คุกตลอดชีวิตเล่าต๋า ลูกชายเจอประหาร


เพิ่มเพื่อน    

ศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต "เล่าต๋า" กับเมียฐานค้ายาเสพติด หลังถูกเจ้าหน้าที่ล่อซื้อยาไอซ์เมื่อปลายปี 59 ปรานีสารภาพลดเหลือจำคุก 25 ปี ปรับคนละ 2.5 ล้าน ส่วนลูกชายกับ 2 สมุนเจอประหารชีวิต บวกโทษจำคุกตลอดชีวิตราชายาเสพติดในอีกคดี

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กทม. วันที่ 13 ธันวาคมนี้ ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อย.5907/2559 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเล่าต๋า แสนลี่ อายุ 77 ปี นักค้ายาเสพติดระดับชาติ, นางอาส่าหม่า แสนลี่ อายุ 67 ปี ภรรยา, นางรพีกาญจน์ หรือจันทร์ฉาย หรือไก่ ภพเพชรลักษณ์ หรือทรายมูล อายุ 57 ปี, นายวิจารณ์ แสนลี่ อายุ 41 ปี บุตรชายนายเล่าต๋าซึ่งเป็นอดีตกำนัน ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และนายบารมี บารมีเกื้อกูล อายุ 38 ปี ทั้งหมดเป็นชาว จ.เชียงใหม่ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันสมคบและร่วมกันจำหน่ายยาไอซ์ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต, ความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490

อัยการโจทก์ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2559 ระบุพฤติการณ์ว่า สืบเนื่องเมื่อวันที่ 20 ก.ย.-11 ต.ค.2559 นายเล่าต๋า, นางอาส่ามา และนางรพีกาญจน์ จำเลยที่ 1-3 ได้มียาไอซ์ 1 ถุง หนัก 994 กรัมเศษ ซึ่งนำมาจำหน่ายให้กับสายลับ ราคา 550,000 บาท ที่นายเล่าต๋า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ติดต่อเจรจาซื้อขาย ส่วนนายวิจารณ์และนายบารมี จำเลยที่ 4-5 เป็นผู้จัดหายาไอซ์ชนิดผลึกสีขาว จำนวน 20 ถุง หนัก 19 กก.เศษ จำหน่ายให้แก่สายลับที่เข้าล่อซื้อราคา 11 ล้านบาท โดยที่นายวิจารณ์กับนายบารมียังทำหน้าที่คุ้มกันให้นายเล่าต๋าระหว่างส่งมอบยาเสพติดด้วย ซึ่งระหว่างที่ถูกจับกุม นายเล่าต๋า จำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนสั้นและปืนยาว รวม 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมากไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนนายวิจารณ์ จำเลยที่ 4 มีอาวุธปืนขนาด .45 พร้อมเครื่องกระสุน, โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่องที่ใช้ในการติดต่อ และยาเสพติดของกลาง เหตุเกิดที่ปั๊มน้ำมัน “เล่าต๋า ปิโตรเลียม” เลขที่ 137 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน

ชั้นสอบสวน นายเล่าต๋าและนางอาส่าหม่าให้การรับสารภาพเฉพาะข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเท่านั้น ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ ขณะที่นางรพีกาญจน์ให้การรับสารภาพโดยตลอด ขณะที่นายวิจารณ์รับสารภาพเฉพาะข้อหากระทำผิด พ.ร.บ อาวุธปืนฯ เท่านั้น และนายบารมีให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ศาลได้เบิกตัวนายเล่าต๋า, นายวิจารณ์ และนายบารมี จากทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง กับนางอาส่าหม่าและนางรพีกาญจน์จากทัณฑสถานหญิงกลาง มาฟังคำพิพากษา ซึ่งทั้งหมดไม่ได้รับการประกันตัวนับตั้งแต่วันที่ถูกจับกุมดำเนินคดีเมื่อเดือน ต.ค.2559

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า สืบเนื่องจากได้มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ดำเนินการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ตำรวจปราบปรามยาเสพติดสืบสวนพฤติกรรมของกลุ่มนายเล่าต๋า โดยพยานโจทก์นำสืบว่า นายเล่าต๋าและครอบครัวมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และมีประวัติเคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติด จึงได้ส่งตำรวจหญิงเป็นสายลับปลอมตัวเป็นนักค้ายาและพูดภาษาจีนยูนนานได้ ติดต่อนางรพีกาญจน์ จำเลยที่ 3 ให้พาไปพบนายเล่าต๋าเพื่อติดต่อขอซื้อยาไอซ์ จำนวน 1 กิโลกรัม ต่อมาได้พบกับนายเล่าต๋าที่ปั๊มน้ำมันของนายเล่าต๋าชื่อ “เล่าต๋า ปิโตรเลียม” อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ แล้วทำการตกลงซื้อขายยาไอซ์ในราคากิโลกรัมละ 5.5 แสนบาท

