2พรรคแข่งยึดทำเนียบ พปชร.อ้างป๊อปปูลาร์โหวตสูงสุด-พท.ยันมีส.ส.มากอันดับ1


เพิ่มเพื่อน    

    2 พรรคใหญ่แข่งตั้งรัฐบาล พลังประชารัฐอ้างเสียงป๊อปปูลาร์โหวตมากกว่า ส่วนเพื่อไทยอ้างได้ ส.ส.มากกว่า "อุตตม" เผยเริ่มพูดคุยแล้วจะจบให้เร็วที่สุด ขณะที่ "ภูมิธรรม-ธนาธร" โลกสวยไม่คุยเรื่องตำแหน่งนายกฯ แต่รวมเสียงสกัดการสืบทอดอำนาจของ คสช. ช่างบังเอิญ "เสี่ยอ้วน" ไม่ยืนยันเสนอชื่อ "เจ๊หน่อย" ท่ามกลางกระแสข่าวจีบ "เสี่ยหนู" ชูไพร่หมื่นล้านเป็นนายกฯ 
    หลังผลการเลือกตั้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เริ่มชัดเจน 2 พรรคใหญ่เริ่มต้นแข่งจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค พปชร.แถลงภายหลังประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคว่า การดำเนินการต่อจากนี้ของพรรค พปชร. โดยเฉพาะเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคมีมติยืนยันแนวทางที่เราตั้งไว้แต่ต้น ว่าพรรคใดรวบรวมเสียงข้างมากได้ก็สามารถดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลได้ 
    "พรรคพลังประชารัฐได้เสียงมากสุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ จากนี้ไปเราจะดำเนินการหารือพูดคุยกับพรรคการเมืองที่ผู้สมัครได้รับเลือกตั้ง ส.ส.ที่มีระบบและแนวทางสอดรับกับแนวทางของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนโยบาย การบริหารประเทศ เพื่อดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนอยากเห็น และเป็นไปตามกฎกติกาของรัฐธรรมนูญที่มีอยู่"
      ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคที่มีคะแนนเสียงมากอันดับหนึ่งถือว่ามีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอุตตมตอบว่า เป็นหลักการที่เราพูดมาตั้งแต่ต้น แต่ไม่ขัดขวางพรรคอื่นๆ ที่ดำเนินการ  
    เมื่อถามว่า ขณะนี้ได้มีการเชิญพรรคการเมืองใดมาบ้าง นายอุตตมกล่าวว่า ได้เริ่มพูดคุยแล้ว และมั่นใจว่าเราจะตัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งเราจะเริ่มดำเนินการเลย จะทำให้เร็วที่สุด ส่วนระยะเวลาที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้นั้นเรากำหนดตายตัวไม่ได้ แต่จะดำเนินการโดยเร็ว
    ถามอีกว่า มีกี่พรรคที่ประสานเพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาล หัวหน้าพรรค พปชร.ระบุว่า บอกไม่ได้เพราะยังอยู่ในขั้นตอน ซึ่งเรามีความมั่นใจว่าเราทำได้ ไม่คิดว่ายากลำบากเท่าไร
    ซักว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  ได้ให้คำแนะนำหรือไม่ นายอุตตมปฏิเสธว่าไม่มี เพราะเป็นเรื่องของพรรคที่ต้องดำเนินการ โดยคณะกรรมการบริหารพรรคมีมติมอบหมายให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเป็นผู้ดำเนินการในครั้งนี้
    เมื่อถามว่า พรรคที่ไปพูดคุยควรมีคุณสมบัติอย่างไร เขาตอบว่า เราเคยพูดว่าอย่างน้อยที่สุดต้องเป็นพรรคที่ร่วมอุดมการณ์ มีความสอดคล้องกันในเรื่องนโยบาย และสุดท้ายเราต้องทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ
    ถามว่าได้เชิญพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า ขอเวลาดำเนินการ ยังไม่ไปพาดพิงพรรคไหน แต่เราไม่รอช้าเพราะทำงานทันที
ฉันทามติ 7.9 ล้านเสียง
    เมื่อถามว่า เงื่อนไขการพูดคุยจะต้องให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ เท่านั้นใช่หรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรค พปชร.เสนอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และฉันทามติของประชาชนกว่า 7.9 ล้านคนให้ความไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นไม่มีอะไรที่พรรค พปชร.จะไม่เคารพเสียงของประชาชน พรรคจะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ภายใต้การจัดตั้งรัฐบาล
    นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร.กล่าวถึงกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเหมือนกันเพราะได้ ส.ส.แบบแบ่งเขตมากที่สุดว่า ต้องดูที่เจตนารมณ์ รัฐธรรมนูญฉบับนี้แตกต่างจากรัฐธรรมนูญในอดีต เพราะยึดคะแนนรวมของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ หลักการของรัฐธรรมนูญคือทุกคะแนนไม่ได้ถูกทิ้ง ไม่ได้มีแต่คะแนนผู้ชนะ ส.ส.เขตเท่านั้น แต่ต้องรวมคะแนนเสียงของประชาชนทั้งประเทศ เป็นเสียงที่ถูกนับด้วย ซึ่งพรรค พปชร.ถือเป็นพรรคที่ได้รับความไว้วางใจมากสุดกว่า 7.9 ล้านเสียง 
    "พรรคจึงถือว่าเป็นความชอบธรรมที่จะดำเนินการตามเจตนารมณ์เช่นกัน ไม่มองข้ามเสียงใดเสียงหนึ่งที่ให้ความไว้วางใจต่อพรรค" นายสนธิรัตน์กล่าว
    ถามว่าพรรค พปชร.เดินช้ากว่าพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลไปก้าวหนึ่งหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า "ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็รู้ พรรคไม่ได้เดินช้ากว่าพรรคเพื่อไทยไปหนึ่งก้าว ไม่ช้าหรอก แล้วจะรู้ได้ไง ผมอาจจะเร็วกว่าสองก้าว"
    ขณะที่พรรคเพื่อไทย แกนนำพรรค คณะผู้บริหารพรรค อาทิ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายชัยเกษม นิติสิริ, นายภูมิธรรม เวชยชัย, นายชูศักดิ์ ศิรินิล, นายโภคิน พลกุล ร่วมกันแถลงข่าว โดยคุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า พรรคที่ได้อันดับหนึ่งจะต้องได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลก่อน โดยจะพูดคุยกับพรรคที่ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ซึ่งมีหลายพรรคที่ประกาศตัวชัดเจน ส่วนเรื่อง ส.ว.นั้นเรายังมีความเห็นเหมือนเดิมว่า ส.ว.ทั้ง 250 คนจะต้องฟังเสียงของประชาชน  
    ส่วนกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ระบุว่าจะไม่เสนอชื่อคนที่ไม่ได้เป็น ส.ส.เป็นนายกฯ นั้น ไม่ต้องกังวล  ไม่มีปัญหาใดๆ เรื่องการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ เป็นสิ่งที่เราต้องพูดคุยกัน ยืนยันว่าพรรคจะไม่ทำอะไรให้ประชาชนผิดหวัง เราจะทำในเจตนารมณ์ที่ประชาชนฝากความหวังเอาไว้ จะมีการพูดคุยกันโดยเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง ผลประโยชน์ของพรรคเป็นรอง เราจะร่วมกันทำให้ประเทศไทยเดินหน้าได้ด้วยความสงบสุข
เปิดโอกาสจับมือ ปชป.
    ด้านนายภูมิธรรมกล่าวว่า ผลการเลือกตั้งนั้นพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.เขตจำนวน 137 ที่นั่ง พรรคที่ได้ที่นั่งในสภาสูงที่สุดต้องได้จัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นเราจะเร่งประสานพรรคการเมืองที่ไม่อยากเห็นการสืบทอดอำนาจเพื่อจัดตั้งรัฐบาลต่อไป เจตจำนงของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ ส.ว. 250 คนต้องทำหน้าที่ให้เป็นอิสระ ให้สมกับงบประมาณพันกว่าล้านบาทของประชาชนที่ใช้สรรหาพวกท่านมา
    ถามว่ามีโอกาสจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า หัวหน้าพรรคคนเก่า ประกาศว่าจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นคงต้องรอให้หัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ก่อน
    ถามอีกว่า พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรายึดเอาเจตนารมณ์และความต้องการของประชาชนเป็นที่ตั้ง รัฐบาลในอนาคตข้างหน้าจะเป็นไปเพื่อตอบสนองเจตนารมณ์ของประชาชน เรื่องนี้เราจะต้องมีการพูดคุยกันว่าอะไรคือทางออกของพรรคฝ่ายประชาธิปไตยที่ดีที่สุด จะพาประเทศหลุดพ้นจากสภาพเดิมๆ เราก็จะทำหน้าที่นั้น
    ซักว่ามีการประสานกับพรรคอนาคตใหม่และพรรคภูมิใจไทยเพื่อตั้งรัฐบาลแล้วหรือยัง นายภูมิธรรมกล่าวว่า เมื่อพรรคได้แสดงท่าทีแล้วเชื่อว่าพรรคอื่นๆ จะแสดงท่าทีออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีเวลาที่จะพูดคุยกันว่าอะไรคือสิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุด
    เมื่อถามว่า หลายฝ่ายมองว่าพรรคภูมิใจไทยคือตัวแปรสำคัญ หากไม่มีเสียงของพรรคภูมิใจไทยก็อาจจะไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้นั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป้าหมายเราตั้งไว้ชัดเจน เราจะตอบสนองเจตนารมณ์ของประชาชน และเสียงข้างมากในครั้งนี้เป็นเสียงสะท้อนที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง  หากมองผลประโยชน์และเจตนารมณ์ของประชาชนเป็นหลักก็สามารถจับมือกันตั้งรัฐบาลได้
    ซักอีกว่ารับได้หรือไม่หากไม่มีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราจะต้องคุยกัน ยึดเอาฉันทามติ ซึ่งความชัดเจนจะเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเราออกจากห้องแถลงข่าวนี้ไปแล้ว จะดำเนินการให้เร็วที่สุด
    ขณะที่นายโภคินกล่าวว่า เราไม่ได้ดูที่ใครได้เสียงประชาชนมากกว่า แต่ดูที่ใครมีเสียง ส.ส.ในสภามากกว่ากัน เพราะการจะเลือกนายกฯ นั้น ส.ส.เป็นผู้เลือก ถ้าบอกเอาคะแนนสนับสนุนมันไม่จบ วันนี้กติกาท่านเขียนเองให้เป็นแบบนี้ คนที่จะเลือกนายกฯ ไม่ใช่ป๊อปปูลาร์โหวต แต่เป็นป๊อปปูลาร์โหวตที่มาเลือก ส.ส. แล้ว ส.ส.ไปเลือกนายกฯ
    รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า สำหรับการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล แกนนำคนสำคัญของพรรคไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย  ยินดีรับฟังทุกเงื่อนไขของพรรคที่ได้เสียงรองลงมา ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทยหรือพรรคอนาคตใหม่ 
สกัดสืบทอดอำนาจ
    หนึ่งในเงื่อนไขหากมีการหยิบยื่นมาเจรจาต่อรอง คือตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อไทยยินดีหากจะไม่ใช่คนของพรรค เช่นเดียวกับกระทรวงเกรดเอ หากมีการเจรจาต่อรองพรรคเพื่อไทยยินดีรับทุกข้อเสนอ เพราะภารกิจหลักที่เป็นเป้าหมายของพรรคนาทีนี้คือ รวบรวมเสียงให้เกินกว่า 300 เสียง สกัดกั้นการสืบทอดอำนาจ ล้ม พล.อ.ประยุทธ์ไม่ให้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย
    ส่วนที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ มีการแถลงข่าวโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค พร้อมผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อร่วมแถลง
    นายธนาธรกล่าวว่า พรรคมีจุดยืนทั้ง 4 ข้อ ประกอบด้วย 1.หลักการการจัดตั้งรัฐบาล ต้องเรียนว่า พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี แต่พรรคอนาคตใหม่จะไม่เสนอชื่อธนาธรเป็นนายก เพราะเราต้องการยืนยันวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ถูกต้อง เราเชื่อว่าวินาทีนี้ สังคมไทยต้องการยึดหลักการที่ถูกต้อง เราจะไม่นำเรื่องนี้เป็นเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะเราเชื่อว่าพรรคอันดับหนึ่งจะต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีจะต้องมาจากพรรคการเมืองดังกล่าว  
    2.กลไกปิดสวิตช์ ส.ว. จนถึงวันนี้เรายืนยันว่าข้อเสนอดังกล่าวยังเป็นไปได้ พรรคที่เสนอชื่อ พล.อ. ประยุทธ์เป็นนายกฯ หรือสืบทอดอำนาจมี 3 พรรค ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และประชาชนปฏิรูป จากคะแนนตอนนี้คาดว่า พปชร.จะได้ 116 ที่นั่ง รปช. 5  ที่นั่ง ประชาชนปฏิรูป 0 หรือ 1 ที่นั่ง เมื่อรวมคะแนนจะมีประมาณ 122 ที่นั่ง เงื่อนไขการปิดสวิตช์คือ ต้องมี ส.ส.สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์น้อยกว่า 124 ที่นั่ง 
    "ผมจึงขอเชิญชวนนักการเมืองทุกคนที่ไม่ได้อยู่ในข่ายสืบทอดอำนาจ มาร่วมกันรับรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคที่รวมเสียงข้างมากได้ และขอวิงวอนภาคประชาสังคม ประชาชนทั่วไป ร่วมกดดันให้พรรคการเมืองทุกพรรคที่ยืนยันเจตจำนงของประชาชนปิดสวิตช์ ส.ว.ที่สภาล่าง ซึ่งนี่เป็นวิธีที่สันติที่สุด ที่ทำให้การเมืองหลังการเลือกตั้งไม่วุ่นวาย หากเราปล่อยให้ ส.ว.มาเลือกนายกรัฐมนตรีอาจนำประเทศไทยไปสู่ความขัดแย้งได้"
