มายาคติ จันทร์เสี้ยวชีอะห์


เพิ่มเพื่อน    

        ความขัดแย้งของภูมิภาคตะวันออกกลางในขณะนี้ นอกจากมองภาพเฉพาะจุด ควรมองภาพทั้งภูมิภาค เมื่อไม่นานนี้นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) กล่าวว่า “อิหร่านหวังที่จะสร้างอาณาจักรที่เป็นผืนแผ่นเดียวกัน เชื่อมโยงเตหะรานถึงทาร์ทู (Tartus-เมืองชายฝั่งด้านตะวันตกของซีเรีย) จากทะเลสาบแคสเปียนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (คือจากริมฝั่งตะออกของอิหร่านจรดชายฝั่งตะวันตกของซีเรีย) ถ้อยคำนี้หมายถึงจันทร์เสี้ยวชีอะห์

ดินแดนที่เรียกว่า “จันทร์เสี้ยวชีอะห์” :

        ดินแดนที่เรียกว่า “จันทร์เสี้ยวชีอะห์” (Shiite Crescent/ Shia Crescent) มีผู้ตีความหลากหลาย ไม่มีข้อสรุปชัดเจน นักวิชาการบางคนยึดหลักว่าคือดินแดนถิ่นอาศัยของพวกชีอะห์และเป็นอาณาเขตเชื่อมต่อหลายประเทศ

        กษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่สอง (King Abdullah II) แห่งจอร์แดน ตรัสว่าคือพื้นที่ตั้งแต่กรุงเตหะรานทอดยาวถึงกรุงเบรุต นั่นคือดินแดนตั้งแต่อิหร่าน ไล่มาทางทิศตะวันตก เข้าอิรัก ซีเรียและสิ้นสุดที่เลบานอน

        บางคนตีความว่าคือตั้งแต่เลบานอน ซีเรีย อิรัก อิหร่าน ปากีสถานและอินเดีย

        บ้างว่าคือจากเลบานอน อิรัก อิหร่าน รวมถึงบาห์เรน และภาคตะวันออกของซาอุดีอาระเบีย พื้นที่ที่มีประชากรชีอะห์หนาแน่น

        รัฐบาลหลายประเทศในภูมิภาคไม่ว่าจะเป็นอียิปต์ จอร์แดน และซาอุดีอาระเบีย ต่างกังวลต่ออิทธิพลของอิหร่านและแนวคิดจันทร์เสี้ยวชีอะห์ เห็นว่าเป็นการแผ่ขยายอำนาจดังสมัยอาณาจักรเปอร์เซีย

        ความขัดแย้งระหว่างชาติอาหรับกับเปอร์เซียมีมานานแล้ว บางคนผูกโยงให้สืบเนื่องจนถึงปัจจุบัน นักวิชาการบางท่านชี้ว่าสงครามอิรัก-อิหร่าน (1980-88) คือสงครามระหว่างพวกอาหรับกับเปอร์เซีย เพื่อช่วงชิงความเป็นใหญ่ในภูมิภาค และในอีกมุมหนึ่งคือความขัดแย้งระหว่างซุนนีกับชีอะห์

        ลำพังการขยายอิทธิพลของประเทศใดประเทศหนึ่งในภูมิภาคนั้นร้ายแรงอยู่แล้ว ในกรณีอิหร่านพาดพิงนิกายศาสนาด้วย สะเทือนจิตใจของผู้ศรัทธาอย่างยิ่ง

        Adel al-Jubeir รมต.กระทรวงการต่างประเทศซาอุฯ เอ่ยถึงต้นตอความขัดแย้งว่าอิหร่านสนับสนุนผู้ก่อการร้ายหลายกลุ่ม ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากการปฏิวัติโคไมนีเมื่อปี 1979 การปฏิวัติสร้างความแบ่งแยกทางนิกายในภูมิภาคอย่างรุนแรง ส่งออกการปฏิวัติ เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้

มายาคติจันทร์เสี้ยวชีอะห์ :

      ถ้าพิจารณาให้ดีแนวคิดจันทร์เสี้ยวชีอะห์เป็นเรื่องแปลกประหลาด มีข้อขัดแย้ง ไม่สมเหตุผล ดังตัวอย่างต่อไปนี้

        ตัวอย่างที่ 1 กรณีอิรัก

      ข้อมูล 2015 อิรักมีประชากรทั้งสิ้นราว 37 ล้านคน เป็นมุสลิมร้อยละ 99 โดยเป็นนิกายชีอะห์ร้อยละ 60-65 ซุนนีร้อยละ 32-37 ที่เหลือนับถือศาสนาอื่นๆ

