ภายใต้กระแสยุติธรรมา-ยากจะหาความสุขเกษมเปรมใจ?


เพิ่มเพื่อน    

      ถึงแม้จะเป็นช่วงระยะสั้นๆ...แค่ 8 เดือนเท่านั้นเอง แต่ก็คงต้องยอมรับนั่นแหละว่า เล่นเอาใจหาย ใจแป้ว กันไปมิใช่น้อยสำหรับการเดินหน้าเข้าเรือนจำ ของบรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่ อาจารย์ พิภพ ธงไชย, สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สมศักดิ์ โกศัยสุข, สุริยะใส กตะศิลา และผู้ที่อยู่ในคุกอยู่แล้ว อย่าง สนธิ ลิ้มทองกุล รวมไปถึงผู้หลัก-ผู้ใหญ่ที่สามารถกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ มหาบุรุษคุณลุง จำลอง ศรีเมือง ที่อายุ อานาม ปาถึงเลขแปดเข้าไปแล้ว...

                                                              -------------------------------------------------------

      คือถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องน่าเกลียด น่ากลัว อะไรมาก อย่างที่ท่าน พ.กิ่งโพธิ์ ท่านว่าไว้ในคอลัมน์ ประกายสำนึก ของ ไทยโพสต์ หน้า 5 นั่นแหละว่า กลัวอะไร-การติดคุก-ไม่ทุกข์เลย แต่มันคงต้องเหน็ดเหนื่อย ทรมาน กันอยู่มิใช่น้อย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่อยู่ในวัยแก่ วัยชรา ไปด้วยกันทั้งสิ้น แม้จะมีหนุ่มอยู่บ้าง อย่างคุณน้อง สุริยะใส  แต่ก็ออกไปทาง หนุ่มใหญ่ ที่มีภาระอะไรต่อมิอะไรให้ต้องสะสางกันอีกเยอะ ต้อง เสียสละ ตำแหน่งแห่งที่ ที่เคยกะๆ เอาไว้ว่าจะเข้ามารับใช้ปวงประชาในฐานะ ส.ส.สัดส่วน ของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ก็เป็นอันต้องปิดฉาก เก็บฉาก ไปโดยปริยาย...

                                                                ---------------------------------------------------------

      ส่วนที่แก่มากๆ อย่างมหาบุรุษ คุณลุง จำลอง ศรีเมือง แม้ว่าแทบไม่เหลือภาระใดๆ ให้ต้องยุ่งเกี่ยว หรือให้ใครโยนมาให้แบก ให้หามต่อไปอีกแล้ว ใช้ชีวิตอิสระ เสรี แบบ สองตายาย ไปเรื่อยๆ แต่สำหรับผู้ที่อายุปาเข้าไปถึง 83 ปี การหลับ การนอน การกิน การอยู่ ในสถานที่ที่ต้องถูกจำกัดไปในทุกๆ ด้าน ยังไงๆ...มันคงไม่คล่องตัว และอาจเป็นอะไรที่ แสลง กับความแก่ ความชรา มิใช่น้อย เช่นเดียวกับคุณพี่ สมศักดิ์ โกศัยสุข และอาจารย์ พิภพ ธงไชย นั่นแหละ ที่อายุ อานาม ขึ้นเลข 7 ไปแล้วด้วยกันทั้งคู่ การกิน การถ่าย การหลับ การนอน มันคงไม่ถึงกับลื่นไหล สบายๆ เมื่อต้องเปลี่ยนที่ เปลี่ยนทาง เข้าไปอยู่ในคุกนับเป็นร้อยๆ วัน หรือสองร้อยกว่าวัน...

                                                                    -----------------------------------------------------

      ยิ่งเป็นอาจารย์ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ที่ภาวะสุขภาพไม่ได้เหมือนคนอื่นเขา เจ็บออดๆ-แอดๆ มาโดยตลอด แม้ว่าเท่าที่เจอกันหลังสุด อาจพอแข็งๆ ขึ้นมามั่ง แต่ในแง่เรี่ยวแรง กำลังวังชา มันคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คือถึงแม้แต่ละรายคง ไม่ทุกข์ ไปด้วยกันทั้งสิ้น แต่ยังไงๆ...ก็น่าจะเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า อยู่พอประมาณ โดยเฉพาะ สนธิ ลิ้มทองกุล ด้วยแล้ว ที่ก้มหน้ายอมรับสิ่งต่างๆ โดยไม่คิดจะปริปากมายาวกว่าใครเค้าเพื่อน พร้อมที่จะอมเลือด กลืนเลือด มาตั้งแต่ครั้งที่โดนยิง โดนลอบฆ่า ลอบสังหาร ตามด้วยการติดคุกอีกไม่รู้จะกี่ปีต่อกี่ปี และอีกไม่รู้จะกี่คดีต่อกี่คดี ที่ยังคงไม่สิ้นสุด ไม่แล้วเสร็จ จนกระทั่งบัดนี้...

