วันที่ 3 ก.ค. บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส จำกัด (AWS) ในเครือ Amazon.com เปิดตัวโครงการ "AWS EdStart สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา สร้างนวัตกรรมการเรียนการสอนบน AWS Cloud โดยนายวินเซนต์ คัวฮ์ หัวหน้าฝ่ายการศึกษา หน่วยงานด้านการวิจัย ธุรกิจสาธารณะสุข องค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค และญี่ปุ่น ของ AWS เผยว่า โครงการ AWS EdStart เป็นการเร่งปั้นสตาร์ทอัพในกลุ่ม Edtech หรือเทคโนโลยีการศึกษา ในการสร้างโซลูชันนวัตกรรมที่แก้ปัญหา ความต้องการที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา อาทิ การสร้างโซลูชันการเรียนการสอนออนไลน์ การวิเคราะห์และโซลูชันการจัดการวิทยาเขตการศึกษา ซึ่งโครงการจะสนับสนุนให้เกิดคอมมูนิตี้ ชุมชนในกลุ่ม EdTech การให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคผ่านการฝึกอบรมที่ปรับตามความต้องการของบุคคล รวมถึงโอกาสทางการตลาด การดูแลให้คำปรึกษา ตลอดจนสนับสนุนการเงินในรูปแบบของเครดิตเอามาใช้บริการกับ AWS Cloud โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งเปิดรับฟรีสามารถเข้ามาได้ แต่มีเงื่อนไขว่า บริษัทสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมต้องมีอายุไม่เกิน 5 ปี มีรายได้ไม่เกิน 10 ล้านดอลลาร์ และโซลูชันที่สร้างมาต้องเป็นประโยชน์ต่อสถาบันการศึกษา หรือช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการศึกษา
      นายวินเซนต์ กล่าวว่า ปัจจุบัน AWS มีลูกค้า 1 ล้านรายต่อเดือนจาก 190 ประเทศทั่วโลกที่ใช้รูปแบบบริการมากกว่า 165 รายการ ไม่ว่าจะเป็นประมวลผล สตอเรจ ฐานข้อมูล การเชื่อมต่อเครือข่าย แมชชีน เลิร์นนิ่ง VR  AR มีเดีย ฯลฯ ตัวอย่างของกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการ AWS ตั้งแต่เริ่มแรก ก็มี Netflix  Airbnb ฯลฯ สำหรับประเทศไทยมีเว็บไซต์ Open Durian” ที่ใช้บริการของ AWS Cloud ในด้านการศึกษา ซึ่งก่อตั้งโดยกลุ่มอาจารย์ผู้สอนพิเศษ และนักพัฒนาซอฟแวร์ สร้างเนื้อหาสำหรับการเตรียมสอบออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงได้สำหรับนักเรียน ตลอดจนผู้ที่ต้องการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจากทั่วประเทศ
    นายวินเซนต์ คัวฮ์ กล่าวอีกว่า คนหันมาเรียนออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นการอุดช่องว่างให้นักเรียนได้เข้าถึงวิธีการเรียนรู้แบบใหม่ๆ เป็นการยกระดับการศึกษา เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เพียงแต่เด็กในหลายพื้นที่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่า มีแพลตฟอร์มอะไรบ้าง ทั้งนี้ คนที่เป็นสตาร์ทอัพด้านการศึกษายังน้อยมาก เมื่อเทียบกับปริมาณความต้องการของคน โครงการนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อเร่งปั้นให้สตาร์ทอัพรายย่อยมีโอกาสเติบโต แต่โครงการไม่ได้มุ่งเน้น แค่การเรียนการสอนเท่านั้น รวมไปถึงการแก้ปัญหาต่างๆ เช่น ในออสเตรเลีย มีเด็กที่ถูกทำร้ายจิตใจ เกิดการทำร้ายร่างกาย ฆ่าตัวตาย มีบริษัทสตาร์ทอัพหนึ่งจึงคิดแพลตฟอร์มสำหรับครู เป็นการปฏิบัติตนและการรับมือกับนักเรียนในสถานการณ์ต่างๆ เป็นต้น 
    นายจุฬา พิทยาภินันท์ ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OpenDurian กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นักเรียนจำเป็นต้องเข้าเรียนหลักสูตรการเตรียมสอบด้วยตนเอง บางหลักสูตรมีราคาแพง ดังนั้น OpenDurian สร้างหลักสูตรออนไลน์ในหลายๆ วิชาที่เป็นที่ต้องการสูงจากทั้งนักเรียน กลุ่มคนทำงานที่เป็นผู้ใหญ่ อาทิ การทดสอบวิชาภาษาอังกฤษ การทดสอบวิชาความถนัดทั่วไป (GAT) การทดสอบความถนัดทางการแพทย์ (Doctor Aptitude Test) วิชาชีววิทยา ตลอดจนวิชาคณิตศาสตร์บนออนไลน์ที่ราคาไม่แพง เว็บไซต์ก่อตั้งมา 5 ปี แต่เข้าร่วมโครงการ AWS EdStart เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และเร่งดำเนินกระบวนการใหม่ๆ บนเว็บไซต์ในเวลา 2 เดือน  ด้วยการใช้ AWS Machine Learnibg อาทิ Amazon Transcribe เพื่อการสร้างเครื่องมือในการฟังและการพูด  Amazon Rekongnition สำหรับการสร้างแบบฝึกหัดที่เกี่ยวกับคำศัพท์ และ Amazon SageMaker สำหรับการแนะนำเนื้อหา นอกจากนี้ วิศวกรยังได้เรียนรู้มาจาก AWS Solution Architects ในด้านสถาปัตยกรรมคลาวด์ และแนวทางการปฏิบัติเพื่อที่จะได้ออกแบบการทำงาน
    “ เมื่อ 5 ปีก่อนแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์เป็นของใหม่ ตอนนี้ติวเตอร์หลายแห่งทำคอร์สเรียนออนไลน์หมดแล้ว แพลตฟอร์มการเรียนการสอนออนไลน์ คอนเทนต์จะต้องดีและน่าสนใจ มีปฎิสัมพันธ์ต่อผู้เรียน เพราะคนเรียนออนไลน์จะสมาธิหลุดง่ายมาก  นับตั้งแต่ก่อตั้ง Open Durian มีผู้ใช้บริการมากกว่า 4 ล้านคน นักเรียนส่วนใหญ่จะเป็นคนเพิ่งเริ่มทำงาน มาเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมสอบ กลุ่มมหาวิทยาลัยก็เช่นกันสนใจเรื่องภาษา แล้วยังมีกลุ่มมัธยมที่เรียนเพื่อเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย ปีแรกๆ คนเข้าชมเว็บไม่ถึง 20 คน  แต่ปี 2561  เฉลี่ยเดือนละ 600,000 คน เข้ามาใช้บริการ และพบว่าระหว่างปียอดผู้ใช้จะพุ่งขึ้นสูง โดยเฉพาะช่วงสอบแอดมิชชั่นมหาวิทยาลัย นักเรียนจะเข้ามาอ่านสัปดาห์ก่อนสอบ แสดงให้เห็นว่าการผู้คนสนใจเรียนออนไลน์มากขึ้น”นายจุฬา กล่าว