'ชทพ.' พลาดเป้าหลายพื้นที่ แต่ล้างอายรักษา 'หัวใจมังกร' ได้


เพิ่มเพื่อน    

        อาจเป็นพรรคขนาดกลางถึงพรรคขนาดเล็ก แต่สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ “ชาติไทยพัฒนา” ภายใต้การถือธงนำของ “หนูนา” น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หมายมั่นปั้นมือเอาไว้แต่แรกว่า จะสามารถกวาด ส.ส.ได้ถึง 25-30 ที่นั่ง

        นั่นเพราะแม้อดีต ส.ส.หลายคนที่อยู่กับพรรคมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นตระกูลปริศนานันทกุล ที่ จ.อ่างทอง ตระกูลไชยเศรษฐ์ ที่ จ.อุทัยธานี และนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร อดีต ส.ส.พระนครศรีอยุธยา จะย้ายออกจากพรรค ภายหลังไม่มีหัวเรือใหญ่อย่าง “บรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรี

        แต่พรรคชาติไทยพัฒนาที่มี “ทายาทศิลปอาชา” นำทัพ และมี “ประภัตร โพธสุธน” นักการเมืองรุ่นเก๋าทำหน้าที่แม่บ้านในฐานะเลขาธิการพรรค กลับได้อดีต ส.ส.จากพรรคอื่นมาทดแทนไม่น้อยเหมือนกัน

        โดยเฉพาะการได้ “ตระกูลสะสมทรัพย์” นักการเมืองดังแห่ง จ.นครปฐม มาร่วมงานกับพรรคแบบยกบ้าน จนพวกเขาคิดว่า จะสามารถเหมา จ.นครปฐม หรืออย่างน้อย 4 เขตเลือกตั้งที่มีคนของตระกูลดังมาลงแข่งได้

        ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พรรคชาติไทยพัฒนาคาดหวังไว้สูง เพราะระดับ “ตัวใหญ่” ลงสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตด้วยตัวเอง เริ่มจาก “พาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ “ไชยา สะสมทรัพย์” อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง ที่ลงสมัคร ส.ส.เขต 2

        “ก่อเกียรติ สิริยะเสถียร” อดีต ส.ส. ลงเขต 3, “อนุชา สะสมทรัพย์” ลงสมัคร ส.ส.เขต 4 และ “เผดิมชัย สะสมทรัพย์” ลงสมัคร ส.ส.เขต 5

        แต่ปรากฏว่า จาก 4 พื้นที่ที่คาดหวังไว้สูง แต่สุดท้ายกลับเป็นเลือดใหม่อย่าง “พาณุวัฒน์” ที่ทำทีมสโมสรนครปฐม ยูไนเต็ด มาก่อน ชนะการเลือกตั้งเพียงคนเดียว ขณะที่ “ก่อเกียรติ” แพ้ให้กับ “สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา” จากพรรคอนาคตใหม่

        ส่วน “อนุชา” พ่ายแพ้ให้ “ปฐมพงศ์ สูญจันทร์” อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม จากพรรคพลังประชารัฐ เช่นเดียวกับ “เผดิมชัย” ที่ต้องอกหัก เพราะปราชัยให้กับผู้สมัครหน้าใหม่อย่าง “จุมพิตา จันทรขจร” จากพรรคอนาคตใหม่ ในเขต 5

         เบ็ดเสร็จแล้วมีเพียง “พาณุวัฒณ์” ที่ลุยฝ่าเข้ามาได้ นอกนั้นทำได้เพียงเก็บคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ให้กับพรรคชาติไทยพัฒนาเท่านั้น

        ส่วนที่พื้นที่ใกล้เคียงอย่าง จ.สมุทรสาคร ที่คาดหวังหลังได้ “ตระกูลไกรวัตนุสสรณ์” ที่ช่ำชองงานในพื้นที่ เพราะทำการเมืองท้องถิ่นมาหลายปี ส่งใน 3 เขตที่มีลุ้น โดยเขต 1 ส่ง “อนุสรณ์ ไกรวัตนุสสรณ์” ลูกชายของ “เฮียม้อ” มณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ ลงชิง แต่สุดท้ายแพ้ให้กับผู้สมัครจากพรรคอนาคตใหม่อย่าง “ทองแดง เบ็ญจะปัก”

