกลางรายการไปเลย ตอนนั้นตรวจพบว่าความดันสูงมาก

มีความในใจอะไรที่อยากจะบอกภรรยาคนนี้ไหม?
    เจี๊ยบ : ก็อยากจะบอกว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยู่ที่ไหนหรือตรงไหน ถ้าเขาอยู่ในสายตาผม ผมจะมีความสุขตลอดเวลา แค่เขาไม่อยู่ เรากลับมาแล้วไม่เห็นเขา เราก็รู้สึกอึดอัด แล้วก็ไม่มีความสุขแล้วครับ เวลาอยู่ใกล้เขาแล้วเรามีความสุข เวลาเรามีความทุกข์ เราก็สามารถปรึกษาเขาได้ เขาจะเป็นทางออกที่ดีมากครับ

 

 

 

 

 

ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจากอินสตาแกรม jeabchernyim


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"