‘ประยุทธ์’พอใจ ‘จีน-ไทย’ชื่นมื่น 5ปีสัมพันธ์ดีสุด


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กตู่" เผยไทย-จีนพึงพอใจความสัมพันธ์ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เป็นความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด ยืนยันจะดูแลนักลงทุนและนักท่องเที่ยวจีนอย่างดีที่สุด ยึดมั่นหลักการ 3M ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ความเคารพซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน

    เมื่อเวลา 08.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าร่วมการประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (BRF) ว่า ระหว่างการประชุม ตนได้มีโอกาสกล่าวสุนทรพจน์ใน 2 โอกาส คือ การประชุมระดับสูง (High-Level Meeting) และการประชุมผู้นำโต๊ะกลม (Leaders’ Roundtable) โดยได้เน้นย้ำบทบาทไทยในฐานะประธานอาเซียนในการส่งเสริมความเชื่อมโยงในทุกมิติ และแสดงความพร้อมที่จะร่วมมือกับจีนเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงในอนุภูมิภาคและภูมิภาค ผ่าน MPAC 2025 และ ACMECS Master Plan ซึ่งมีเป้าหมายเดียวกันกับกรอบยุทธศาสตร์ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (BRI) บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจกัน โปร่งใส การเปิดกว้าง ครอบคลุมทุกภาคส่วน และการเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ 
    นายกฯ กล่าวว่า ผลสำเร็จที่สำคัญของการประชุมคือ การรับรองแถลงการณ์ร่วมของการประชุมผู้นำโต๊ะกลม ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นของประเทศที่อยู่ในเส้นทางสายไหม ในการส่งเสริมความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงทุกมิติ รวมทั้งการเชื่อมโยงนโยบายการพัฒนาร่วมกัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ระหว่างประเทศที่อยู่ในเส้นทางสายไหมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งนี้ แถลงการณ์ร่วมฯ ได้กำหนดทิศทางความร่วมมือภายใต้กรอบ BRI ใน 5 มิติ ได้แก่ 
    1.ความเชื่อมโยงทางนโยบาย อาทิ กรอบความร่วมมือระดับอนุภูมิภาค ภูมิภาคและโลก การอำนวยความสะดวกในด้านการค้า การลงทุน ศุลกากร ภาษี ดิจิทัลและความร่วมมือทางทะเล 
     2.ความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐานทุกมิติ โดยมุ่งเน้นโครงสร้างพื้นฐานคุณภาพสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 
    3.การส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการรักษาสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานสะอาด 
    4.การเสริมสร้างความเข้มแข็งของความร่วมมือให้ปฏิบัติได้จริงและมีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ การบริหารจัดการน้ำ 
พอใจความสัมพันธ์ช่วง 5 ปี
    และ 5.การพัฒนาการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน ได้แก่ การศึกษา วัฒนธรรม และเยาวชน
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนยังได้มีโอกาสพบปะ และหารือทวิภาคีกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน และนายหาน เจิ้ง รองนายกรัฐมนตรีจีน โดยยืนยันที่จะรักษาพลวัตที่ดีของความสัมพันธ์ระหว่างกันในทุกระดับ เพิ่มพูนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล และการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงความร่วมมือจีน- ญี่ปุ่นในเขต EEC ผลักดันความสัมพันธ์ไทย-จีน และความร่วมมือเชิงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่รอบด้านให้เป็นรูปธรรม 
    โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงที่จะสอดคล้องกับ Thailand 4.0 และ BRI และทั้งสองฝ่ายพึงพอใจในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไทยและจีนมีความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด มีความร่วมมือหลายด้าน โดยตนยืนยันจะดูแลนักลงทุนและนักท่องเที่ยวจีนอย่างดีที่สุด พร้อมย้ำว่ารัฐบาลยึดมั่นหลักการของ 3M คือ ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ความเคารพซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน
    ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมโต๊ะกลมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (BRF Leader’s Roundtable) ภายใต้หัวข้อ “ส่งเสริมความเชื่อมโยงเพื่อแสวงหาช่องทางใหม่สำหรับการเติบโต” ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติทะเลสาบเยี่ยนซี 
    โดย พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯ แสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประชาชนชาวจีนในโอกาสครบรอบ 70 ปี แห่งการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปีนี้ พร้อมชื่นชมวิสัยทัศน์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ริเริ่มยุทธศาสตร์สายแถบและเส้นทาง (BRI) ที่มีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว มีผู้เข้าร่วมสนับสนุนจำนวนมาก 
    นายกฯ ย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญกับการขยายความเชื่อมโยง ซึ่งไทยอยู่ระหว่างเร่งรัดการดำเนินการ เพื่อยกระดับความเชื่อมโยงทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินหลัก (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) โครงการพัฒนารถไฟทางคู่เชื่อมโยงจีน-ลาว-ไทย-กัมพูชา และโครงการระบบขนส่งสินค้าแบบไร้รอยต่อไปยังท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังและท่าเรือมาบตาพุด ในการประชุมครั้งนี้มีการลงนามโครงการความเชื่อมโยงระหว่างไทย-ลาว-จีน เพื่อเชื่อมต่อระหว่างหนองคาย-เวียงจันทน์ด้วย 
    สำหรับการใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงต่างๆ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์หลักของ BRI ของประเทศที่มีส่วนร่วม นายกฯ ให้ข้อคิดเห็น ประการแรก ควรส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันและขยายตลาดให้ภาคธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดเล็ก สามารถใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงระหว่างกรอบต่างๆ ในอนุภูมิภาคและภูมิภาค พร้อมสนับสนุนจีนและวิสัยทัศน์ BRI ผลักดันความร่วมมือเชิงหุ้นส่วนแบบ Public-Private Partnership (PPP) โดยเชื่อว่าภาคเอกชนจะเป็นกลไกสำคัญในการทำให้ความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อเกิดความสมบูรณ์
หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง
    พล.ท.วีรชนกล่าวอีกว่า ประการที่สอง การอำนวยความสะดวกการค้า การลงทุน และการประกอบธุรกิจระหว่างกัน โดยสร้างความเชื่อมโยงทางสถาบันและกฎระเบียบ ประการที่สาม การจัดตั้งแหล่งเงินทุนที่ยั่งยืน จะช่วยสนับสนุนโครงการที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ประโยชน์ สำหรับความร่วมมือใน ACMECS นั้น กำลังอยู่ระหว่างการจัดตั้ง ACMECS Fund จึงขอเชิญจีนและมิตรประเทศที่สนใจ เข้าร่วมเป็นหุ้นส่วน และประการสุดท้าย ผลประโยชน์ของการเชื่อมโยงจะต้องตกอยู่กับพลเมืองมากที่สุด จึงควรเน้นการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเตรียมความพร้อมต่อการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 และเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว 
    สำหรับการประชุมสุดยอดว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ครั้งที่สอง ได้เริ่มต้นขึ้นที่กรุงปักกิ่ง โดยแนวคิด “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” เป็นข้อริเริ่มด้านความร่วมมือระหว่างประเทศที่เสนอโดยนายสี จิ้นผิง ซึ่งในงานประชุมครั้งนี้ได้มีผู้นำสูงสุดจาก 37 ประเทศ รวมไปถึงเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และผู้แทนต่างชาติกว่า 5,000 คน เข้าร่วมประชุม
    นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุม อันมีเนื้อหาเกี่ยวกับการร่วมแรงร่วมใจกัน บุกเบิก พัฒนาอนาคตของ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ว่าเมื่อสองปีก่อน เราได้จัดการประชุมสุดยอดว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศครั้งแรกที่นี่ วางแผนพิมพ์เขียวความร่วมมือที่เกี่ยวกับการติดต่อทางนโยบาย การเชื่อมโยง สิ่งอำนวยความสะดวก การคล่องตัวทางการค้า การผสมผสานของเงินทุน และการเชื่อมใจถึงกันของประชาชน 
    ข้าพเจ้าหวังว่าจะร่วมมือกับทุกท่าน ปีนสู่ที่สูงมองไปให้ไกล จับมือก้าวหน้ากันไป ร่วมกันบุกเบิกพัฒนาอนาคตดีงามของ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ข้อริเริ่มเกี่ยวกับการร่วมกันพัฒนา “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” มีวัตถุประสงค์รวมตัวกันเพื่อเชื่อมโยงและติดต่อกัน กระชับความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จับมือกันรับมือกับความท้าทายและความเสี่ยงประเภทต่างๆ ที่มนุษยชาติกำลังเผชิญหน้าอยู่ เพื่อให้บรรลุซึ่งประโยชน์แก่กันและร่วมกันได้รับชัยชนะ ร่วมพัฒนาไปด้วยกัน ภายใต้ความพยายามร่วมกันของฝ่ายต่างๆ ความเชื่อมโยงกันได้เกิดขึ้นในหลายประเทศ และหลายท่าเรือของ 6 ระเบียง 6 เส้นทาง
    นายสีกล่าวว่า โครงการความร่วมมือจำนวนมากได้เริ่มลงมือปฏิบัติ ผลประชุมประการต่างๆ ของการประชุมสุดยอดครั้งแรกได้ดำเนินการไปอย่างราบรื่นดี จีนกับกว่า 150 ประเทศ และองค์การระหว่างประเทศได้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ข้อริเริ่มเกี่ยวกับการร่วมกันพัฒนา “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ได้เชื่อมกับแผนการความร่วมมือและการพัฒนาและขององค์การระหว่างประเทศและองค์การภูมิภาคต่างๆ เช่น สหประชาชาติ อาเซียน สหภาพแอฟริกา สหภาพยุโรป และสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย เป็นต้น และได้เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศต่างๆ นับจากแผ่นดินใหญ่เอเชีย-ยุโรปไปถึงแอฟริกา อเมริกา โอเชียเนีย
สรรพสิ่งล้วนมีที่มา
          "จีนมีสำนวนโบราณว่า สรรพสิ่งล้วนมีที่มาจึงจะกำเนิดได้ ทุกเรื่องล้วนต้องอาศัยสัจธรรมจึงจะประสบความสำเร็จ การร่วมกันพัฒนา 'หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง' เป็นการคล้อยตามกระแสแห่งโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ คล้อยตามข้อเรียกร้องแห่งยุคสมัยในการปฏิรูประบบบริหารจัดการทั่วโลก คล้อยตามข้อเรียกร้องอย่างแรงกล้าของประชาชนประเทศต่างๆ ที่อยากดำรงชีวิตที่ดียิ่งขึ้น"
          นายสีกล่าวว่า จุดสำคัญของการร่วมสร้างหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางคือ การเชื่อมโยงกัน เราควรสร้างความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนที่มีการเชื่อมโยงถึงกันทั่วโลก บรรลุการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองด้วยกัน ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า ขอแต่ให้พวกเราทุกคนสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ใช้ความพยายามร่วมกัน คอยอำนวยความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถึงแม้ห่างกันไกลหมื่นลี้ ก็สามารถเดินหน้าไปพร้อมกันบนหนทางแห่งการได้รับผลประโยชน์ร่วมกันได้
         เขากล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานเป็นรากฐานแห่งการเชื่อมโยงกัน และหากขาดโครงสร้างพื้นฐาน ก็จะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาที่หลายประเทศเผชิญอยู่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพสูง ใช้ได้ยั่งยืน โดยต้องต้านทานความเสี่ยงได้ มีราคาสมเหตุสมผล มีความกลมกลืน และเข้าถึงได้ อำนวยให้ทุกประเทศใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่ตนมี ปรับตัวให้เข้ากับห่วงโซ่อุปทาน ห่วงโซ่การผลิต ห่วงโซ่มูลค่า และบรรลุการพัฒนาแบบประสานกัน จีนจะใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่องกับทุกฝ่าย นำร่องด้วยการสร้างระเบียงเศรษฐกิจต่างๆ เช่น ช่องทางทางบกข้ามทวีปเอเชีย-ยุโรป อาศัยขบวนรถไฟขนส่งสินค้าเส้นทางระหว่างจีน-ยุโรป ด้วยช่องทางคมนาคมขนาดใหญ่
          จีนจะปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการเกี่ยวกับการร่วมสร้างนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” จะร่วมกับทุกฝ่ายขับเคลื่อนสี่โครงการ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และบุคลากร ร่วมสร้างห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผสม ดำเนินความร่วมมือในการดำเนินศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการโอนเทคโนโลยี เราจะปฏิบัติตามโครงการแลกเปลี่ยนบุคลากร ช่วงห้าปีข้างหน้า จะสนับสนุนให้บุคลากรด้านนวัตกรรมทั้งจีนและต่างชาติรวม 5,000คน ดำเนินการแลกเปลี่ยน การฝึกอบรม และความร่วมมือด้านการวิจัย 
ครบ70ปีสาธารณรัฐประชาชนจีน
    ประธานาธิบดีจีนกล่าวว่า ปีนี้เป็นปีครบรอบ 70 ปีแห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อ 70 ปีก่อน ประชาชนจีนหลายชั่วอายุคนพยายามแสวงหา และได้ก่อตั้งจีนใหม่ ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในที่สุด จากนั้นมา ประชาชนจีนได้ยืนขึ้นแล้ว และนับแต่นั้นชะตากรรมของประชาชนก็อยู่ในมือของตนเอง ด้วยการต่อสู้อย่างทรหดอดทนเป็นเวลา 70 ปี ประชาชนจีนยืนหยัดตามสภาพที่เป็นจริงของประเทศตน แสวงหาทิศทางก้าวหน้าท่ามกลางภาคการปฏิบัติ บุกเบิกหนทางสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์ของจีน 
    "จีนในทุกวันนี้ ได้ยืนอยู่บนจุดเริ่มต้นใหม่ทางประวัติศาสตร์ เรารู้ซึ้งว่า ถึงแม้มีผลงานรุ่งโรจน์ แต่ยังมีภูเขาหลายต่อหลายลูกที่ต้องก้าวข้ามในทางข้างหน้า และยังมีชายหาดอันตรายหลายต่อหลายแห่งที่ต้องลุย เราจะย่างก้าวใหญ่บนหนทางสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์ของจีนต่อไป ยืนหยัดลงลึกการปฏิรูปทุกด้าน ยืนหยัดการพัฒนาด้วยคุณภาพสูง ยืนหยัดเปิดเสรีมากขึ้น ยืนหยัดเดินทางพัฒนาที่สันติ เดินหน้าสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมวลมนุษยชาติ"
    นายสีกล่าว จีนเลือกขยายการเปิดสู่ภายนอกอย่างเป็นอิสระ โดยเป็นไปตามความต้องการแห่งการปฏิรูปและการพัฒนาของจีน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมีคุณภาพสูง เป็นประโยชน์ต่อการสนองความต้องการของประชาชนที่อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาของโลก ขณะเดียวกัน เราก็หวังว่าประเทศต่างๆ จะสร้างสภาวะแวดล้อมการลงทุนที่ดีให้แก่ผู้ประกอบการจีน จะปฏิบัติต่อภาคธุรกิจ ภาคการศึกษาของจีนอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน จะสร้างสภาวะแวดล้อมที่เที่ยงธรรมและเป็นมิตรให้แก่พวกเขา ในการดำเนินการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างประเทศ 
    "เราเชื่อมั่นว่า จีนที่เปิดสู่ภายนอกมากขึ้น จะร่วมมือกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้น และจะทำให้จีนและประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีความก้าวหน้าและความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น ขอให้เราร่วมมือกัน ร่วมกันหว่านเมล็ดพันธุ์ ร่วมกันรับความสำเร็จแห่งการพัฒนา เพื่อให้ประชาชนประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีความสุขมากขึ้น และโลกมีความดีงามมากขึ้น” ผู้นำจีนกล่าว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 18.20 น. วันที่ 27 เม.ย. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางกลับจากร่วมเวทีการประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายกฯ กล่าวเพียงสั้นๆถึงผลการประชุมว่า "เรียบร้อยดี ตามที่สื่อได้นำเสนอไปแล้ว" ก่อนเดินทางกลับ โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"