                                                                    -------------------------------------------------------

      พูดง่ายๆ ว่า...แม้จะเป็นอะไรที่สง่างาม น่าเชิดชู ยกย่อง ในแง่จิตใจ ความกล้าหาญ ความเสียสละกันแบบไหน อย่างไร ก็ตามที แต่ก็คงต้องยอมรับนั่นแหละ มันออกจะเป็นอะไรที่เจ็บปวด รวดร้าว กันอยู่ตามสมควร เป็นไปตามแบบที่ นางปอร์เชีย พูดเอาไว้ในบทละคอนพระราชนิพนธ์ เวนิส-วาณิช นั่นแหละว่า... ภายใต้กระแสยุติธรรมา-ยากจะหาความสุขเกษมเปรมใจ ด้วยเหตุเพราะสิ่งที่เรียกว่า กฎหมาย นั้น มันออกจะเป็นอะไรที่แข็งทื่อ เป็นดุ้นๆ ด้ามๆ ไม่ได้มีจิตวิญญาณ มีความละเอียดอ่อน นุ่มนวล ละมุนละไม เหมือนอย่างขนบธรรมเนียม ประเพณี หรือวัฒนธรรมอะไรทั้งหลาย...

                                                                    --------------------------------------------------------

      การเดินตามกฎหมายไปแบบดื้อๆ ทื่อๆ...มันเลยคงต้องออกมาในลูกนี้ ส่วนในเรื่องของความละเอียดอ่อน หรือ ความกรุณา-ปรานี นั้น ก็คงต้องเป็นไปอย่างที่ นางปอร์เชีย อีกนั่นแหละ ที่ว่าเอาไว้ว่า... อันความกรุณาปรานี-จะมีใครบังคับก็หาไม่-หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ-จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน-เป็นสิ่งดีสองชั้นพลันปลื้มใจ-ทั้งผู้ให้ผู้รับได้สมถวิล-เป็นกำลังเลิศพลังอื่นทั้งสิ้น-เจ้าแผ่นดินผู้ทรงพระกรุณา-ประดุจดังวราภรณ์สุนทรสวัสดิ์-เรืองจรัสยิ่งมงกุฎสุดสง่าฯ” อะไรประมาณนั้น...

                                                                      --------------------------------------------------------

      คือถ้าหากเอา กฎหมาย เข้าไปจับในทุกเรื่อง ทุกๆกรณี...ก็คงต้องยอมรับอย่างไม่อาจปฏิเสธได้นั่นแหละว่า นับจากนี้ไปจนตราบอนาคตเบื้องหน้า คงยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ ที่จะหาใครที่กล้าหาญ กล้าเสียสละ กล้าแลกเลือด แลกเนื้อ แลกแทบทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตให้กับส่วนรวม ให้กับชาติบ้านเมือง กันแบบเต็มอก เต็มใจ และยินยอมพร้อมใจ เพราะ บทสรุป มันคงต้องออกในแนวนี้อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ต้องติดคุกตอนแก่ ต้องเดินขึ้นโรง-ขึ้นศาล จนเมื่อยตุ้ม เมื่อยตาตุ่ม ชนิดโรคไขข้ออักเสบถามหา เผลอๆยังต้องทำงานใช้หนี้นับเป็นร้อยล้าน พันล้าน ไม่ก็ต้องยอมรับสภาพความเป็น บุคคลล้มละลาย มีชีวิตอยู่แบบต้องตายไปแล้วครึ่งตัว ทำนองนั้น...

                                                                        -----------------------------------------------------------

      อันนี้นี่แหละ...ที่จะถือเป็นเรื่องดี-ไม่ดี ควร-ไม่ควร เหมาะ-ไม่เหมาะ คงต้องหาทางแลกเปลี่ยน ถกเถียง อภิปรายกันโดยละเอียด สำหรับการเดินไปตามกฎหมายในทุกๆ เรื่อง ทุกกรณี เพราะอย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละว่า โดยคุณลักษณะของกฎหมายนั้น มันคงต้อง แข็งทื่อของมันไปโดยตลอด ด้วยเหตุนี้...มันจึงต้องมีสิ่งที่เรียกว่าวัฒนธรรม ประเพณี ที่มีบ่อเกิดมาจาก ธรรมะ นั่นแหละ เป็นองค์ประกอบ มันถึงจะสมบูรณ์ ลงตัว กันได้จริงๆ สำหรับความเป็นสังคมที่ ศิวิไลซ์ ทั้งหลาย...

                                                                         -------------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Cotton... Law and Equity, which God hath joined, let no man put asunder.-กฎหมายกับความยุติธรรมที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงประสานเอาไว้ จงอย่าให้ใครมาแยกออกจากกันได้เลย...

                                                                          ------------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"