สสส.-สำนักพิมพ์bookscape-dtac จัดPublic Forumเจาะลึกจิตวิทยาเด็ก


เพิ่มเพื่อน    

 

             สสส.-สำนักพิมพ์ bookscape-dtac จัด Public Forum ขับเคลื่อนความรู้ด้านการสร้างเสริมสุขภาวะเด็กและครอบครัว พบกับ 3 หมอและนักจิตวิทยาเด็กเจ้าของเพจชื่อดัง แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ dtac house ซึ่งติดอันดับ 1 ใน 10 workplace ที่สำนักข่าว CNN เลือก สสส.สนับสนุนการสานพลังให้สังคม สร้างพื้นที่ The Potential ให้เป็นจริง เจาะลึกระหว่างบรรทัดของหนังสือจิตวิทยาเด็กที่น่าสนใจ

                สสส.ร่วมกับสำนักพิมพ์bookscape และ dtac จัดกิจการเสวนาสาธารณะ Public Forum  ภายใต้โครงการขับเคลื่อนความรู้ด้านการสร้างเสริมสุขภาวะเด็กและครอบครัว และการพัฒนาศักยภาพเยาวชนเรื่อง “เปิดโลกจิตวิทยาเด็ก ไขปัญหาและการแลกเปลี่ยนความรู้ใหม่” ณ ห้อง Library ชั้น 32 ดีแทคเฮาส์ จามจุรีสแควร์ มีผู้สนใจลงทะเบียนล่วงหน้าถึง 600 ที่นั่ง ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นที่คนรุ่นใหม่ส่งมอบความรู้จิตวิทยาที่เป็นความรู้พร้อมมอบหนังสือจิตวิทยาเด็กความรู้ฉบับพกพานำติดตัวกลับบ้านกันทุกคน

                พบกับ 3 หมอและนักจิตวิทยาเด็กเจ้าของเพจชื่อดัง พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร (หมอโอ๋) กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล เจ้าของเพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน ผศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ (หมอวิน) กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านโลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็ก รพ.เวชธานี เจ้าของเพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ เมริษา ยอดมณฑป นักจิตวิทยาด้านเด็กและครอบครัว เจ้าของเพจตามใจนักจิตวิทยา ดำเนินรายการโดยทิพย์วิมล เกียรติวาทีรัตนะ ร่วมเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผูเชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กที่จะมาเปิดมุมมองใหม่และไขทุกคำตอบเกี่ยวกับจิตวิทยาเด็ก และการเลี้ยงดูสำหรับพ่อแม่ยุคใหม่ พร้อมแนะนำหนังสือจิตวิทยาเด็ก ความรู้ฉบับพกพา กอสวามี อูชา แปลและจัดพิมพ์เป็นภาษาไทยโดย บ.บุ๊คสเคป จำกัด ตามข้อตกลงกับสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สุภลัคน์ ลวดลาย และวรัญญู กองชัยมงคล ผู้แปล

                ณัฐยา บุญภักดี ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. กล่าวขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่สนับสนุนโครงการนี้ในการนำความรู้ใหม่ๆมาเผยแพร่ทำให้เยาวชนพัฒนาเต็มศักยภาพ พันธมิตรร่วมกับสำนักพิมพ์ bookscape ถ่ายทอดเรื่องจิตวิทยาเด็กด้วยภาษาที่เข้าถึงง่าย dtac เจ้าของสถานที่ซึ่งอาคารนี้มีหลายมุมเกื้อกูลต่อการใช้ชีวิตของพนักงานและลูกๆ ของพนักงาน มีมุมเล่นพักผ่อนทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดี สสส.สนับสนุนการสานพลังให้สังคม ไม่ต้องบ่นว่าเด็กของเราขาดโอกาสในการใช้ชีวิตของครอบครัว เพราะพ่อแม่ไปทำงาน ทั้งหมดนี้เริ่มต้นด้วยที่ตัวเราสร้างพื้นที่ The Potential ให้เป็นจริง