แต่ในครั้งนั้น เจ้าพนักงานตำรวจยังไม่สามารถจับกุมกลุ่มจำเลยได้ จึงวางแผนให้สายลับทำการติดต่อซื้อขายยาไอซ์อีก จำนวน 20 กิโลกรัม ซึ่งเป็นเงินจำนวนมาก จึงต้องใช้สายลับปลอมตัวไปเป็นผู้ช่วยของนักค้ายาเสพติด แล้วจัดกำลังเจ้าหน้าที่ออกเป็นชุดๆ เช่น ชุดคุ้มกันเงิน ชุดถ่ายภาพเหตุการณ์การเจรจาต่อรองทุกขั้นตอน ระหว่างนายเล่าต๋ากับสายลับ และนายเล่าต๋ากับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภรรยา เพราะการซื้อขายแต่ครั้ง จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับเงิน จึงต้องรู้เห็นถึงรายละเอียดการซื้อขาย ส่วนจำเลยที่ 3 ทำหน้าที่เป็นนายหน้าพาลูกค้ามาซื้อยาเสพติดจากนายเล่าต๋าโดยได้ค่าเปอร์เซ็นต์ ส่วนจำเลยที่ 4 เป็นลูกชาย และเป็นกำนัน ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ได้พกพาอาวุธปืนคอยดูลาดเลาการซื้อขายยาเสพติดทั้ง 2 ครั้ง พร้อมกันนี้ได้มีบุตรชายคนเล็กคอยดูลาดเลาอย่างใกล้ชิด ลักษณะคอยระแวดระวัง

จำเลยที่ 1 และ 2 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การปฏิเสธต่อสู้คดีว่า ตนเป็นเพียงคนกลางนำพาบุคคลซึ่งตนเข้าใจว่าเป็นนักค้าปุ๋ย และต้องการนำเสนอปุ๋ยมาขายให้นายเล่าต๋าซึ่งมีสวนเป็นจำนวนมาก ส่วนจำเลยที่ 4 และ 5 ให้การปฏิเสธต่อสู้คดีว่า พวกตนทำหน้าที่ดูแลกิจการปั๊มน้ำมันตามปกติ ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด โดยจำเลยที่ 4 ยอมรับว่าพกพาอาวุธปืนจริง

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานบุคคลเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งได้มีการวางแผนการจับกุมอย่างเป็นขั้นตอน ประกอบกับมีพยานวัตถุเป็นภาพถ่ายแสดงถึงขั้นตอนการติดต่อซื้อขายยาเสพติดจำนวนมาก ประกอบกับจำเลยที่ 1 และ 2 ให้การรับสารภาพ จึงฟังว่าจำเลยที่ 1 และ 2 กระทำความผิดตามฟ้องจริง ส่วนจำเลยที่ 3 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่ามีพฤติกรรมเป็นนายหน้า ชักพาสายลับให้ไปพบนายเล่าต๋า เพื่อหาซื้อยาเสพติดถึง 2 ครั้ง แม้จำเลยที่ 3 จะต่อสู้ว่าเป็นการนำพามาเพื่อติดต่อซื้อขายปุ๋ยตามปกติ แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่านายเล่าต๋าซื้อขายปุ๋ยจำนวนมากกับผู้ค้าปุ๋ยเจ้าประจำเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องมาติดต่อซื้อปุ๋ยกับสายลับ และทำการนัดเจรจากันถึง 2 ครั้ง พฤติการณ์ฟังได้ว่ากระทำผิดตามฟ้องจริง ส่วนจำเลยที่ 4 และ 5 ฟังว่าทำหน้าที่คอยระแวดระวังในการส่งมอบและรับเงินค่ายาเสพติดจำนวนมาก ทั้งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพกปืนในการทำกิจการปั๊มน้ำมัน

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-5 กระทำผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และ 2 ตลอดชีวิต ปรับคนละ 5 ล้านบาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เหลือจำคุก 25 ปี ปรับคนละ 2.5 ล้านบาท นอกจากนี้ จำเลยที่ 1 ยังกระทำผิดฐานค้ายาเสพติดอีก 20 กิโลกรัม ลงโทษประหารชีวิต ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต และลงโทษฐานพาอาวุธปืน จำคุก 9 เดือน ส่วนจำเลยที่ 3 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 5 ล้านบาท จำเลยที่ 4 ให้ประหารชีวิต และฐานพาอาวุธปืน ปรับ 1,000 บาท การที่จำเลยที่ 4 เป็นเจ้าพนักงานของรัฐให้บวกโทษจำคุกอีก 3 เท่า เมื่อลงโทษประหารชีวิตแล้วจึงไม่อาจบวกโทษให้สูงไปกว่านี้ได้ ส่วนจำเลยที่ 5 ให้ประหารชีวิตสถานเดียว

หลังฟังคำพิพากษา จำเลยทั้งหมดแสดงความประสงค์ขออุทธรณ์คำพิพากษา และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวไปควบคุมต่อที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางและทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป

นายเล่าต๋า แสนลี่ เป็นชาวเขาเผ่าลีซอ อดีตเคยเป็นผู้ใหญ่บ้านบ้านห้วยส้าน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ มีพฤติกรรมพัวพันยาเสพติด และถูกโยงว่าเป็นคนสนิทของนางจาง ซี ฟู หรือขุนส่า นักค้ายาเสพติดรายใหญ่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ กระทั่งปี 2540 นายเล่าต๋าถูกผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ไล่ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีพฤติการณ์ลักลอบค้ายาเสพติด ต่อมาช่วงกลางปี 2546 นายเล่าต๋าถูกเจ้าหน้าที่ ปส.จับกุม แต่ภายหลังศาลฎีกามีคำตัดสินเมื่อปลายปี พ.ศ.2550 พิพากษายืนให้ยกฟ้องตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เนื่องจากพยานหลักฐานยังมีข้อพิรุธน่าสงสัย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"