การเข้ามาของ 5G จะปลดล็อคศักยภาพ เทคโนโลยี AR/VR ไปอีกขั้น


เพิ่มเพื่อน    

เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายยุค 5G คือ โครงข่ายโทรศัพท์มือถือยุคต่อไป ที่มีความสามารถในการรับส่งสัญญาณที่รวดเร็วขึ้น ทั้งดาวน์โหลด และอัพโหลด รวมถึงการให้การเชื่อมต่อที่เสถียรมากขึ้นมากว่าเดิม ส่งผลให้การใช้งานบน โครงข่าย 5G จะมีความหลากหลายทั้งในเรื่องของการควบคุมทางไกลอย่างการบังคับหุ่นยนต์ โรบอท หรือ รถยนต์ไร้คนขับ รวมไปถึงการจัดการโรงงานอัจฉริยะ การรักษาทางไกล (Telehealth) จนไปถึงการบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ

 

แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดเรื่องหนึ่ง เมื่อ 5G เข้ามา คือ การใช้งานทางด้าน immersive technology หรือเทคโนโลยีที่เป็นการสร้างความกลมกลืนระหว่างโลกในความจริง กับ โลกจำลองแบบดิจิตอล

สำหรับหัวหอกสำคัญของ immersive technology ก็คือ เทคโนโลยี VR หรือ Virtual reality ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำหรับการจำลองสภาพแวดล้อมจริงเข้าไปให้เสมือนจริง โดยผ่านการรับรู้จากการมองเห็น เสียง สัมผัส แม้กระทั่งกลิ่น และอีกเทคโนโลยี คือ AR หรือ Augmented reality ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งาน โดยการรวมสภาพแวดล้อมจริง กับ วัตถุเสมือนเข้าด้วยกันในเวลาเดียวกัน โดยวัตถุเสมือนที่ว่านั้น อาจจะเป็น ภาพ, วีดิโอ, เสียง,ข้อมูลต่างๆ ที่ประมวลผลมาจากคอมพิวเตอร์, มือถือ, แทบเล็ต หรืออุปกรณ์สวมใส่ขนาดเล็กต่างๆ และทำให้เราสามารถตอบสนองกับสิ่งที่จำลองนั้นได้
 

ในปัจจุบันทั้งสองเทคโนโลยีนี้ ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้อย่างเป็นทางการแล้วหลายด้าน และได้รับความนิยมเพิ่มมากอย่างต่อเนื่อง อย่างเทคโนโลยี VR เอง บริษัทด้านเทคโนโลยีหลายเจ้า ก็เข้ามาแข่งขันเรื่องของชุดอุปกรณ์ headset ในราคาถูกที่สามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้น โดย Oculus Rift ที่เป็น VR headset ของ Facebook มีราคาประมาณ 400 เหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ Google ได้ผลิต Google Cardboard ซึ่งเป็น Headset ที่ทำจากกระดาษแข็ง ซึ่งมีราคาเพียง 10 เหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น ซึ่งทำให้ผู้ใช้ เริ่มเห็นภาพการใช้งาน VR มากขึ้น

ขณะที่เทคโนโลยี AR ก็ถูกนำมาใช้งานกับงานทางด้านความบันเทิง อย่างเกม Pokemon Go ที่ใช้ AR มาอิงกับพิกัดทางภูมิศาสตร์ ทำให้ผู้เล่นต้องตามหา Pokemon ของตัวเอง ในสถานที่ต่างๆ มาฝึกฝน เพื่อเอาชนะในเกม และเกมนี้ก็สร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลก ซึ่งทำให้ผู้ใช้ได้รู้จักการใช้งาน AR มากขึ้น

 

แต่อย่างไรก็ดีเทคโนโลยี VR และ AR ที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันยังคงเป็นการพัฒนาในขั้นต้นเท่านั้น เนื่องจากติดในข้อจำกัดในเรื่องของความเร็วอินเทอร์เน็ตในยุค 3G-4G ที่ไม่สามารถรองรับการรับส่งข้อมูลจำนวนมากได้

 

โดยตามปกติ การใช้งาน 1 นาทีของ แอปพลิเคชัน AR จะใช้ดาต้า มากกว่า ดาต้า วีดิโอความละเอียด 480 พิกเซล 1 นาที ถึง 33 เท่า เห็นได้ชัดว่า เทคโนโลยีตัวนี้ ใช้ปริมาณรับส่งข้อมูลที่มหาศาลมาก หากไม่มีความเร็วอินเทอร์เน็ตที่มากพอ การใช้งาน VR และ AR จะกลายเป็นอุปสรรคทันที