                อรอุมา ฤกษ์พัฒนาพิพัฒน์  ผอ.อาวุโสสื่อสารองค์กรและการพัฒนาอย่างยั่งยืน บ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ dtac  dtac house ติดอันดับ 1 ใน 10 workplace ที่สำนักข่าว CNN เคยเลือกเมื่อ 3 ปีก่อน สำหรับพนักงานมี creative space ที่จะสร้างสรรค์งาน แต่เดิมไปนั่งทำงานที่ร้านกาแฟมี barristor ชงกาแฟ ตอนนี้ผู้บริหารสละพื้นที่ห้องทำงานส่วนตัว CEO มานั่งทำงานร่วมกับพนักงานคนอื่นๆ ที่นี่ไม่มีไซโล ทำงานกระจายอยู่ในบริษัท ทุกคนไม่มี Title ไม่มี head เพียงแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไหน ถ้าใครมีครอบครัวก็สามารถยืดหยุ่นเวลาทำงาน ไปรับลูกมาไว้ที่ทำงานซึ่งปลอดภัย ที่นี่แม่คลอดลูกลางานได้ 6 เดือน เป็น workplace แห่งเดียวในเมืองไทยและยังอนุญาตแม่ที่ยังตองให้นมลูกด้วยการจัดห้องส่วนตัวให้ด้วย ทั้งนี้ยังได้มีการลงนามความร่วมมือกับ UNICEF บริษัทเป็นมิตรต่อเด็กและเยาวชน E-Game Brand ให้ความรู้กับเด็ก พร้อมรับมือกับความเสี่ยงบนโลกออนไลน์

                ระหว่างบรรทัดของหนังสือจิตวิทยาเด็กที่น่าสนใจ “การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดสำหรับเด็กเล็กต้องอาศัยปัจจัยต่างๆ ที่ใช้ได้กับเด็กทุกคน เวลา ความอดทน และความรัก การศึกษาด้านจิตวิทยาเด็กแสดงให้เห็นว่า ความอบอุ่นและการเตรียมพร้อมตอบสนองอย่างทันท่วงที ถือเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่พัฒนาการขั้นสงสุด การเตรียมพร้อมตอบสนองอย่างทันท่วงที มุ่งเน้นไปยังจุดที่เด็กสนใจ แม้แต่ทารกที่อายุน้อยก็ไม่ได้เป็นผู้เรียนรู้ที่คอยให้ผู้อื่นป้อนข้อมูลเพียงอย่างเดียว ทารกกระตือรือร้นที่จะเลือกสิ่งที่ตนสนใจและพยายามกระตุ้นความสนใจของผู้อื่นด้วย ถ้ามีการใช้คำพูดว่า “เงียบนะ หนูไม่ต้องเล่นตอนนี้หรอก” นับว่าไม่ช่วยสนับสนุนพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็ก เด็กที่ถูกละเลย เพิกเฉย หรือไม่ได้รับความอบอุ่นอย่างต่อเนื่อง มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะบกพร่องทางสังคม สติปัญญา และผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ

                หนึ่งในช่วงเวลาสำคัญในกระบวนการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งของเกิดขึ้นเมื่อทารกฉวยจับสิ่งของได้อย่างถนัดมือ เด็กเรียนรู้เมื่อสามารถบังคับควบคุมสิ่งของต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง การที่เด็กสามารถหยิบจับสิ่งของได้จะช่วยกระตุ้นให้เรียนรู้ได้ไวขึ้น การเคลื่อนไหวหรือกระทำสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ เด็กทารกคือนักวิทยาศาสตร์ รวมไปถึงการถอดปลั๊กเครื่องดูดฝุ่นขณะใช้งาน หรือทดลองกดปุ่มโทรทัศน์หรือเครื่องเล่นดีวีดีในช่วงที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

                ปกติแล้วทารกที่นอนในเปลจะใช้เวลาส่วนใหญ่ยกขาถีบเตะ เมื่อผูกริบบิ้นไว้กับโมบายแขวนเหนือเปล โมบายเคลื่อนไหวและส่งเสียงดนตรี ทารกเรียนรู้อย่างรวดเร็วที่จะเตะเท่าในอัตราที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้โมบายเคลื่อนไหวและส่งเสียงดนตรี ทารกเรียนรู้อย่างรวดเร็วที่จะเตะเท้าในอัตราที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้โมบายเคลื่อนไหว เมื่อนำทารกกลับมาในเปลที่มีโมบายแบบเดิมและวัดอัตราการเตะเท้าอีกครั้ง แม้โมบายจะไม่เคลื่อนไหวแล้ว แต่ทารกวัย 3 เดือนยังเตะเท้าถี่ขึ้นมากเมื่อเทียบกับอัตราการเตะพื้นฐาน แสดงให้เห็นว่าทารก จดจำความสัมพันธ์เชิงเหตุผลได้

