6 ก.ค.62 - น.ส.ศุภมาส เสนะเวส โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กตอบโต้นายจิตกร บุษบา หรือ "ปู จิตกร" นักจัดรายการชื่อดัง โดยมีเนื้อหาระบุว่า....ใครรู้จัก ปู #จิตรกรบุษบา ฝากไปบอกด้วย

ว่าอย่าหลงตัวคิดว่าเป็นปรมาจารย์แห่งความถูกต้องเหมาะควร เที่ยวลากเฟซบุคดิฉัน ไปจิกกัดในเพจของตัว เสริมความดีงามให้กับตนเอง ยกตน #เป็นผู้ทรงธรรมในการวิจารณ์เฟซบุคดิฉันเป็นเฟซบุคส่วนบุคคล ไม่ใช่เพจสาธารณะหรือเพจสื่อสารมวลชน และดิฉันก็ไม่ใช่บุคคลสาธารณะเป็นสามัญชนคนธรรมดา

แต่สื่อออนไลน์มาลากไปนำเสนอกันเอง ดิฉันไม่ทราบด้วยซ้ำ (แต่เขาก็มีมารยาทพอ ที่เมื่อลากไปไม่บอกกล่าว ก็แค่ลงเป็นข่าวเท่านั้น แม้จะพาดหัวหวือหวาไปบ้าง แต่ไม่เอาความเห็นส่วนตัวใส่เข้าไป)

ดังนั้น ข้อเขียนของดิฉัน จึงไม่น่าจะ "#หนักหัว" ใครที่ไม่เกี่ยวข้องเช่นกันหากจะวิเคราะห์วิจารณ์ก็ว่าของตัวไป ไม่ควรพาดพิงถึงคนอื่นในฐานะเพจใหญ่ เป็นเพจสาธารณะควรทบทวนความเป็นมนุษย์ของตนด้วย ในการจะลากใครไปสับกลางเพจของตนเป็นกรณีศึกษา เพื่อความสะใจ

อนึ่ง #ระบำเทพธิดาดอย นั้น หากมีประสบการณ์ท่องเที่ยว ก็ควรทราบว่าเป็นเพลงที่เคยโด่งดังมาก สมัยก่อนสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในภาคเหนือ จึงมักนำมาเป็นการแสดงร่ายรำประกอบเพลง โดยนักแสดงแต่งชุดดัดแปลงหลากสีสดใส ไม่ได้เป็นการดูถูกใด ๆ ทั้งสิ้น

#อย่าเสี้ยม และอย่า #ปากยื่นปากยาว ในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับตน เพียงเพื่อหวังสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเอง.

สำหรับโพสต์ของ นายจิตกร บุษบา นักจัดรายการชื่อดัง  เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา มีเนื้อหาดังนี้ 