 

แต่สำหรับในยุค 5G จะเปลี่ยนแปลงไป เพราะมันทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วได้สูงสุดถึง 20 Gbps ซึ่งก็หมายความว่า ความเร็วอินเทอร์เน็ตจะเร็วกว่ายุค 4G ถึงเกือบ 100 เท่า และเร็วกว่าอินเทอร์เน็ตแบบบรอดแบนด์แบบไฟเบอร์ออพติกถึง 10 เท่า ซึ่งเมื่อมีความเร็วขนาดนี้ ก็จะทำให้ 5G เป็นโครงข่าย ที่เหมาะสมในการผลักดันการใช้งานเทคโนโลยี AR และ VR ไปในอีกขั้นหนึ่งทีเดียว

 

มีการประเมินกันว่า หาก 5G เปิดใช้งานเต็มรูปแบบ เราจะเห็นอุตสาหกรรมรูปแบบใหม่เกิดขึ้นมาอีกมากมาย แต่ที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์มากที่สุด คือ อุตสาหกรรมเกม ที่มันจะช่วยสร้างประสบการณ์ความบันเทิง ที่แตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง รวมถึงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน

 

นอกเหนือไปจากอุตสาหกรรมเพื่อความบันเทิงแล้ว ทั้ง AR และ VR ซึ่งถูกประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแวดวงการศึกษา ที่จะนำมาใช้เป็นการฝึกอบรม หรือ ที่เรียกว่า ทัศนศึกษาแบบเสมือนจริง การนำมาใช้ฝึกฝน สำหรับงานที่มีความเสี่ยงอันตราย (hazard training) รวมไปถึงการใช้งานทางด้านความบันเทิง อย่างการรับชม มหกรรมบันเทิงแบบเสมือนจริง และถูกนำไปใช้ในกีฬา e-sports

 

จาก Huawei Wireless X Labs ที่ทำการคาดการณ์มูลค่าตลาดของการใช้งาน VR/AR ด้วยซอฟ์ทแวร์ หรือ แอปพลิเคชันที่อยู่บนคลาวด์ ในปี 2025 จะพุ่งสูงถึง 292,000 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว ขณะที่บทวิเคราะห์จาก อินเทล ระบุว่า ในปี 2028 เกม ที่ใช้เทคโนโลยี AR จะสร้างรายได้เป็น 90% ของรายได้จาก การใช้งาน AR ในยุค 5G ทั้งหมด หรือเป็นเงินราวๆ 36,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

ที่มากไปกว่านั้น AR และ VR จะเปลี่ยนโฉมกลยุทธ์ทางการค้าขายมากมาย ให้กับทุกอุตสาหกรรม อาทิ ด้าน อสังหาริมทรัพย์ ที่ลูกค้าสามารถรับชมห้องตัวอย่างเสมือนจริง ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจในการซื้อมากกว่าจากการดูแค่แบบแปลน 2 มิติ หรือ ทางด้านแฟชั่น ซึ่งลูกค้า สามารถลองเปลี่ยนเสื้อผ้าได้โดยไม่ต้องสวมใส่ชุดจริง และยังไม่นับรวมถึงการมาใช้งานทางด้านการศึกษา ฝึกอบรมการใช้งานสำหรับโรงงาน การซ่อมบำรุงต่างๆ ที่ช่วยให้เห็นความซับซ้อนของเครื่องจักร โดยที่ยังไม่ต้องลงพื้นที่เข้าไปทำจริง และการสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ โดยใช้ VR/AR เข้าช่วย

 

ที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นบางส่วนของเทคโนโลยี ที่จะเกิดขึ้นแน่นอน ภายหลังมีการนำ 5G มาเปิดให้บริการ อย่างเต็มรูปแบบ นี่ถือเป็นประโยชน์ของ 5G ที่จะมาช่วยสร้างโอกาสให้กับธุรกิจ ซึ่งหากไทย มีการนำร่องใช้ 5G ที่เร็วพอ ธุรกิจในไทยก็จะสามารถนำ VR/AR เข้ามาต่อยอดได้อย่างไม่ยาก.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"