                การไปโรงเรียนทำให้เด็กต้องเผชิญข้อเรียกร้องใหม่ๆ อันหนักหนาสาหัส นอกจากการเรียน การใช้เหตุผล และการจดจำ จะเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมทั่วไปในชีวิตประจำวันแล้ว หากอยากมีผลการเรียนดี เด็กต้องพัฒนาความรู้เกี่ยวกับทักษะการประมวลผลข้อมูล ความจำฉันดีแค่ไหน เด็กยังต้องรู้จักสังเกตความสามารถทางปัญญาของตนเอง โรงเรียนต้องการให้เด็กพัฒนาความรู้เกี่ยวกับความสามารถทางปัญญาในด้านต่างๆ ที่จำเป็นต่อการบ้านที่ได้รับมอบหมายในชั้นเรียนแต่ละวิชา งานวิจัยทางจิตวิทยาแสดงให้เห็นว่าทักษะทางอภิปัญญาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงอายุ 3-7 ปี

                “สมองของทารกเรียนรู้ภาษาได้อย่างไร? คำถามแบบใดที่จะช่วยกระตุ้นให้เด็กจดจำได้แม่นยำขึ้น? เหตุใดเด็ก 6 ขวบจึงแก้ปัญหาบางอย่างได้ดีกว่าผู้ใหญ่? ระดับ “ความมั่นคง” ของความผูกพันส่งผลอย่างไรต่อพัฒนาการเด็ก? โลกของจิตวิทยาเด็กคือแดนพิศวงที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ไร้ขอบเขต จิตวิทยาเด็ก:ความรู้ฉบับพกพา คือกุญแจไขสู่โลกมหัศจรรย์ในสมองของทารกไปจนถึงวัยรุ่นตอนต้น โดยครอบคลุมทั้งพัฒนาการทางร่างกาย สติปัญญา พฤติกรรมทางสังคม รวมถึงแง่มุมซับซ้อนอย่างการเรียนรู้ภาษา การใช้เหตุผล หรือจริยธรรม.

 

 

           เมริษา (เม) ยอดมณฑป นักจิตวิทยาด้านเด็กและครอบครัว เจ้าของเพจตามใจนักจิตวิทยา เล่าว่า ปัญหา Top ของวัยรุ่นที่เข้ามาปรึกษาคลินิกวัยรุ่นคือการตั้งความหวังมากเกินไป การควบคุมอารมณ์ มีน้ำใจ รู้จักการแบ่งปัน เด็กต้องเรียนรู้ผ่านการเห็นตัวเอง เด็กเอาแต่ใจตัวเองเพื่อทำให้รู้ว่าเรามีตัวตน เรียนรู้ที่จะเผื่อแผ่สู่โลกภายนอก การที่ลูกโวยวายเอาแต่ใจเป็นปัญหาคลาสสิกของพ่อแม่ ด้วยความคาดหวังสูง แต่ลงทุนน้อย เด็กเติบโตอยู่ในวัยตั้งต้นของชีวิต คุ้มค่ามากที่สุด ในฐานะพ่อแม่มีตัวเองเป็นคนสำคัญในชีวิตลูก พ่อแม่หลายคนไม่เข้าใจ เด็กวัยรุ่นมีปัญหาเกิดจากความสัมพันธ์ย่ำแย่ พ่อแม่พูดอย่างทำอีกอย่าง พ่อแม่ไม่ค่อยฟังเรื่องที่ลูกพูด ทำให้ลูกห่างจากพ่อแม่มากขึ้นเรื่อยๆ ลูกมีเพื่อนมี facebook มียอด like สูง ดึงความสุขให้เข้าไปอยู่กับเพื่อน ออกไปจากชีวิตจริงๆอยู่กับเกมออนไลน์

                การที่จะสร้างเด็กวัยรุ่นให้มีคุณภาพ สมองต้องมีการพัฒนาสร้างใยประสาท นิสัยต้องใช้เวลา การลงทุนสร้างเด็กมีสมองอย่างมีคุณภาพต้องผ่านการเลี้ยงดูตั้งแต่วัยเด็ก บ้านที่ปากกัดตีนถีบอยากเลี้ยงลูกแบบ full time ก็ต้องใช้ระบบบริหารจัดการที่ดี

                “เมเป็นนักจิตวิทยา ไม่ใช่จิตแพทย์ ถ้าลูกมีอาการป่วยเกี่ยวกับสารเคมีในสมองต้องพบจิตแพทย์เพื่อให้คำแนะนำ ต้องใช้เวลาในการบำบัด ปรับพฤติกรรม การที่พ่อแม่เลือกความรู้ให้ตรงใจเรา แต่ไม่เหมาะสมกับลูก เด็กต้องการความเชื่อใจและมีความเชื่อมั่นในตัวพ่อแม่ ในช่วง 3 ปีแรกเป็นช่วงการทดสอบร่างกาย เด็กเห็นเป็นของเล่นแม้แต่อาหาร พัฒนาการคือการทดสอบกล้ามเนื้อมัดเล็ก กล้ามเนื้อมัดใหญ่ การจัดเตรียมพื้นที่ ใช้คำพูดห้าม หยุดน้อยที่สุด แต่ควรใช้คำพูดที่เป็นการส่งเสริมให้เด็กมั่นใจและภาคภูมิใจในตัวเอง”

                มีคำถามหนึ่งพ่อแม่ปากกัดตีนถีบในขณะที่ต้องไปทำงาน จำเป็นต้องเลี้ยงลูกเอง ก็ต้องใช้เวลาอย่างมีคุณภาพมีสายสัมพันธ์ที่ดีให้ลูกเล่นตามวัย อ่านหนังสือนิทาน สอนให้อดทน รอคอย ช่วยเหลือตัวเองได้ตามวัย ทำงานบ้านด้วยกัน การเตรียมความพร้อมให้ลูกคือรักษาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น คำพูดของเราเป็นเพียงลมปากเท่านั้น พ่อแม่มีอยู่จริงและจะอยู่ตรงนี้เพื่อลูกเสมอ แม้ในวันที่ลูกหันหลังออกไปเผชิญโลกภายนอกแล้วก็ตาม พ่อแม่ปัจจุบันร่างกายมีจริง แต่จ้องอยู่หน้าจอแต่หัวไปทางอื่น ในขณะที่ลูกต้องการทั้งตัวและหัวใจของเรา ส่วนใหญ่แล้วพ่อแม่ไม่มีอยู่จริง ไม่มีเวลาให้ลูกจริง ทั้งๆ ที่เป็นวัยตั้งต้นของชีวิตลูกซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก

                เมเติบโตมากับรายการเจ้าขุนทอง จิ๋วแจ๋วเจาะโลก ตื่นนอน 7 โมงเช้าดูการ์ตูนช่อง 3 ช่อง 7 เด็กจะคุยกันเรื่องโปเกมอน ไม่ว่าเด็กจะรวยมากหรือเด็กจน เราก็ดูรายการทีวีที่เหมือนๆ กัน ทุ่งแสงตะวัน super จิ๋ว มณี 7 สี สมัยก่อนนั้นการโหลดเกมต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมงกว่าจะได้เล่นเกม แต่ยุคนี้โหลดได้ดู ได้ทันที ความรวดเร็วจึงเป็นเรื่องน่ากลัวมากๆ เด็กรอคอยไม่ได้เพราะทุกอย่างรวดเร็ว พ่อแม่ตอบสนองเมื่อลูกร้องก็ยื่น iphone ให้ เงียบ เด็กไม่รับรู้การเล่านิทาน จริงๆ แล้วลูกเลือกพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่มีเวลาในการสอนและเล่นกับลูก