    นายธนาธรกล่าวว่า ที่เราหารือกับเพื่อไทยไม่ได้มีการพูดถึงเก้าอี้นายกฯ ตำแหน่งรัฐมนตรีหรือกระทรวงใดๆ ในรายละเอียด เราคุยกันเรื่องเดียวว่านี่เป็นเวลาการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. ซึ่งเป็นเรื่องที่เราเห็นตรงกัน 
'ปิยบุตร' ออกตัวแรง
    ด้านนายปิยบุตรกล่าวว่า เงื่อนไขข้อที่ 3 คือ เงื่อนไขร่วมรัฐบาล ตั้งแต่เราตั้งพรรคมา เราพยายามสร้างมาตรฐานการเมืองใหม่ เรื่องที่เราพูดบ่อยๆ นั้นคือ ต้องมีข้อตกลงร่วมกัน ไม่ใช่เพียงแค่การต่อรองตำแหน่งหรือเรื่องผลประโยชน์ โดยเราวางเงื่อนไข 3 ข้อ ได้แก่ 
    (1) แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพิ่มบทบัญญัติใหม่ ให้เลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ก่อนจบลงด้วยการทำประชามติเพื่อฟังเสียงของประชาชน คล้ายกับรัฐธรรมนูญปี 2534 สู่ รัฐธรรมนูญ 2540 
    (2) เราพูดเสมอว่า ต้องเข้าไปจัดการมรดกบาปของ คสช. ในขั้นต้นเราเสนอวิธีการที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ ปลดมาตรา 279 ของ รธน. 2560 ที่คุ้มกันและรับรองให้การใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ชอบด้วยกฎหมายตลอดกาล หากเราไม่ปลดล็อกเรื่องนี้ก็ไม่สามารถจัดการมรดกบาปของ คสช.ได้ 
    (3) เราจำเป็นต้องปฏิรูปกองทัพให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย หากกองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง การรัฐประหารจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย
    บรรยากาศที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เผยว่า ในส่วนพรรคยังไม่ได้โทร.หาใคร เพราะเพิ่งกลับมาจากจังหวัดบุรีรัมย์ และยังไม่มีใครโทร.มาหา เพราะตอนนี้ยังกำหนดท่าทีอะไรไม่ได้ เนื่องจาก กกต.ยังประกาศผลการเลือกตั้งไม่เรียบร้อยดีทั้งหมด 
    "ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยจะไม่สนับสนุนให้นายกรัฐมนตรีที่รวบรวมได้จากเสียงข้างน้อยเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลที่จะเกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งต้องเป็นรัฐบาลที่มั่นคงและทำงานให้ประชาชนได้"
    เขากล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยไม่เคยพูดว่าจะไม่เอานายกรัฐมนตรีที่ไม่มาจาก ส.ส. เราจะไม่ให้ ส.ว. 250 คนมากำหนดคน 500 คน
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่จะมีการต่อสายโทรศัพท์ไปที่ตัว ส.ส. แต่ตนไม่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ทุกคนพูดตรงกันว่าเรามีระบบของเราอยู่ คือการตัดสินโดย กก.บห.และ ส.ส. ซึ่งวันนี้ ส.ส.ใหม่ยังไม่ได้รับการรับรอง ส่วนแนวทางจะชัดเจนอย่างไรนั้น กก.บห.ชุดรักษาการจะได้ประชุมกันเร็วๆ นี้
    นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ช่วงนี้ข่าวปล่อยข่าวลือจะเยอะ อย่าไปให้นํ้าหนักกับข่าวมาก ส่วนเรื่องการสนับสนุนเพื่อไทย ตนขอยืนยันว่าในส่วนของตน ใครจะติดต่อหรือไม่ติดต่ออย่างไรก็ตาม คำตอบคือเป็นไปไม่ได้
    นายถาวร เสนเนียม ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ในอุดมการณ์ของพรรคข้อหนึ่งกำหนดว่า เราจะต้องปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และต้องยึดถือตามรัฐธรรมนูญ เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาตามรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติ  16 ล้านกว่าเสียง และถูกเสนอชื่อเป็นอันดับหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐ ตนเห็นว่าก็อยู่ในอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว
    นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะเรามีกันอยู่หลายคน  อาจจะมีคุยหรือไม่คุยตนไม่ทราบ แต่คิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะคุยทั้งพรรคแกนนำและพรรคชาติไทยพัฒนา. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"