หลัง "ช่อ-พรรณิการ์ วานิช" โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ได้แต่งกายด้วยเสื้อลูกไม้สีขาว พร้อมนุ่งผ้าซิ่น จนกลายเป็นกระแสแชร์ภาพของเธอไปทั่วทั้งสังคมออนไลน์ โดยชาวเน็ตส่วนใหญ่ต่างแซวว่าเธอเป็น "อี่นายซ้องปีป" จากละครเรื่องดัง กลิ่นกาสะลองนั้น
..
โดยภายหลังจากที่ภาพดังกล่าวเผยแพร่ออกไปไม่นาน "ช่อ พรรณิการ์" ได้ทวิตข้อความระบุ "เพราะความเป็นไทยไม่ได้มีแค่แบบเดียว #อนาคตใหม่ อยากทำให้สภาเป็นภาพสะท้อนความหลากหลายทั้งทางเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม เราจะพยายามแต่งกายด้วยชุดที่หลากหลาย นำผ้าจากแต่ละภูมิภาคเข้ามาสู่สภา และยังเป็นการส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นด้วย"
..
มองเรื่องนี้ยังไงดี
1) มองที่ตัวระเบียบก่อน เนื่องจากระเบียบอยู่ระหว่างการร่าง จึงยึดเอาแนวการปฏิบัติในอดีตมาพิจารณา จะพบว่า ส.ส.คือตำแหน่งที่เรียกว่า "ข้าราชการการเมือง" ซึ่งมีระเบียบและความพร้อมเพรียงให้ปฏิบัติ โดยยึดหลักสุภาพและข้อกำหนดเป็นสำคัญ ที่ผ่านมากำหนดให้แต่งกาย "สากล" จึงสวมสูทมาประชุมสภากันถ้วนหน้า และเลือกสีสุภาพ คือ ดำ หรือน้ำเงิน เป็นหลัก
.
2) มองที่ตัวบุคคล คนคนนี้ชอบ "ความโดดเด่น" มากกว่า "ความกลมกลืน" เป็นหมู่คณะอยู่แล้ว การแต่งกายเช่นนี้เป็น "ความจงใจ" และ "นัดหมาย" กันมา เพื่อให้เป็น "ประเด็น" โดยประเด็นที่เธอทวิตนั้น ไม่มีอะไรผิด ถึงขั้นจะต้องด่าทอกัน แต่ก็ไม่มีอะไร "เด่น" เป็นสาระถึงขั้นต้อง "ยกยอ"
.
3) การเป็น "ผู้แทนราษฎร" ที่มี "สาระลุ่มลึก" กว่านี้ ในวาระการประชุมที่ให้ ส.ส. เอาความทุกข์ เอาปัญหาของประชาชนมาปรึกษาหารือกันในสภา และส่งเรื่องต่อไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง เธอควรมาพร้อม "สาระ" ว่า ขณะนี้มีประชาชนในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ประสบปัญหา "ความล่าช้า" ในการพิสูจน์สัญชาติและ "ให้สัญชาติ" ซึ่งทำให้เขาเหล่านั้นขาดโอกาสในการได้รับ "สิทธิขั้นพื้นฐาน" ทั้งการศึกษา การรักษาพยาบาล และการทำงาน อยากหารือท่านประธานไปยังกระทรวงมหาดไทย ว่าควรมีแผนและกำหนดระยะเวลาที่จะทำเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกัน เราควรส่งเสริม "เอกลักษณ์-อัตลักษณ์" ของกลุ่มชาติพันธุ์และประชาชน ด้วยการส่งเสริมการแต่งกาย ประเพณี และวิถีชีวิตให้โดดเด่นขึ้นมา เพื่อให้เห็นว่า สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความหลากหลาย ซึ่งมีความหมายถึงความรุ่มรวยในทางศิลปวัฒนธรรมที่ควรภาคภูมิใจและควรได้รับการกระตุ้น ส่งเสริม ให้ยังคงอยู่ และมีศักดิ์ศรีทัดเทียมกัน ไม่ใช่แค่แต่งตัวมาเดินให้สื่อถ่ายรูป และหมุนตัวโชว์ ตามที่สื่อร้องขอ ซึ่งเป็นเรื่องของ "เปลือก" และความผิวเผิน
.
4) ในเรื่องนี้ รอการตัดสินใจของ "ประธานสภา" ว่าจะอนุญาตให้มีการแต่งชุดไทยๆ หรือชุดพื้นเมือง เข้าประชุมสภาได้หรือไม่ ซึ่งโดยส่วนตัว ผมไม่เห็นเหตุผลใดที่จะไม่อนุญาต เพียงแต่ต้องกำหนดวันเพื่อให้เกิดความพร้อมเพรียง สวยงาม มากกว่าสภาที่ดู "เขรอะ" ไป ด้วยการแต่งกาย "ตามอำเภอใจ" หรือตามความสะดวกความรักชอบ ของแต่ละคน
.
5) ส่วนช่อจะใส่แล้ว "สวย" หรือ "ไม่สวย" ไม่ใช่ความเดือดร้อนของใครเลยครับ จึงไม่จำเป็นต้อง "ปากยื่นปากยาว" ในประเด็นนี้
.
6) ส่วนที่มีผู้วิจารณ์การแต่งกายของ "ช่อ" (ซึ่งยังไม่รวมชุดนี้) เอาไว้ว่า...
"สาเหตุที่คนออกมาจับจ้องมองการแต่งกายของเธอ เพราะอะไร ?