                หลักสูตรการเรียนการสอนมีการวัดผลเหมือนกันทั้งหมดทั่วทั้งประเทศ เป็นการตัดสินกันด้วยมาตรฐานเดียว เด็กอนุบาลเด็กอายุ 2 ปี มีสมาธิเพียง 5-7 นาที แต่บาง รร.ให้นั่งเรียนเป็นชั่วโมง แค่อ่านนิทานให้ฟังเพียง 1 เล่มก็ยังอ่านไม่จบ เด็กอายุ 2-7 ปี พ่อแม่ควรสร้างความภาคภูมิใจให้กับเด็กที่ช่วยเหลือตัวเองได้ เด็กบางคนทอดไข่เจียว ติดกระดุมเสื้อได้ เด็กบางคนก็พูดจาข่มกันเอง เด็กที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ก็ไม่ได้รับการยอมรับ ถูกเพื่อนๆ ใช้คำพูดว่า “ชักช้า ใส่รองเท้าเร็วๆ สิ” วิธีที่จะสอนเด็กใส่รองเท้าเองได้นั้น พ่อแม่ต้องลงมือทำให้ลูกดู เพื่อเขาจะได้ทำเอง แต่ถ้าพ่อแม่ทำให้ลูกตลอดเวลา ดูเหมือนจะใจดี แต่เป็นการทำร้ายลูก พ่อแม่ต้องเคียงข้างลูกที่จะให้ลูกพึ่งพาตัวเองได้

                บางครั้ง รร.ฝึกฝนให้เด็ก 2-7 ขวบอ่านออก เขียนได้ คัดลายมือสวยงาม เหมือนกับบังคับเด็กให้วิ่งมาราธอน พ่อแม่ก็ต้องพลอยวิ่งหอบแฮ่กๆ ไปด้วย คนจะตายก่อนก็คือพ่อแม่ ก่อนที่เด็กจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ถ้าอยากให้เด็กนิ่งก็ต้องค่อยๆ สอน มีเวลาพักเมื่อต้องทำงานยากมากขึ้น การสอนให้ลูกผูกเชือกรองเท้าเองก็ต้องค่อยๆ ซอยงานให้ย่อยลงเพื่อจะได้เข้าใจง่ายขึ้น การสอนเด็กให้รู้จักคำว่า “ดึง” “ผลัก” มีความแตกต่างกัน ครูสอนเด็กก็อย่าเร่งมากเกินไป ต้องเข้าใจว่าเด็กเพิ่งจะเรียนรู้โลก เด็กมีพลังงานเยอะก็จริงอยู่ แต่ก็รอเวลาระเบิดเหมือนกัน

                ผู้ใหญ่บางคนให้โอกาสเด็ก ถ้าเด็กไม่เก่งก็ไม่เป็นไร ไม่ดีที่สุดก็ไม่เป็นไร วันไหนที่เรารู้ว่าเรามีคุณค่าทำงานไปเพื่ออะไร แต่จะมีปัญหาถ้าทำเพื่อความคาดหวังในชีวิต เป็นทุกข์หนักที่ต้องแบกไว้ ถ้าหากละวาง เราไม่มีความสามารถที่จะแบกไว้ พ่อแม่บ่นว่า ตีลูก เลือกทางให้ลูกเดิน แต่เมื่อทำตามที่พ่อแม่เลือกไว้ให้แล้วกลายเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง การเลี้ยงลูกแต่ละคนไม่เหมือนกัน พ่อแม่ชอบพูดว่าอาบน้ำร้อนมาก่อน เป็นการตัดสินใจของพ่อแม่ เมื่อเด็กผิดหวังในชีวิตจะหาทางลงให้กับตัวเองอย่างไร ถ้ามีเพื่อนเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นสิ่งที่ดี รับฟังปัญหาและช่วยหาทางออกให้

                พ่อแม่ควรรับฟังความต้องการของลูก มากกว่าเป็นฝ่ายหยิบยื่นให้ทั้งหมด เด็กบางคนบอกพ่อแม่อยากจะขึ้นรถบีทีเอส เพราะอยากสัมผัสด้วยตัวเอง แต่พ่อแม่ไม่สนใจจะพาไปขึ้นรถบีทีเอส เด็กบอกกับครูว่าช่วยพาผมขึ้นรถบีทีเอส เพราะพูดกับแม่แล้วไม่ฟัง เรื่องเล็กๆ เหล่านี้ถ้ามีการรับฟังจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อไปในอนาคต ถ้าผิดพลาดด้วยตัวเอง อย่าแก้ไขแทนเขา แต่ช่วยเขาแก้ไข การที่ลูกทำผิดต้องไม่ซ้ำเติม พ่อแม่สร้างความเชื่อมั่นสร้างวินัยในตัวลูก.

