คุก กัญชา ยาเสพติด 'ยะใส' โพสต์หลังร่วมเครือข่ายเดินเพื่อผู้ป่วย


เพิ่มเพื่อน    

1 มิ.ย.62 - นายสุริยะใส กตะศิลา โพสต์เรื่อง "คุก กัญชา ยาเสพติด" ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ โดยมีเนื้อหาดังนี้

วันนี้ผมและคณาจารย์รวมทั้งนักศึกษาจากวิทยาลัยนวัตกรรมสังคมมหาวิทยาลัยรังสิตมาร่วมเดินให้กำลังใจเครือข่ายเดินเพื่อผู้ป่วย กัญชารักษาโรค (Cannabis walk Thailand) ที่นำโดยคุณเดชา ศิริภัทร ซึ่งวันนึ้เดินมาถึงจังหวัดสิงห์บุรีและปลายทางอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี

ต้องยอมรับว่ากระแสเรียกร้องของสังคมให้ปลดล็อคกัญชาเพื่อการแพทย์สำหรับประชาชนและเพื่อการวิจัยในมิติต่างๆ ถูกจุดประเด็นจากทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยรังสิต และโดยเฉพาะ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีที่ทุ่มเท มุ่งมั่นบูรณาการทุกองคาพยพในมหาวิทยาลัยตลอดทั้งการประสานเครือข่ายต่างๆ นอกรั้วมหาวิทยาลัยขับเคลื่อนเรื่องนี่อย่างมีพลังและมีความหวัง

จนกลายมาเป็นกระแสที่ร้อนแรงและเข้มข้นมาก จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่มีการแบ่งขั้วแบ่งข้าง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ทางการเมืองต้องยอมรับว่ากระแสเรียกร้องปลดล็อกกัญชาเพื่อการแพทย์เป็นกระแสที่ไม่ใช่กระแสฉาบฉวยหรือวูบวาบ หากแต่ทุกกลุ่มทุกฝ่ายเห็นด้วยมากที่สุดเป็นเอกภาพที่สุดและดูจะเป็นรูปธรรมที่สุด

กระทั่งกลายเป็นนโยบายของหลายพรรคการเมือง บางพรรคถึงขนาดชูเป็นนโยบายนำ ซึ่งมีให้เห็นไม่บ่อยนักที่นโยบายพรรคการเมือง จะไปในแนวทางเดียวกับความปรารถนาของประชาชน

ในวันนี้การผลักดันให้ปลดล็อคกัญชาเพื่อการแพทย์สำหรับประชาชน แม้จะยังไม่บรรลุเป้าหมายทั้งหมดแต่ก็ถือว่ามาได้ไกลมากทั้งความตื่นตัว ในหมู่ประชาชน องค์ความรู้และงานวิจัย จากภาควิชาการและกรณีตัวอย่างของความสำเร็จจากหลายประเทศ

ได้ตอกย้ำว่าถึงเวลาที่รัฐบาลไทยจะต้องกล้าหาญที่จะทำเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนและมนุษยชาติ

นอกจากนี้ในระหว่างร่วมเดินกับพีน้อง ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าเรามาถึงวันนี้วันที่เราเรียกร้องให้กัญชาเป็นยารักษาโรคได้อย่างไร จากเดิมที่เราถูกบอกและเชื่อต่อๆ กันมาว่ากัญชาเป็นยาเสพติด เป็นของต้องห้าม เป็นวัตถุอันตราย ทำให้เราเสียโอกาสที่จะได้เข้าถึงและใช้ประโยชน์จากพืชชนิดนี้มากว่า 40 ปี เพราะกัญชาอยู่ในบัญชียาเสพติด ตาม พรบ.ยาเสพติด

ระหว่างเดินผมยังมีโอกาสได้พูดคุยกับคุณพรชัย ชูเลิศ หรือ “ซ้ง” เจ้าหน้าที่มูลนิธิข้าวขวัญ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดสุพรรณบุรี 4 วัน ก่อนจะได้ประกันตัวออกมาด้วยข้อหาครอบครองกัญชา

เราสองคนเดินไปคุยไปทั้งเรื่องกัญชาและยาเสพติดทั่วไป กระทั่งนักโทษในเรือนจำที่ต้องคดีเพราะมีกัญชาครอบครอง ซึ่งก็มีจำนวนไม่น้อย บางคนบางคดีมีครอบครองไม่กี่ต้นก็ต้องไปนอนเรือนจำ บางคนสกัดมาเป็นยาเพื่อรักษาตัวเอง ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน ก็กลายเป็นผู้ต้องหา พูดง่ายๆ ประชาชนต้องตกเป็นเหยื่อของกฎหมายที่ล้าหลัง ซึ่งเปรียบเสมือนคุกที่ล้อมครอบสังคมไว้อีกชั้นหนึ่ง

จริงๆ ผมก็อยากรู้ตัวเลขเหมือนกันว่าตลอด 40 ปี บรรดานักโทษที่พัวพันกับกัญชามีจำนวนเท่าไรจากนักโทษยาเสพติดทั้งหมด

เรายังได้แลกเปลี่ยนกันถึงสารทุกข์สุกดิบในเรือนจำทำให้เห็นความแตกต่าง และความเหมือนกันระหว่างคุกในกรุงเทพกับคุกต่างจังหวัด

ดูเหมือนในกรุงเทพจะเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้านมากกว่าในภาพรวม แต่ที่เหมือนกันคือนักโทษล้นคุกจนน่าเป็นห่วง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"