จำนนต่อการประท้วงติดต่อกันหลายสัปดาห์ "อับเดลาซิซ บูเตฟลิกา" ประธานาธิบดีแอลจีเรียประกาศล้มเลิกความพยายามลงสมัครรับเลือกตั้งสมัยที่ 5 แล้วเมื่อวันจันทร์ พร้อมสั่งเลื่อนการเลือกตั้งเดือนหน้า แต่ฝ่ายต้านยังไม่พอใจ เรียกร้องให้ลงจากอำนาจ

ประธานาธิบดีอับเดลาซิซ บูเตฟลิกา ของแอลจีเรีย ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2562 / CANAL ALGERIE / AFP

    สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562 ว่าประธานาธิบดีวัย 82 ปีของแอลจีเรียผู้นี้ประกาศข่าวเมื่อวันจันทร์ หนึ่งวันภายหลังเดินทางกลับจากรักษาที่โรงพยาบาลในสวิตเซอร์แลนด์นาน 2 สัปดาห์

    "จะไม่มีสมัยที่ 5" และ "จะไม่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 18 เมษายน" สำนักข่าวเอพีเอสของทางการแอลจีเรียอ้างคำประกาศของบูเตฟลิกาเมื่อวันจันทร์ โดยเขาให้เหตุผลว่าเป็นการยอมตามแรงกดดันจากความต้องการของประชาชน

    ผู้คนในเมืองหลวงพากันไชโยโห่ร้องดีใจกับการตัดสินใจของเขา รถยนต์พากันบีบแตรดังทั่วใจกลางกรุง ประชาชนโบกสะบัดธงชาติบนท้องถนนที่ไร้เงาของตำรวจ

    ทุกวันศุกร์ 3 สัปดาห์ติดต่อกันแล้วที่ประชาชนนับแสนคนพากันมาชุมนุมต่อต้านบูเตฟลิกาในกรุงแอลเจียร์ และยังมีการชุมนุมขนาดเล็กกว่าในวันอื่นๆ เพื่อต่อต้านความพยายามของเขาที่จะครองอำนาจต่อไป ในคำแถลงเมื่อวันจันทร์ บูเตฟลิกาให้คำมั่นว่าเขาจะส่งมอบหน้าที่และสิทธิพิเศษของประธานาธิบดีแก่ผู้รับช่วงต่อที่มาจากการเลือกอย่างเสรีโดยประชาชนชาวแอลจีเรีย แต่เขากลับไม่ได้ระบุวันเลือกตั้งใหม่

    ต่อมาในวันอังคาร นักศึกษานับพันคนได้ชุมนุมประท้วงในเมืองหลวง กล่าวโจมตีบูเตฟลิกาที่พยายามยืดการครองอำนาจต่อไปด้วยการยกเลิกการเลือกตั้งในเดือนหน้า "อย่ามาเล่นเล่ห์ บูเตฟลิกา" พวกผู้ประท้วงพากันร้องตะโกน

    บูเตฟลิกากล่าวไว้เมื่อวันจันทร์ว่า การเลือกตั้งใหม่จะจัดขึ้นในวันที่กำหนดโดยการประชุมระดับชาติ

    ผู้นำอาวุโสรายนี้เคยได้รับการยกย่องว่าช่วยสร้างสันติภาพในประเทศนี้ภายหลังสงครามกลางเมืองยาวนานกว่าทศวรรษ แต่ปัจจุบันเขาถูกวิจารณ์ว่ากลายเป็นผู้นำเผด็จการอำนาจนิยม ครองอำนาจอย่างต่อเนื่องมานับแต่ปี 2542 ทั้งที่มีวัยชราและมีปัญหาสุขภาพ โดยเขาแทบไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะ หลังจากมีอาการโรคหลอดเลือดสมองเมื่อปี 2556 ที่ทำให้เขาต้องนั่งรถเข็น

    แม้จะไม่ได้หาเสียงเลือกตั้งเลย แต่บูเตฟลิกาสามารถชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 4 เมื่อเดือนเมษายน 2557 โดยได้คะแนนสนับสนุนถึง 81.5%

    รัฐบาลฝรั่งเศสซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมเดิม แสดงความยินดีกับการตัดสินใจของเขา โดยประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง กล่าวว่า เป็นการเริ่มต้นหน้าใหม่ของการพัฒนาประชาธิปไตยของแอลจีเรีย และเรียกร้องให้แอลจีเรียกำหนดกรอบเวลาการเปลี่ยนผ่านที่สมเหตุสมผล.