 

 

บรรยายภาพ

(dtc0120)เมริษา (เม) ยอดมณฑป นักจิตวิทยาด้านเด็กและครอบครัว เจ้าของเพจตามใจนักจิตวิทยา

(dtc0223)เมริษา (เม) ยอดมณฑป นักจิตวิทยาด้านเด็กและครอบครัว เจ้าของเพจตามใจนักจิตวิทยา

(dtc0174)เวทีผู้อภิปราย

 

R:\ad.Jim-โฆษณา (ห้ามลบ)\สสส kid p4-6 ปี 62\เสาร์ 27 กค 62  /  ล้อมกรอบ(2)

(ล้อมกรอบ)(2)

                พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร (หมอโอ๋) กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี  ม.มหิดล เจ้าของเพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน

                หมอเจอคำถามบ่อยเรื่องการกินของเด็กที่เลือกกิน เด็กไม่เชื่อฟังคำสั่ง พ่อแม่พร่ำบ่น เด็กมีพฤติกรรมรุนแรง ตีพ่อตีแม่ ตีโพยตีพาย ใช้คำพูดด่าทอ ปัญหาเหล่านี้หมอพูดได้เป็นวันๆ ปัญหาเกิดจากพ่อแม่สมัยนี้เลี้ยงลูกไม่เป็น สิ่งเหล่านี้ฝึกฝนได้ ไม่มีใครเลี้ยงลูกเป็นตั้งแต่แรกเกิด

                เราไม่เข้าใจพัฒนาการตามวัยของเขา ถึงวัยที่เด็กใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก ไม่เคยฝึกหยิบจับอาหารได้เอง ได้ความรู้สึกในการกินอิ่ม เพราะพ่อแม่ไม่ได้ฝึกเด็กให้กินอาหารเอง พ่อแม่ป้อนแบบยัดเข้าปากและบ่น แม่อุตส่าห์ทำให้กินดีๆ การฝึกลูกให้กินอาหารเองนั้น พ่อแม่ต้องทำเป็นตัวอย่างให้ดู จับมือให้ถือช้อนตักอาหารเข้าปากอย่าง Happy เด็กบางคนเห็นอาหารเป็นของเล่นก็เอามือขยำข้าว แม่ก็หมดความอดทน มีการด่าทอกันขึ้น เด็กทุกข์ทรมานตอนกินอาหาร วิ่งไล่ตามให้กินอาหาร

                พ่อแม่ควรเข้าใจการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ปัญหาร้อยแปดพันอย่างที่ส่วนใหญ่พ่อแม่ทำให้ลูกมีปัญหา ทำให้ลูกมีความเชื่อมั่น พัฒนาการตามวัยที่ควรจะเป็น สถานศึกษาไม่เข้าใจเด็ก เร่งอ่านออก เขียนได้ เป็นการบั่นทอนการพัฒนาตัวตนของเด็ก ทางจิตวิทยาเราเรียนรู้ผ่านการเล่นด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ขยำดินน้ำมัน ฝึกเล่นกับธรรมชาติ ปีนต้นไม้สร้างใยประสาท สมองส่วนหน้าที่มนุษย์พัฒนามากกว่าสัตว์

                ความจำในเรื่องการใช้ภาษา ใช้ self control พัฒนาผ่าน working memory เป็น theory เสียงในใจของเด็ก เด็กควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น การที่ รร.บังคับให้เด็กคัดไทยลายมือสวยในวัยที่ยังไม่จำเป็น เพราะถึงวัยหนึ่งเด็กจะทำได้ทั้งหมดเมื่อ EF พร้อมแล้ว การที่เด็ก 3 ขวบบางคนเขียนลายมือได้ก็รอดตัวไป ครูไม่ด่า ไม่บ่น แต่เด็กบางคนอึดอัดคับข้องใจ เกลียดความรู้ เกลียดการบ้าน หนีเรียน หงุดหงิด อาละวาด เป็นการบั่นทอนศักยภาพ ดังนั้นการเลือก รร.อนุบาลให้ลูกรักขึ้นอยู่กับฐานะทางเศรษฐกิจของพ่อแม่ สิ่งสำคัญในการเลือก รร.ที่ไม่ต้องใช้เวลาในการเดินทางมาก ร.ฃร.ที่สอนให้เล่นเยอะๆ สอนวิชาการน้อยๆ เด็กจะพัฒนา EF ไปได้ไกลกว่า

