'กรมสมเด็จพระเทพฯ'ทรงย้ำอนุรักษ์ป่าน่านเป็นวาระสำคัญ


เพิ่มเพื่อน    

13 พ.ค.62 - เมื่อเวลา 08.20 น.สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ในการสัมมนาวิชาการรักษ์ป่าน่าน ครั้งที่4 ที่ศูนย์การเรียนรู้และบริหารวิชาการเครือข่ายแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต.ผาสิงห์ อ.เมือง จ.น่าน การนี้ทอดพระเนตรนิทรรศการโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีนายบัณฑูร ล่ำซำประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทยจำกัด(มหาชน), ดร.วิจารณ์ สิมาฉาย ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยข้าราชการประชาชนเฝ้าฯรับเสด็จ และผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนากว่า400 คน 

โอกาสนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำรัสเปิดการประชุมสัมมนา"รักษ์ป่าน่าน"  ครั้งที่4 ความว่าข้าพเจ้ายินดีที่การสัมมนารักษ์ป่าน่านมีขึ้นเป็นครั้งที่4 ท่านทั้งหลายมีส่วนช่วยงานอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าน่านจะได้มาช่วยกันดูว่าการดำเนินงานตั้งแต่เริ่มต้นจนขณะนี้ปรากฏเป็นอย่างไรทราบกันดีว่าการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าที่ถูกทำลายไปมากแล้วเป็นงานยากและมีรายละเอียดมากมายกว่าจะเห็นผลต้องใช้ระยะเวลานานระหว่างทำงานก็ต้องพบกับอุปสรรคใหญ่น้อยที่ทำให้งานขาดความราบรื่น แต่ถ้าเราไม่ลงมือทำตั้งแต่บัดนี้ในวันข้างหน้าความยากลำบากต้องเกิดแก่อนุชนรุ่นหลัง ซึ่งเป็นเชื้อสายของลูกเราการอนุรักษ์ป่าน่านจึงเป็นวาระสำคัญที่ต้องเร่งลงมือทำ ทั้งต้องพยายามสร้างจิตสำนึกรู้คุณของทรัพยากรให้เกิดขึ้นและเผยแพร่ออกไปให้ทั่วถึงชุมชนการสัมนารักษ์ป่าน่านเป็นการระดมกำลังระดมสมองระดมความคิดของหลายๆ ฝ่ายผู้ทำงานจะได้หารือกันว่าควรทำสิ่งใดเพิ่มอีกบ้างการบริหารจัดการที่ผ่านมาควรปรับปรุงอย่างไรหรือไม่ ตลอดจนการโน้มน้าวให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้นควรมาพิจารณาร่วมกันว่าจะหาทางแก้ไขช่วยอย่างไรเช่นจะช่วยสร้างอาชีพหรือส่งเสริมอาชีพอย่างไรได้บ้างเป็นต้น 

และทรงบรรยายเรื่อง"สร้างป่าสร้างรายได้" ใจความตอนหนึ่งว่า  “พูดเรื่องสร้างป่าสร้างรายได้มาหลายครั้งแล้ว งานทำต่อเนื่อง เพราะมีรายละเอียดเพิ่มเติมสมัยก่อนไม่เฉพาะพื้นที่น่าน    เคยตามเสด็จฯในหลวง รัชกาลที่9 ไปยังตามท้องที่ต่างๆจะเห็นว่าป่าสมบูรณ์กว่าเวลานี้ที่เป็นภูเขาหัวโล้น  เพราะสมัยก่อนประชากรยังไม่มากการตัดต้นไม้ยากลำบากต้องใช้มือตัดสมัยนี้มีเครื่องมือหรือเผาป่าให้รู้แล้วรู้รอดแถบภูเขามีการเพาะปลูก ที่เรียกว่า ทำไร่เลื่อนลอย เพาะปลูกได้ตามกำลังแรง เคลื่อนไปตามพท้นที่ แล้วจะหมุนเวียนกลับมาที่เดิม ดินก็ค่อยๆฟื้นตัวกลับมาอุดมสมบูรณ์ได้ แต่สมัยนี้วงรอบไม่ทันแล้วเผาทั้งหมด


