11 พ.ค. 2562 นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การที่ทางการสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 25% ถือเป็นมาตรการที่รุนแรงกว่าที่คาดไว้ ซึ่งขณะนี้ สศค. ได้เร่งติดตามและประเมินผลกระทบจากเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะด้านการส่งออก การนำเข้า รวมถึงผลกระทบทางอ้อมต่อการท่องเที่ยว และการลงทุน เพราะมาตรการนี้เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งส่งผลเสียต่อภาพรวมของเศรษฐกิจและการค้าโลกให้แย่ลง

ส่วนของไทยจะได้รับผลกระทบแค่ไหนยังคงต้องติดตามอีกสักระยะ เพื่อดูปัจจัยอื่นที่จะตามมา เพราะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นมาตรการตอบโต้จากทางการจีน หรือถ้าทั้ง 2ประเทศสามารถกลับมาเจรจาและชะลอการขึ้นภาษีไปก่อน ผลกระทบต่อไทยก็ไม่น่าจะรุนแรงมาก ดังนั้นระหว่างนี้ สศค.ยังคงประมาณการณ์เศรษฐกิจไว้เท่าเดิม 3.8% และการส่งออกอยู่ที่ 3.4%

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังยอมรับว่า ยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจภายนอกเข้ามากระทบกับเศรษฐกิจไทยเพิ่ม โดยเฉพาะจากเศรษฐกิจโลก ที่ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ กับจีน กลับมามีปัญหาอีกครั้ง หากมีการตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้า ย่อมส่งผลกระทบกับการส่งออกของไทยเพิ่มมากขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม แต่ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินว่าความเสี่ยงต่างๆ จะทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวมากขึ้น ต้องขอดูเศรษฐกิจจนถึงสิ้นไตรมาส 2 เสียก่อนว่าแนวโน้มเป็นอย่างไร หากขยายตัวชะลอลง คลังก็มีมาตรการเตรียมไว้พร้อมที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ดีขึ้น หากรัฐบาลจะเก่าหรือใหม่ต้องการใช้ สศค. ก็พร้อมเสนอให้พิจารณา โดย โดย สศค. คาดว่าเศรษฐกิจครึ่งปีแรกจะขยายตัวได้ 3% และครึ่งปีหลังขยายตัวได้ 4.5% ทำให้ทั้งปีขยายตัวได้ไม่น้อยกว่า 3.8% ที่คลังประมาณการไว้ล่าสุด" นายลวรณ กล่าว