9 มิ.ย. 2562 รายงารข่าวจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุว่า ตัวเลขเศรษฐกิจด้านภาคการเกษตรในเดือนเม.ย. 2562 มีสัญญาณน่าเป็นห่วง หลังพบว่าดัชนีการผลิตภาคเกษตรปรับตัวติดลบทุกตัวครั้งแรกในรอบปี ทั้งดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร หดตัว -1.1% ต่อปี ดัชนีราคาสินค้าเกษตรหดตัว -0.7% ต่อปี การจ้างงานภาคการเกษตรติดลบ 5.1% ต่อปี ส่งผลให้รายได้เกษตรกรที่แท้จริงติดลบ 3% ต่อปี ซึ่งเกรงว่าจะกระทบต่อกำลังการจับจ่ายใช้สอยของเศรษฐกิจฐานรากให้แย่ลงอีก จึงเป็นปัญหาใหญ่ที่รอให้รัฐบาลชุดใหม่มาแก้ไขอยู่
ทั้งนี้ในรายละเอียดของดัชนีภาคการผลิตพบว่า ผลผลิตหมวดพืชผลสำคัญที่หดตัว มาจากผลผลิตหมวดประมงหดตัว -2.7% ต่อปี ยกเว้นผลผลิตในหมวดปศุสัตว์ขยายตัว 1.6% ต่อปี โดยสินค้าสำคัญที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือก และกุ้งขาวแวนนาไม ส่วนผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ ามัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ไก่ สุกร และไข่ไก่ ส่วนดัชนีราคาสินค้าเกษตรหดตัว ดัชนีราคาสินค้าในหมวด พืชผลสำคัญหดตัว -4.2% ต่อปี ขณะที่ดัชนีราคาในหมวดปศุสัตว์เพิ่ม 12.8% และหมวดประมงขยายตัว 0.6% ต่อปี โดยสินค้าที่ราคาลดลง ได้แก่ มันสำปะหลัง ข้าวโพด ปาล์มน้ามัน และไข่ไก่ ขณะที่ ข้าวเปลือก ยางพารา ผลไม้ สุกร ไก่ และกุ้งขาวแวนนาไม ราคาเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ สศค.ยอมรับว่ามีความเป็นห่วงสถานการณ์เศรษฐกิจภาคการเกษตรอยู่ เพราะตอนนี้ตัวเลขทั้งผลผลิตและราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญหลายชนิด โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดยังปรับตัวลดลง เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพด ปาล์มน้ามัน และแนวโน้มราคาก็ยังไม่น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากภาคการส่งออกและความต้องการสินค้าจากต่างประเทศยังหดตัว จากปัญหาสงครามการค้า และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สศค.ยังไม่ได้มีการพิจารณามาตรการกระตุ้นภาคการเกษตรเพื่อรอเสนอรัฐบาลใหม่แต่อย่างใด เนื่องจากต้องรอดูนโยบายของรมว.การคลัง คนใหม่ว่าจะมอบให้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการเกษตรหรือไม่
สำหรับภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนเม.ย. 2562 ในด้านการผลิตภาคเกษตรยังหดตัวอยู่ แต่ภาคการท่องเที่ยวและภาคอุตสาหกรรมยังขยายตัวได้ ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจทั้งเดือนยังขยายตัวได้ดี ตามการใช้จ่ายภายในประเทศผ่านการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มการนำเข้าสินค้าเพื่ออุปโภคบริโภค และยอดจำหน่ายรถยนต์นั่ง ซึ่งขยายตัวสูง 16.9% ต่อปี ประกอบกับการกลับมาขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่นำโดยนักท่องเที่ยวจากประเทศอินเดีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย
นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. ได้คาดการณ์สถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนมิ.ย.62 ว่าสินค้าเกษตรลดลงหลายชนิด อาทิ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% จะลดลงเหลือ 7,753-7,813 บาทต่อตัน ยางพาราแผ่นดิบจะลดลงเหลือ 45.27 - 46.48 บาทต่อกก. เนื่องจากตั้งแต่ปลายเดือนพ.ค.เกษตรกรจะเริ่มกรีดยาง ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตยางพาราจะทยอยออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาจะลดลง 1% เหลือราคา 7.21-7.28 บาทต่อกก. เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตสะสมค่อนข้างมาก ตั้งแต่กลางเดือนเม.ย.จนถึงปลายเดือนพ.ค. และภาคเอกชนก็นำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์อื่น ๆ มาใช้ทดแทน
ด้านปาล์มน้ำมัน ราคาจะลดลงมาก 2.85-11% เหลือ 1.75-1.60 บาทต่อกก. เนื่องจากผลผลิตปาล์มน้ำมันยังคงออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สต็อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศมีปริมาณสูงเกินกว่าความต้องการใช้ อีกทั้งไทยยังไม่สามารถระบายสต๊อกด้วยการส่งออกได้ มันสำปะหลัง ราคาจะลดลง 1.59 - 9.57%อยู่ที่ 1.85 - 1.70 บาทต่อกก. เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งต่อเนื่องในพื้นที่เพาะปลูกสำคัญ ทำให้เกษตรกรต้องเร่งเก็บเกี่ยวเพื่อลดขาดทุน ส่งผลให้ผลผลิตที่ออกสู่ตลาดไม่ได้คุณภาพ และจีนก็ลดนำเข้ามันเส้นจากไทย ส่วนกุ้งขาวแวนนาไม ราคาลดลงเล็กน้อย เหลือ 137-138 บาทต่อกก. เนื่องจากกำลังซื้อทั่วโลกลดลง และมีกุ้งขาวจากอินเดียและเวียดนามออกสู่ตลาดมาก
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |