“สหพันธ์ขนส่งทางบก” นัดรวมพลใหญ่ 2 มิ.ย.นี้ ถกร่วม 10 สมาคม สรุปนโยบาย-ปัญหาผู้ประกอบการขนส่ง เสนอรัฐบาลใหม่ หวังเดินหน้าแก้ปัญหา พร้อมสู้ศึกต่างชาติ เชื่อรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ช่วยหนุนผู้ประกอบการได้ 

1 มิ.ย.62-นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 2 มิ.ย.นี้ สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เตรียมจัดงานประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2561 ณ ซีดีซี คริสตัล แกรนด์ บอลรูม โดยจะมีการประชุมร่วมกับสมาชิกของสหพันธ์ฯ จำนวน 10 สมาคม เพื่อหารือและนำปัญหาต่างๆ ของสมาชิกหรือผู้ประกอบการขนส่งทั่วประเทศ มาสร้างความเข้าใจ พร้อมทั้งกำหนดนโยบาย และจุดยืนของสหพันธ์ฯ ต่อไปในอนาคต รวมถึงนำเสนอให้กับรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศในเร็ววันนี้ด้วย

ทั้งนี้ เมื่อถามถึงความคาดหวังของสหพันธ์ฯ กับรัฐบาลใหม่นั้น นายอภิชาติ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมานั้น ในหลายๆ เรื่องไม่สามารถจับต้องได้ และยังขาดการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยเชื่อว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ จะเข้ามาช่วยเหลือและแก้ปัญหาต่างๆ ของผู้ประกอบการขนส่ง เช่น เรื่องของ GPS ที่จะต้องหารือกับกรมการขนส่งทางบกอย่างบูรณาการ ในการเรียกผู้ประกอบการ GPS มารับผิดชอบหากเกิดปัญหา การตั้งด่านตรวจควันดำ การบรรทุกน้ำหนักเกิน การติดสติ๊กเกอร์รอบคันของรถบรรทุก เป็นต้น

นอกจากนี้ เพื่อเป็นยกระดับการขนส่งของไทย ให้สามารถแข่งขันกับบริษัทขนส่งต่างชาติได้ ที่ในขณะนี้บริษัทต่างชาติเข้ามาดำเนินการกว่า 60-70% แล้วนั้น ยังขาดการสนับสนุนจากรัฐบาลด้วย ทั้งในด้านของข้อมูลข่าวสาร และเทคโนโลยีต่างๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ จะมีการหารือร่วมกับสมาชิกของสหพันธ์ฯ เพื่อขอสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย

“ในบทบาทของสหพันธ์ฯ ถ้าสามารถขจัดปัญหาต่างๆ ได้ และทำให้ผู้ประกอบการแฮปปี้ การขนส่งของไทยก็จะดีและเติบโต ในฐานะที่ผมเป็นประธานสหพันธ์ และมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว ผมจะเข้ามาสังคายนาวงการขนส่งของไทยให้เจริญรุ่งเรืองและเกิดประโยชน์กับทุกภาคส่วน เราเป็นคนไทย อยู่ในสหพันธ์ฯ เดียวกัน ต้องช่วยกัน” นายอภิชาติ กล่าว

นายอภิชาติ กล่าวถึงทิศทางการขนส่งในอนาคตนั้น การขนส่งในอนาคตจะมีการแข่งขันที่สูงมาก สืบเนื่องจากพฤติกรรมการสั่งซื้อสินค้าเปลี่ยนไปจากเดิม ส่งผลให้ภาคการขนส่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ประกอบการขนส่งของไทย จะต้องมีการปรับตัว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยเฉพาะเรื่องของเวลา ที่จะต้องส่งสินค้าไปยังผู้รับภายใน 24-30 ชั่วโมง