รองนายกฯสมคิดบุกกระทรวงพาณิชย์ บี้เร่งเดินหน้างานขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ดูแลค่าครองชีพ ราคาสินค้าเกษตร และการผลักดันการส่งออก ด้านสนธิรัตน์เร่งขยายส่งออก สั่งทำแผนลุยจับมือประเทศเป้าหมายขยายการค้า การลงทุนให้ต่อเนื่อง พร้อมโละโครงการไม่ตอบโจทย์ ปรับโฉมการทำงานทูตพาณิชย์ใหม่เน้นรวดเร็ว ฉับไว

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เร็วๆ นี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มีแผนที่จะเดินทางมาติดตามความคืบหน้าการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อติดตามความคืบหน้าการทำงาน โดยเฉพาะแผนงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ที่รัฐบาลให้ความสำคัญและเป็นเป้าหมายในการดำเนินการในปี 2561 แผนการดูแลค่าครองชีพ การดูแลราคาสินค้าเกษตร และแนวทางการขับเคลื่อนการส่งออก เพื่อให้ยังคงสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้ต่อเนื่อง เป็นต้น

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า นายสมคิดมีแผนที่จะเดินทางไปติดตามงานของกระทรวงเศรษฐกิจที่กำกับดูแล ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ คาดจะมาติดตามเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งได้มอบนโยบายที่ได้มอบหมายไปเมื่อปลายเดือน ส.ค.60 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้กระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินการอยู่ ทั้งในด้านการสร้างอาชีพให้ผู้มีรายได้น้อย การดูแลปัญหาปากท้อง การดูแลราคาสินค้าเกษตร การพัฒนาสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าเพิ่ม การผลักดันจัดตั้งตลาดในรูปแบบต่างๆ ซึ่งล้วนแต่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

รวมถึงติดตามด้านการส่งออก โดยเฉพาะความคืบหน้า การใช้นโยบายการเจรจาสองฝ่าย และยุทธศาสตร์หุ้นส่วนเศรษฐกิจ (Strategic Partnership) ในการเปิดตลาดการค้า การลงทุนกับประเทศคู่ค้า ซึ่งมอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศไปจัดทำเป้าหมายและแผนการดำเนินงานให้ชัดเจน โดยประเทศที่ต้องมีแผนงาน เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย อาเซียน CLMV รัสเซีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา เป็นต้น

“ผมได้สั่งการไปแล้ว โครงการอะไรที่ไม่ตอบโจทย์ ไม่เกิดประโยชน์ และไม่ได้ช่วยสนับสนุนการส่งออกสินค้าไทย ก็ขอให้ยกเลิกไป ไม่ใช่มาทำแบบว่าคิดโครงการมาแล้ว เพราะเราต้องปรับการทำงานทุกอย่างเป็นเชิงรุก จะมาทำรูปแบบเดิมๆ ไม่ได้ โดยผมกำลังหาเวลาไปมอบนโยบายการทำงานให้กับข้าราชการกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศด้วย” นายสนธิรัตน์กล่าว

นอกจากนี้ น่าจะมีการหารือถึงการกำหนดเป้าหมายการส่งออกสินค้าไทยสำหรับปี 2561 ว่าจะมีอัตราการขยายตัวเท่าใด หลังจากที่ปีนี้ได้มีการประเมินว่าการส่งออกจะขยายตัวได้สูงถึง 9-10% เกินไปจากเป้าหมายที่เคยประเมินไว้ที่ 7% ซึ่งต้องฟังนโยบายจากการนายสมคิด และนำมาผนึกกับแผนส่งเสริมและผลักดันการส่งออกที่กระทรวงฯ กำลังดำเนินการอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแนวทางการขับเคลื่อนการส่งออกในปี 2561 นอกจากการปรับรูปแบบการจัดทำโครงการเพื่อสนับสนุนการส่งออกแล้ว คาดว่านายสนธิรัตน์จะมีการปรับรูปแบบการทำงานของผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ใหม่ด้วย เพื่อเป็นกลจักรสำคัญในการขับเคลื่อนการส่งออกให้กับประเทศ จะใช้รูปแบบเดิมในการทำงานไม่ได้ เพราะมันจะช้าและไม่ทันการ.