เพราะเธอเองเป็นผู้ป่าวประกาศว่าจะEducateเรื่องการแต่งกาย

เพราะเธอเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ย่อมเป็น #บุคคลสาธารณะ ภาษาอังกฤษเรียก Public Figure

ย่อมถูกจับจ้องจากสาธารณะ

โดยเฉพาะเรื่องการแต่งกาย ที่เธอกล่าวว่าจะ #ให้ความรู้คนในสภา

เพราะไม่ว่าหญิงหรือชาย การแต่งกายคือบุคคลิก และรสนิยม

ซึ่งการแต่งกายของช่อ ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้มีความงดงามและเหมาะแก่กาลเทศะประการใด มีชุดที่งดงามชุดเดียว คือแบรนด์ Poem ซึ่งก็ถูกวิพากษ์ไปเยอะแล้วว่าเป็นชุดที่เหมาะสมหรือไม่ต่อข้อกำหนดสภาฯ

นอกนั้น ก็เป็นชุดผู้คอโบว์ห้อยยาวราวกับเอาไว้ลากจูง และกระโปรงคับรัดก้นย้อยสีเขียวสะแหลนแปร๋น กับเสื้อปิดคอ(ที่ไม่ค่อยมี)
#มิอาจเรียกได้ว่าแต่งกายงาม

ล่าสุดหนักไปอีก !!!!!

ชุดประดับผ้าชนเผ่า สีสันราวจะมาระบำเทพธิดาดอย

ที่กล่าวอ้างว่า

#ได้รับอิทธิพลจากละคร

โอ้วว ช่างมีสติปัญญาเสียนี่กระไร

บ้าละครอะไรขนาดนั้น

แล้วจะเอาตรงไหนมาวิจารณ์ด้านสติปัญญา ????

หรือจะให้วิจารณ์เรื่องที่มาแขวะโรงแรมที่จัดงานประชุมอาเซียน โอ้ว ครูบาอาจารย์ที่รู้จริง เขาก็ถล่มเละเทะไปแล้ว

หรือเรื่องที่ยกตัวเป็นคนไม่ธรรมดา ให้คนธรรมดาส่งเบาะแส การทำร้ายจ่านิว

นักเคลื่อนไหวระดับล่าง ???

อันนั้นก็วิจารณ์นะคะ

หรือวิจารณ์เรื่องมารยาท และความเข้าใจตลอดจนเคารพข้อบังคับการประชุมสภา ???

นั่นก็ไม่มีมารยาท และไม่ศึกษาหาความรู้ให้ถ่องแท้ วิจารณ์กันมากมายเหลือจะกล่าว

มีโอกาสก้าวเข้าสภา

ทว่าสนใจเพียงแต่จะแต่งกายให้โดดเด่นฉูดฉาด เป็นเป้าสายตา เนื้อหาก็หลวมโพรก

#แล้วจะให้วิเคราะห์วิจารณ์อันใดเล่า

#น้ำเน่าเสียขนาดนี้

ศุกมาส เสนะเวส

๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒

อ่านให้ครบถ้วนได้จากลิงค์นี้ https://siamrath.co.th/n/88581
.................
ผมว่า "ก้าวล่วง" รสนิยมและ "รูปกาย" ส่วนบุคคลเกินไป 
ก้นใครจะเป็นอย่างไร เขาจะบ้าละครหรือไม่ รสนิยมใครจะเป็นอย่างไร ไม่ได้ "หนักหัว" ใคร หรือกระทบอะไรต่อการทำหน้านี้ การวิจารณ์เรื่องกายแต่งกายนี้ จึงมีขอบเขตแค่ "กาลเทศะ" / "การเคารพความพร้อมเพรียงของส่วนรวม" และการเป็นแบบอย่างที่ดี เท่านั้นเอง เกินไปกว่านี้เป็นเรื่อง "ชอบไม่ชอบ" หรือ "สวย/ไม่สวย" ซึ่งก็เป็นเรื่อง "รสนิยมส่วนบุคคล" เท่านั้น และคำว่า "ระบำเทพธิดาดอย" ก็ไม่ชวนให้รู้สึกเป็นบวกต่อพี่น้องชนเผ่าต่างๆ แต่อย่างใด มุมมองแบบนี้ต้อง "ขัดเกลา" ให้ประณีตและระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ระวังแค่จะไปละเมิดความเป็นมนุษย์ของคนอื่นหรือไม่เท่านั้น แต่ต้องระวังเรื่องความเป็นมนุษย์ของตัวเราด้วย.