คนข่าวกับการปรับตัว ท่ามกลางความ 'ป่วน'


เพิ่มเพื่อน    

    เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมได้รับเชิญไปเล่าประสบการณ์ของการผันตัวเอง (transform) จากคนข่าวยุคพิมพ์ดีดมาเป็น digital journalist เต็มตัวให้คนข่าวจากเอเชียหลายประเทศที่เข้าฝึกเป็น Mojos (Mobile  Journalists) ในยุคของความ "ป่วน" อันเกิดจาก digital disruption
    คนข่าวทั่วเอเชียเผชิญกับปัญหาเดียวกัน...ความกลัวที่จะออกจากความคุ้นเคยเก่าๆ หรือ comfort  zone ของตัวเอง ไม่กล้าลอง ไม่กล้าทำอะไรใหม่ อยู่ใน "โซนแห่งความกลัว" ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่รู้ว่าสื่อดั้งเดิมไม่มีอนาคตอีกต่อไปแล้ว
    ผมบอกคนข่าวเอเชียทั้งหลายว่า จงฉีกตัวเองออกจากสิ่งแวดล้อมในห้องข่าวที่กลัวความเปลี่ยนแปลง หรือพูดว่าจะเปลี่ยนแต่ยังทำงานและคิดในกรอบเดิม
    "พวกคุณที่กล้าเปลี่ยนอาจจะเป็นเพียง 5% ของคนในห้องข่าวเท่านั้น เพราะอีก 95% จะไม่ยอมเปลี่ยน...และ 5% ที่กล้ากระโจนออกจาก comfort zone นี่แหละที่จะรอดตาย...ที่เหลือจะกลายเป็นเหยื่อของพายุดิจิทัลที่ไม่ปรานีใคร ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก ไม่ว่าจะเคยสำเร็จหรือเก่งกาจเพียงใด" ผมบอกพวกเขาและเธอที่กำลังเรียนรู้วิธีใช้กล้องมือถือทำงานแทนกล้องใหญ่และอุปกรณ์เดิมๆ ทั้งหลาย
    หลังลงจากเวที คนข่าวเอเชียเหล่านั้นมาเล่าประสบการณ์และอุปสรรคในการปรับเปลี่ยนของตัวเอง เพราะคนส่วนใหญ่ในห้องข่าวยังไม่ตระหนักในความจำเป็นที่จะต้องลงมือทำ digital journalism  อย่างแท้จริง
    ยิ่งฝ่ายบริหารแล้วยิ่งไม่กล้านำการปฏิวัติองค์กรอย่างเป็นรูปธรรม เพราะไม่กล้าปรับ ยุบ ทลายกำแพงและปรับ mindset ให้เป็นคนสื่อยุคดิจิทัล
    ผู้บริหารองค์กรไม่น้อยพูดเหมือนเข้าใจว่าต้องเปลี่ยน แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ยังคิดและทำเหมือนเดิม เพราะกลัวผิด กลัวต้องเสี่ยง กลัวต้องรับผิดชอบถ้าทำไม่สำเร็จ
    ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วการอยู่ที่เดิมไม่กล้าเสี่ยงนั้นอันตรายกว่าการลองผิดลองถูกและแสวงหาคำตอบระหว่างการเดินทางที่เรียกว่า digital journey
    เป็นเรื่องราวที่ไม่ได้ต่างจากสถานการณ์ของบ้านเราเท่าไหร่นัก...ผมยืนยันกับพวกเขาว่าจงกล้าฉีกกรอบและทวนกระแส เพราะปลาที่ว่ายทวนน้ำและว่ายเร็วเท่านั้นที่จะรอดและเติบโต ปลาที่ว่ายตามน้ำรังแต่จะต้องเผชิญกับความเสื่อมสลายเท่านั้น
    ยุคนี้ไม่ใช่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่ปลาเร็วกินปลาช้าต่างหาก
    ไอน์สไตน์เคยประกาศเป็นสัจธรรมเอาไว้น่าฟังมากๆ ว่า
    If you always do what you always did, you will always get what you always got.
หรือ
    Insanity is doing the same thing over and over again and expecting different results.
    "ถ้าคุณทำอะไรเหมือนเดิมซ้ำแล้วซ้ำแล้ว และคาดหวังว่าผลที่ออกมาจะแตกต่างไปจากเดิม คุณก็บ้าแล้ว"!
    ผมเปิดคลิป Suthichai Live ที่คุยกับคนทุกวัย ทุกอาชีพ ทุกสถานการณ์ และทุกแนวความคิดอ่านให้พวกเขาและเธอได้เห็นว่าถ้าไม่ลงมือทำเอง ก็อย่าได้บ่นว่าไม่รู้จะทำอย่างไร
    Just do it! ผมบอกกับคนข่าวทุกคนทั้งในไทยและทั่วโลก
    ลงมือทำเลย เพราะ "เดี๋ยวทำ" กับ "ทำเดี๋ยวนี้" เป็นคนละโลก
    และวลีที่ว่า "ค่อยทำค่อยไป" หรือ "ทำไปทีละขั้นละตอน" นั้นใช้ไม่ได้กับโลกวันนี้ที่ทุกอย่างผันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง
    อีกทั้งยังไม่มีใครบอกได้ว่าความเปลี่ยนแปลงจะมาในรูปไหน และสูตรสำเร็จในอดีตจะใช้กับวันนี้หรือพรุ่งนี้ได้หรือไม่
    ใครจะอยู่รอดจึงต้องพร้อมจะล้มเหลว...ล้มเหลวบ่อยๆ และล้มเหลวให้เร็วเพื่อจะได้ลุกขึ้นมาให้ได้เร็วที่สุด
    ที่สำคัญคือจะต้องล้มไปข้างหน้า ไม่ใช่ล้มไปข้างหลัง
    เพราะล้มไปข้างหลังคือการถอย แต่ล้มไปข้างหน้าคือการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะได้ไม่ทำความผิดพลาดเดิมๆ อีก.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"