        ถ้าดูจำนวนประชากรพอจะบอกได้ว่าประเทศนี้เป็นชีอะห์ แต่เรื่องไม่จบแค่นี้ ดังที่ทราบว่านายนูรี อัลมาลิกี (Nouri Al-Maliki) นายกรัฐมนตรีคนแรก (หลังสิ้นยุคซัดดัม ฮุสเซน) เป็นชีอะห์ และเป็นที่ยอมรับทั่วไปว่า นายอัลมาลิกีเป็นคนของรัฐบาลสหรัฐที่เดินกลับอิรักมารับตำแหน่งผู้นำประเทศ ดังนั้น ถ้าจะอ้างว่ารัฐบาลอัลมาลิกีเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรอิหร่าน เป็นส่วนหนึ่งของจันทร์เสี้ยวชีอะห์จึงไม่ถูกต้อง

      ไฮเดอร์ อัล-อาบาดี (Haider Abadi) ผู้นำคนปัจจุบันมาจากพรรคเดียวกับมาลิกี เป็นชีอะห์เช่นกัน แม้ร่วมมือกับอิหร่านมากขึ้น แต่ไม่อาจถือเป็นพวกเดียวกับอิหร่าน

        นอกจากนี้ ในหมู่ชีอะห์แบ่งแยกแก่งแย่งแข่งขันกันเอง และไม่ขึ้นตรงกับอิหร่านเสมอไป ยกตัวอย่างกลุ่มของมุกตาดา อัล-ซาดาร์ (Moqtada al-Sadr) มีความร่วมมือกับอิหร่านแต่ไม่ขึ้นตรงต่ออิหร่าน แถมยังขัดแย้งกับอิหร่านบางเรื่อง ซ้ำร้ายกว่านั้นบางกลุ่มยึดถือความเป็นชาตินิยมมากกว่าความเป็นชีอะห์

        ตัวอย่างที่ 2 กรณีซีเรีย

      ประชากรซีเรียร้อยละ 87 นับถือศาสนาอิสลาม ในจำนวนนี้ร้อยละ 74 เป็นซุนนี ที่เหลือร้อยละ 13 เป็นอาละวี (Alawi) Ismaili และชีอะห์ ที่เหลือนับถือศาสนาอื่นๆ

        ถ้าดูจากสัดส่วนประชากรเกือบ 3 ใน 4 ซุนนี พวกชีอะห์รวมทั้งอาละวีมีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น เกิดคำถามว่าควรถือซีเรียเป็นส่วนหนึ่งของจันทร์เสี้ยวหรือไม่

        บางคนอ้างว่าเพราะตระกูลอัสซาดผู้ปกครองประเทศเป็นอาละวี ข้อโต้แย้งคือแม้เป็นอาละวี เป็นชีอะห์ แต่ไม่คิดสร้างรัฐอิสลาม แนวทางการปกครองเป็นแนวทางฝ่ายโลกของพรรคบาธ ส่วนความร่วมมือกับอิหร่านเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐอธิปไตย ไม่ใช่ด้วยเหตุผลทางศาสนานิกาย

        ตัวอย่างที่ 3 กรณีบาห์เรน

      ประชากรร้อยละ 70 เป็นชีอะห์ ที่เป็นซุนนีมีน้อยอยู่ในหมู่ผู้ปกครองประเทศ ตามประวัติศาสตร์บาห์เรนเคยเป็นส่วนหนึ่งของอิหร่าน ถ้าดูจากจำนวนประชากรกับประวัติศาสตร์ชวนให้คิดถึงจันทร์เสี้ยวชีอะห์ได้

        แต่การที่พลเมืองเป็นชีอะห์ไม่ได้แปลว่าเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลอิหร่าน การประท้วงใหญ่ของชีอะห์บาร์เรนเมื่อปี 1994 กับ 1999 รวมทั้งอาหรับสปริงส์ มาจากเหตุผลเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลชาวบ้านอย่างทั่วถึง เรียกร้องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ไม่ต้องการสู้กับซุนนีหรือต้องการสร้างรัฐชีอะห์แต่อย่างไร

        ฝ่ายรัฐบาลมักอ้างว่าอิหร่านหนุนหลังฝ่ายต่อต้าน ความเป็นชีอะห์อาจมีส่วนบ้าง แต่ไม่ใช่ประเด็นหลัก เป็นการกล่าวหาจากรัฐบาลมากกว่า

วาทกรรมจันทร์เสี้ยวชีอะห์ :

        การจะสรุปว่าประเทศนี้ประเทศนั้นเป็นส่วนหนึ่งของจันทร์เสี้ยวชีอะห์จึงเป็นเรื่องแปลกประหลาด ไม่มีเกณฑ์ชัดเจน ซ้ำยังขัดแย้งกันเอง

        ที่แน่นอนคือมีความพยายามเชื่อมโยงให้ประเทศเหล่านี้ผูกกับจันทร์เสี้ยวชีอะห์ ผูกโยงกับอิหร่าน