 
พูดถึงการปลูกพืชเชิงเดี่ยว มีหลายสำนักสอนว่าให้ปลูกอย่างเดียวกันมากๆจะได้เป็นกอบเป็นกำ  ที่เยอรมันพาไปดูการปลูกพืชเชิงเดี่ยวเขาแนะนำว่าเป็นตัวอย่างที่ทำแล้วไม่ควรทำเป็นบทเรียนหากปลูกพืชชนิดเดียวถ้ามีศัตรูพืชลงจะกินหมดไร่เลยปุ๋ยที่ใช้พืชจะเลือกกินเช่นกันทำให้ดินจืดทั้งยังไม่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ  ราคาขึ้นลงถ้าปลูกอย่างเดียวปีนั้นแย่ก็ไม่มีอะไรมาประกันความเสี่ยง 

อีกประเด็นหนึ่งเป็นเรื่องการดูแลทรัพยากรทุกคนคงเคยได้ยินว่า"สุขภาพหนึ่งเดียว" แต่คำว่าหนึ่งเดียวไม่ใช่เฉพาะสุขภาพของคนแต่เป็นสุขภาพของสัตว์พืช  และสิ่งแวดล้อมไม่ใช่คนไทยสุขภาพดีคนพม่าสุขภาพไม่ดีก็ได้เพราะไม่เกี่ยวกับเราต้องทำงานไปด้วยกัน 

“ แม้แต่เรื่องตัดป่าเคยเดินทางไปพื้นที่หนึ่งเห็นไม้ซุงกองข้างทางเป็นภูเขาเลากาไปสืบดูถามเขาว่า  ให้ตัดไม้ขนาดนี้เลยหรือเขาบอกไม่เป็นไรเพราะไม้เหล่านี้ไม่ได้ตัดที่ประเทศไทยเข้าไปตัดที่พม่าบางคนบอกว่าเข้าไปตัดที่ลาวขัดกับหลักการสุขภาพหนึ่งเดียวไม่ใช่ทำลายประเทศไทยไม่ได้แต่ต้องทำลายไม่ได้ทั้งโลกไม่ใช่ทำลายที่น่านไม่ได้แต่ไปทำลายที่อื่นได้” 

ในส่วนจังหวัดน่านการสร้างป่าใช้ทฤษฎีของในหลวงรัชกาลที่9  ปลูกป่า3 อย่างประโยชน์4 อย่างให้มีป่าไม้ใช้สอยป่าเศรษฐกิจป่ากินได้ป่ายืนต้นป่าไม้จะช่วยรักษาพืชพรรณธัญญาหารรักษาธรรมชาติป่าเป็นตัวนำแต่จริงๆแล้วรวมทั้งดินน้ำป่าให้เหมือนโครงการป่ารักน้ำของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวงเราสอนเด็กชั้นประถมและมัธยมให้ทำกิจกรรมหลายอย่าง เยาวชนเหล่านี้จะมีจิตสำนึกมากกว่าคนรุ่นเราจะมาดูแลป่าของเขาได้ข้าพเจ้าจึงแนะนำสำนักงานเขตการศึกษาพื้นที่ให้ทำกิจกรรมกับเด็กอนุบาลด้วย  ปัจจุบันมีโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยใช้ขบวนการทางวิทยาศาสตร์ข้อมูลและต้นทุนในท้องถิ่นมาสอนแก่เด็กเล็กเพื่อให้เห็นว่าป่าและธรรมชาติเป็นเรื่องมีประโยชน์หล่อเลี้ยงชีวิตให้เห็นด้านความสวยงามดีกว่า  ไม่ใช่เห็นภาพป่าเขาหัวโล้นกวางถูกยิงตายสร้างความช็อคและเศร้า