        เขต 2 ส่ง “อภิชาต โพธิ์ถนอม” หรือ “ส.จ.เอ็กซ์” ลงสมัคร ส.ส. แต่กลับมีคะแนนน้อยกว่าอันดับ 2 จากพรรคพลังประชารัฐ และอันดับ 1 จากพรรคอนาคตใหม่ คือ “สมัคร ป้อมวงษ์” ขณะที่เขต 3 บดกันสนุก และมีคะแนนมาดีในช่วงแรก สำหรับ “ปัญญา ชวนบุญ” จากพรรคชาติไทยพัฒนา แต่มาแพ้แบบฉิวเฉียดให้กับ “จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ” จากพรรคพลังประชารัฐ

        เท่ากับว่า เขตนี้พรรคชาติไทยพัฒนาเป็น “ศูนย์” ต่ำกว่าเป้า

        เช่นเดียวกับที่คาดหวังเอาไว้สูงมากว่าจะได้คือ เขต 1 จ.เพชรบุรี ที่ส่ง “ยุทธพล อังกินันทน์” โฆษกพรรคลงมาป้องกันแชมป์ แต่ต้องสอบตกเมื่อแพ้ให้กับผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ คือ “กฤษณ์ แก้วอยู่” อดีตประธานสภาทนายความจังหวัดเพชรบุรี

        ที่เอากลับมาได้คือ จ.ร้อยเอ็ด หลัง “อนุรักษ์ จุรีมาศ” พยายามทำพื้นที่นี้มานานหลายปี หลังสอบตก ที่สุดก็สามารถชนะการเลือกตั้งได้กลับมาเป็น ส.ส.ได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะแชมป์เก่าอย่าง “วราวงษ์ พันธุศิลา” พรรคเพื่อไทย อย่างขาดลอย

        สำหรับฐานที่มั่นสำคัญ เปรียบดัง “หัวใจมังกร” อย่าง จ.สุพรรณบุรี ที่คาดหวังจะกวาดยกจังหวัดทั้ง 4 เขต หลังในการเลือกตั้งปี 2554 ถูกพรรคเพื่อไทย “เจาะไข่แดง” ไปได้ โดยครั้งนั้น “มุกดา เที่ยงธรรม” ภรรยานายจองชัย เที่ยงธรรม แพ้ให้กับ “สหรัฐ กุลศรี” จากพรรคเพื่อไทย

        มาครั้งนี้ “จองชัย” ส่งลูกชาย “เสมอกัน เที่ยงธรรม” ลงทวงพื้นที่เขต 4 กับคู่แข่งคนเดิมกับ “สหรัฐ” ก่อนหน้านี้คะแนนสูสีมาก แต่ด้วยแกนนำพรรค ยกขบวนหาเสียงกันไปในพื้นที่อย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ผิดพลาด ที่สุด “เสมอกัน” ก็เอาคืนได้สำเร็จ

        ส่วนเขต 3 ที่เป็นศึก “ช้างชนช้าง” ระหว่าง “ประภัตร โพธสุธน” กับ “จองชัย เที่ยงธรรม” ที่ต้องแข่งกัน เพราะความไม่พอใจเรื่อง “ประภัตร” ที่จะส่งหลานชายซึ่งสังกัดพรรคพลังประชารัฐลงแข่งกับ “เสมอกัน” ในเขต 4 ซึ่งปรากฏว่า “ประภัตร” ที่หนาแน่นในพื้นที่กว่า เอาชนะไปได้ แต่ไม่ถึงกับทิ้งขาดมาก

        ส่วนที่เขต 1 การลงพื้นที่ปิดท้ายของ “คุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา” พร้อมลูกสาว ลูกชาย ในวันสุดท้ายของการหาเสียง มีผลทำให้คะแนนของ “สรชัด สุจิตต์” นำลิ่วจนเข้าวิน เช่นเดียวกับเขต 2 ที่การง้อ “ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ” กลับมาอยู่กับพรรคได้ เป็นการทำให้พื้นที่ จ.สุพรรณบุรี แน่นปึ้กทุกพื้นที่ จนสามารถกวาด ส.ส.ยกจังหวัด ล้างอายเมื่อปี 2554 ได้สำเร็จ

         แม้จะได้ ส.ส.ไม่ตามเป้า แต่การรักษา “หัวใจมังกร” เอาไว้ ทำให้ชาติไทยพัฒนายังมี “เพาเวอร์” ทางการเมืองอยู่.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"