'อรุณ วัชระสวัสดิ์' กับการ์ตูนการเมืองที่ทรงพลังและเมตตา


เพิ่มเพื่อน    

       อรุณ วัชระสวัสดิ์ นักเขียนการ์ตูนการเมืองอันดับต้นๆ ของประเทศไทยกับผมคุ้นเคยกันมาช้านาน อรุณเป็นศิลปิน เป็นนักอ่าน นักคิด และนักวิพากษ์ตัวยง

                กว่า 40 ปีแล้วที่เราตั้งวงถกแถลงกับขรรค์ชัย บุนปาน และสุจิตต์ วงษ์เทศ เพื่อให้อรุณปรับเปลี่ยนสไตล์การเขียนการ์ตูนการเมือง

                ส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนช่วงนั้นเป็นแรงบันดาลใจจากนักเขียนการ์ตูนของอเมริกา

                ขณะนั้นเป็นช่วงร้อนแรงของสงครามเวียดนามและเรื่องอื้อฉาวการเมืองว่าด้วยวอเตอร์เกต

                เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา อรุณจัดงานวันเกิดครบ 72 ปี พร้อมกับแสดงนิทรรศการผลงานการ์ตูนตลอดชีวิตของการเป็นคนทำสื่อของเขา

                ก่อนหน้านี้ประมาณ 5 เดือนอรุณหยุดเขียนการ์ตูน

                ถามว่าทำไม? เขาตอบว่า "เรื่องมันซ้ำมาก จนผมอาย ไม่มีอะไรจะเขียน...แสดงว่ามันไม่พัฒนาเลย"

                อรุณบอกว่าสภาพบ้านเมืองทุกวันนี้เหมือน "ดูมวยปล้ำที่เขาเขียนบทไว้แล้ว แค่เปลี่ยนนักชกเท่านั้น"

                ก่อนหน้านั้นประมาณ 2 สัปดาห์ อรุณโทร.มาแจ้งว่า "จะหยุดเขียนการ์ตูนแล้ว" ผมฟังแล้วโกรธมาก เพราะผมเองยังไม่หยุดทำ อรุณมีสิทธิ์จะหยุดเขียนการ์ตูนได้อย่างไร

                แต่ผมก็คิดขึ้นมาได้ว่านักข่าวนั้นเป็นกรรมกร แต่นักวาดการ์ตูนเป็นศิลปิน และศิลปินมีสิทธิ์หยุด  แต่กรรมกรไม่มีสิทธิ์หยุด

                ผมยังจำได้ไม่ลืม วันหนึ่งในระหว่างที่เรานั่งคุยกันอยู่ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ "ประชาชาติรายวัน" ก็มีเด็กเอาห่อหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์มาวางบนโต๊ะ

                ผมดูการ์ตูนชุดล่าสุดจากอเมริกาว่าด้วยประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสันที่กำลังถูกสอบสวนเรื่องวอเตอร์เกต

                ผมตะโกนเสียงดัง "เฮ้ย! อรุณดู สุดยอดเลยอะ"

                อรุณเล่าให้คนฟังในการเสวนาที่สวนโมกข์กรุงเทพฯ ว่า

                "ผมรู้สึกเหมือนมวยไทยได้ดูนักชกมวยสากลต่อย ดูแล้วออกหมัดสวยกว่า แฟร์กว่า ผมก็เลยเปลี่ยนสไตล์เขียน เพราะเวลาผมชอบใครผมก็ชอบลอกเลียนเขา ความสุขในการเขียนของผมคือการได้ค้นคว้าศึกษา เพราะถ้าเขียนสไตล์เดียว 40-50 ปีก็คงเบื่อ"

                อรุณบอกว่าการ์ตูนของเขามีเมตตาต่อนักการเมืองที่ถูกเขียนถึงเสมอ และมั่นใจว่าสามารถมองหน้าทุกคนได้อย่างเต็มตา เพราะเมื่อเห็นตัวแสดงทางการเมืองทำอะไรไม่เหมาะควร เขาเลือกใช้วิธี "ติ"  แต่ไม่เคย "ด่า" ขนาดบางคนถูก "ติอย่างหนัก" ก็ยังมีแก่ใจขอรับการ์ตูนของอรุณไปแปะฝาบ้านไว้เป็นที่ระลึก

                "วันหนึ่งผมเขียนเรื่องนักการเมืองคนหนึ่ง เรียกว่าติเขาอย่างหนักเลย เขาโทร.หาผมทันทีเลย ขอเอารูปไปติดข้างฝาหน่อย ผมคิดว่าผมมีความเมตตาอยู่ ถึงเขาทำไม่ถูก ผมก็ไม่ไปหยาบคายใส่เขา" อรุณเล่า

                ที่ควรแก่การเล่าให้คนเขียนการ์ตูนรุ่นใหม่ฟังคือ การที่อรุณโตมากับการเอาตัวเองฝังอยู่กับข่าวตลอดเวลา

                อรุณเล่าว่าเขาเติบโตขึ้นมาในบรรยากาศห้องข่าว

                การศึกษารูปแบบและถอดวิธีเขียนจากการ์ตูนหัวนอกเป็นด้านหนึ่งของการทำงาน

                แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ การได้ฟังและแลกเปลี่ยนกับนักข่าวภายในกองบรรณาธิการ ได้ยินเสียงนักข่าวคุยข่าว ได้เห็นการถกเถียงประเด็นในห้องประชุมข่าว

                "สมัยก่อนการ์ตูนเป็นความคิดเห็นของหนังสือพิมพ์ทั้งฉบับ ไม่ใช่ความคิดเห็นของนักวาดการ์ตูน  เรียกว่า editorial cartoon (การ์ตูนบรรณาธิการ) ไม่ใช่ political cartoon (การ์ตูนการเมือง)" อรุณบอก

                ผมถือว่าอรุณเป็น "การ์ตูนนิสต์การเมืองรุ่นสุดท้าย" ในความหมายที่ว่าเขาใช้ศิลปะแห่งการ satire  (เสียดสี ประชดประชัน) ซึ่งเป็น "ศิลปะขั้นสูง" ที่ต้องฝึกฝน อ่านหนังสือ และรับฟังความเห็นรอบด้าน ในขณะที่นักเขียนการ์ตูนวันนี้มักแสดงความรู้สึกของตัวเอง เป็นมุมมองส่วนตัวต่อนักการเมืองคนนั้นๆ

                การ์ตูนการเมืองยุคอรุณและก่อนหน้านี้จะสะท้อนภาพว่าสาธารณชนมองนักการเมืองคนนั้นอย่างไร มากกว่าจะยึดความเห็นส่วนตัวเป็นหลัก

                วันนี้แม้อรุณจะ "เว้นวรรค" การเขียนการ์ตูน แต่เขาก็ยังติดตามข่าวสารบ้านเมืองอย่างใจจดใจจ่ออยู่ทุกวัน

                ดังนั้นหากวันไหนตื่นเช้าขึ้นมา อรุณเกิดหยิบปากกาขึ้นมาบรรเลงการ์ตูนการเมืองอีก เพราะเหตุการณ์บ้านเมืองให้แรงบันดาลใจอย่างรุนแรงอีกครั้งหนึ่งก็อย่าได้แปลกใจ

                เพราะการเมืองบ้านเราวันนี้เพี้ยนมากขึ้นทุกวัน...และหากเพี้ยนถึงจุดหนึ่ง อรุณก็ย่อมจะทนเป็นเพียง"ผู้สังเกตการณ์" ไม่ได้เช่นกัน.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"