การสร้างป่าสร้างรายได้เราปลูกให้โครงสร้างใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุดประกอบด้วยชั้นเรือนยอดต่างๆได้แก่เรือนยอดชั้นบนเรือนยอดชั้นรองเรือนยอดชั้นไม้พุ่มและเรือนยอดชั้นผิวดิน  มีความหลากหลายและความสมบูรณ์ของพันธุ์ไม้ 

พื้นที่ดำเนินการสร้างป่าสร้างรายได้เริ่มที่อ.บ่อเกลือ  จ.น่านและอ.นาแห้วจ.เลย  จากนั้นมีการขยายไปยังอำเภอต่างๆในจ.แม่ฮ่องสอน, ตากและเชียงใหม่จากสถิติเบื้องต้นปี2561 มีชาวบ้านเข้าร่วมร่วมโครงการทั้งหมด19,890 ครัวเรือนมีพื้นที่71,786 ไร่เป็นพืนที่ที่กำลังฟื้นฟูและอนุรักษ์ฟังดูเหมือนน้อย แต่ไม่ชอบทำอะไระเยอะ  ทำทีละน้อยในการทำงานร่วมกับกรมป่าไม้และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธาศัย(กศน.) เป็นแกนผลักดันโครงการรวมถึงกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทยมาช่วยอย่างเต็มตัว 

ขั้นตอนการดำเนินงานมีการสร้างความเข้าใจร่วมกัน  ประชุมร่วมกับชุมชนครูกศน.  เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้และชาวบ้านคุยว่าชาวบ้านในพื้นที่จะได้รับประโยชน์อะไรจากโครงการเพราะชาวบ้านกลัวว่าทำแล้วที่ทำกินจะโดนยึดไป  ทำอย่างไรนถึงจะทำมาหากินได้โดยไม่ถูกจับและทำให้มีรายได้รองรับ  ต้องทำให้ชาวบ้านมั่นใจ 

และที่ต้องขีดเส้นใต้คือ รับสมัครชาวบ้านที่สมัครใจที่จะนำพื้นที่ของตนมาร่วมไม่มีการบังคับและจำกัดขนาดพื้นที่รวมถึงจดทะเบียนกลุ่มสร้างป่าสร้างรายได้เป็นวิสาหกิจชุมชน หากมีปัญหาให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันเพราะกลุ่มมีไว้ช่วยกัน 

นอกจากนั้นพยายามลดละเลิกการใช้สร้างเคมี  และยังมีการสำรวจพื้นที่ว่างเปล่าโดยกรมป่าไม้ร่วมสำรวจตั้งแต่ลักษณะเดินความสูงเหนือระดับทะเลความลาดชันของพื้นที่เพื่อนำมาวางแผนปลูกพืชพรรณที่เหมาะสมโดยจะให้เลียนแบบป่าโครงสร้างให้มากที่สุดมีหน่วยราชการสนับสนุนกล้าไม้ให้ชาวบ้านได้ปลูก  ที่น่านพบปัญหาพันธุ์ไม้เสียหายจากการขนส่งจึงสนับสนุนให้ชาวบ้านทำโรงเพาะกล้าไม้ของตนเองรวมถึงแนะนำให้กรมป่าไม้ทำความร่วมมือกับต่างประเทศที่มีพันธุ์กล้าไม้ 

สำหรับการปลูกดูแลรักษาปีที่1  ไม้เบิกนำคือกล้วยถั่วมะแฮะเรือนยอดชั้นบนมีก่อและยางเรือนยอดชั้นผิวดิน  ขมิ้นชันไพลขิงมัน  ผลผลิตมีถั่วมะแฮะและพืชผักสวนครัวสร้างรายได้การปลูกและดูแลรักษาปีที่2 ,3 และ4 เรือนยอดชั้นรองมีมะขามป้อม,ต๋าว,มะแขว่น,ไผ่เรือนยอดชั้นพุ่ม  มีกาแฟ, เมี่ยง,หวาย  ปี3 และปี4 เป็นการปลูกเสริมมีผลผลิตสร้างรายได้  เช่นถั่วมะแฮะ,กล้วย,ข่า, ขมิ้นชัน, ไพล, มัน 