        พวกต่อต้านชีอะห์พยายามพูดว่าชีอะห์มีเอกภาพเพื่อชี้ว่าเป็นอันตรายร้ายแรง ในขณะที่นักวิชาการบางท่านอธิบายว่าแท้จริงแล้วชีอะห์ในที่ต่างๆ ทั่วโลกไม่มีเอกภาพ เป็นวาทกรรมจันทร์เสี้ยวชีอะห์เท่านั้น

        ไม่ว่าจะนิยามจันทร์เสี้ยวชีอะห์อย่างไร ข้อพึงตระหนักคือเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อต่อต้านชีอะห์กับอิหร่าน เป็นยุทธศาสตร์สร้างศัตรู (กำหนดให้เป็นศัตรู)

        คำตอบที่ถูกต้องที่สุด ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งทางเชื้อชาติหรือศาสนานิกาย เป็นความต้องการแผ่ขยายอำนาจของชนชั้นปกครองซาอุฯ กับพันธมิตร ซึ่งเท่ากับปกป้องอำนาจของพวกเขา ป้องกันการคุกคามจากอิหร่านในยุคปฏิวัติอิสลาม ในการนี้รัฐบาลสหรัฐเห็นชอบด้วยเพราะเกรงสูญเสียอิทธิพลในภูมิภาค

จันทร์เสี้ยวชีอะห์ที่แตกหัก :

        ถ้ามองภาพรวมจันทร์เสี้ยวชีอะห์ในตอนนี้ คือ จันทร์เสี้ยวที่หักกลางและแตกหลายจุด อิหร่านกำลังเร่งฟื้นฟูหลังถูกนานาชาติคว่ำบาตรหลายปี อิรักยังอยู่ในความขัดแย้งภายในที่ไม่รู้จบสิ้น ประเทศไม่เป็นเอกภาพ ซีเรียเป็นดังที่เห็นอยู่ ฮิซบอลเลาะห์ (Hezbollah) เข้มแข็งขึ้น แต่เป็นกองกำลังที่ไม่ใช่กองทัพเต็มรูป เช่นเดียวกับฮามาสที่เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ

        เฉพาะซีเรียกับอิรักไม่รู้ว่าจะคืนสู่ความสงบเมื่อไร หลายเมืองเป็นซากปรักหักพัง ถูกทอดทิ้ง คงต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าจะฟื้นตัว ไม่มีใครตอบได้ว่าจะเป็นดังเดิมได้อีกหรือไม่        รวมความแล้วคือสภาพที่แตกหักอ่อนแอ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับมาเป็นจันทร์เสี้ยวที่สมบูรณ์ และความจริงเป็นไม่ได้ด้วยซ้ำ

        อีกข้อที่แน่นอนคือ จันทร์เสี้ยวชีอะห์คือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อที่จะทำลาย

        ข้อควรคิดคือการทำลายล้างไม่ส่งผลเฉพาะต่อพวกชีอะห์เท่านั้น สงครามกลางเมืองอิรักกระทบต่อพวกซุนนีและชนกลุ่มน้อยอื่นๆ จำนวนผู้เสียชีวิตในซีเรียกว่า 500,000 คนคาดว่าส่วนใหญ่เป็นซุนนี เป็นเรื่องน่าคิดใช่ไหมที่การทำลายจันทร์เสี้ยวชีอะห์ส่งผลต่อใครบ้าง

        เรื่องราวของจันทร์เสี้ยวชีอะห์คือการอยู่ร่วมกันไม่ได้ ต้องทำลายล้างอีกฝ่าย ฝ่ายที่ยึดถือเห็นว่าสมควรทำเช่นนั้น ชวนให้นึกถึงตัวอย่างอื่นๆ ในอดีต เช่น ฮิตเลอร์มีเป้าหมายขยายเชื้อชาติอารยัน “Aryan” สร้างอาณาจักรอารยันในยุโรป ในการนี้ต้องปราบชนเชื้อสายอื่นๆ ให้หมด โดยเฉพาะพวกยิว สลาฟ (Slavs)

        การล่าอาณานิคม การบังคับคนให้เป็นทาส แม้เป็นเรื่องเก่าย้อนยุคหลายพันปี แต่ยังคงสดใหม่เป็นที่ยอมรับของคนสมัยปัจจุบันไม่มากก็น้อย (รูปแบบอาจแตกต่างจากเดิม) ในกรณีจันทร์เสี้ยวชีอะห์ควรบันทึกว่าเป็นการกระทำอย่างเป็นกระบวนการ เป็นความร่วมมือของผู้ปกครองหลายประเทศ รวมทั้งบุคคลผู้มีบทบาทด้านสังคมวัฒนธรรม.

ภาพ : จันทร์เสี้ยวชีอะห์


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"