การปลูกดูแลรักษาปีที่5-9 เป็นการบำรุงรักษาและปลูกเสริมผลผลิตทีได้มีกาแฟ เมี่ยงหวายต๋าว  ป่าต้องบำรุงดูแลรักษาไม่ใช่ปล่อยพระเจ้าเลี้ยงอย่างเดียวเราต้องช่วยพระเจ้าด้วยซึ่งการจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนเพื่อให้เกษตรกรเก็บหาผลผลิตในป่าได้โดยกรมป่าไม้ขึ้นทะเบียนกลุ่มทะเบียนวิสาหกิจชุมชนเพื่อรองรับตามกฏหมายผลผลิตนำมาจำหน่ายได้

ความก้าวหน้าของการดำเนินงานที่อำเภอบ่อเกลือมีเพิ่มมากขึ้นจากปีแรกมีสมาชิก30 คนปัจจุบันเพิ่มเป็น4,112 คนพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นรวมตั้งแต่เริ่มต้นถึงปี2561 มีพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมจากข้อมูลสำรวจชาวบ้านมีรายได้มาจากการเพาะชำกล้าไม้ร้อยละ71.04 ทำให้คนมีกำลังใจในการพัฒนาพื้นที่ปัจจุบันมีแปลงเกษตรกรตัวอย่างจากบ่อเกลือชาวบ้านเล่าว่าไม่ต้องไปทำไร่เลื่อนลอยบางครอบครัวชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นได้ประโยชน์ได้อยู่ร่วมกับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตามีรายได้จากการทำเกษตรแบบผสมผสาน 

ปีนี้จะเร่งเรื่องส่งเสริมการเลี้ยงไข่ไก่ในค่ายทหารต่างๆที่จ.น่านประกอบด้วยมณฑลทหารบกที่38, ทหารพราน, ค่ายสุริยพงษ์และโรงพยาบาลค่ายสุริยพงษ์เนื่องจากจังหวัดน่านมีการนำเข้าไข่ไก่เป็นล้านๆฟองโดยที่เราผลิตไม่พอจะร่วมส่งเสริมการผลิตพืชสัตว์โดยเฉพาะไก่ไข่เพื่อทดแทนการนำเข้ารวมถึงเพื่อกาารบริโภคเพราะมีคุณค่าทางโภชนาการแต่เราทำในระดับเกษตรกรไม่ใช่อุตสาหกรรมเหตุที่เลือกค่ายทหารเพราะมีพื้นที่กว้างขวางมีทหารทำหน้าที่เรียนรู้ก่อนจะนำองค์ความรู้ต่างๆไปแนะนำแก่ประชาชนเมื่อเวลาออกพื้นที่นอกจากนี้ยังมีทหารที่มาฝึกฝนมีความรู้และได้ปฏิบัติงานเรื่องการผลิตไก่ไข่เมื่อพ้นเกณฑ์กลับไปบ้านก็เป็นปราชญ์ชาวบ้านทำในครัวเรือนตัวเองและแนะนำเพื่อนบ้านได้อีกด้วยก็คิดว่าโครงการจะไปได้

สำหรับโครงการ“รักษ์ป่าน่าน” มีสำนักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีเป็นผู้อำนวยการโครงการร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกองทัพบกมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและจังหวัดน่านโดยมีธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้สนับสนุนและประสานงานโครงการมีวัตถุประสงค์ในอันที่จะแสวงหาความร่วมมือในการฟื้นฟูป่าต้นน้ำน่าน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"