                การเลี้ยงเด็กต้องมีสติ ตั้งใจที่จะฝึกฝน แต่หลายครั้งพ่อแม่มีความกังวล มีความกลัวเยอะมาก บางครั้งลูกเพิ่งจะหัดเดิน พ่อแม่กลัวลูกหกล้มมาก ถามหมอว่าจะต้องซื้อหมวกกันน็อกให้ลูกไหม สังคมรอบตัวมีภัยอันตรายน่ากลัว เราเลี้ยงลูกแบบละสายตาไม่ได้  รู้สึกว่าทุกอย่างล้วนอันตรายไปทั้งหมด ถ้าจะให้ลูกขึ้นรถ รร.รู้สึกว่าเป็นแม่ใจมารใจร้ายกับลูก แม่บางคนนอยมากลูกมีไข้ หมอก็ถามว่าเด็กถูกยุงกัดหรือเปล่า คุณแม่ก็ตอบว่าแม่ดูอยู่ตลอดเวลา ไม่มีทางที่ยุงจะกัดแน่ๆ แม่ที่มีความกังวลสูงมากทำให้เลี้ยงลูกแบบปกป้องมากเกินไป บางครั้งพ่อแม่กังวลว่าลูกโดนเพื่อนแกล้งจะทำอย่างไรดี ไม่ได้คิดที่จะหาคำตอบด้วยตัวเอง แต่เป็นการถามหมอเพราะง่ายดี บางครั้งพ่อแม่ก็ใช้ลูกเป็นทางลัดเพื่อตัวเองจะได้สบายในที่สุด

                เมื่อพาลูกเข้าระบบการศึกษา พาลูกสอบเข้า รร.ดีๆ พ่อแม่ตั้งเป้าหมายให้ลูกเรียนจบมหาวิทยาลัย หมอเจอลูกศิษย์ที่ upset ในชีวิต ฆ่าตัวตาย บางคณะสอบเข้าก็ยาก แต่เมื่อเรียนจบแล้วตกงาน 50% โลกของเด็ก 10-20 ปี ปริญญาไม่มีความหมาย เพราะยุคนี้เรียนกันทางออนไลน์ ใครมีความเชี่ยวชาญกว่าคนอื่นก็มีช่องทางหารายได้ มีกำไรดี ในเมืองไทยมีอาหารอร่อยมากมาย ฝึกเด็กคิด วิเคราะห์ทำงานเป็นทีม ไม่ต้องกดดันลูกสอบได้ที่ 1 พ่อแม่ชอบเปรียบเทียบลูกกับลูกข้างบ้าน เด็กรู้สึกเศร้าเมื่อเปรียบเทียบเด็กใน facebook คำพูดพ่อแม่ที่ต้องระวังมากๆ ทำไมลูกเราไม่มีอะไรให้โอ้อวดเขา

                การศึกษาต้องมีเป้าหมายค้นพบตัวเอง โลกทุกวันนี้กว้าง สัมผัสด้วยปลายนิ้วมือ เราต้องมี รร.ที่ฝึกวิธีคิด บางครั้งคนเรามองกันคนละมุม เด็กทำงานบ้านเป็นการฝึก EF ได้เป็นอย่างดี ฝึกให้มีความคิดยืดหยุ่นมีความท้าทาย  พ่อแม่บางคนสอนลูกขี่ม้า ก็จะถูกถามว่าไม่กลัวว่าลูกจะตกม้าหรือ พ่อแม่ตอบว่าก็กลัวเหมือนกัน แต่เป็นสิ่งที่เด็กจะได้รู้จักการปรับตัว เกิดความมั่นใจ การที่ให้เด็กอยู่ใน Comfort Zone พ่อแม่ไม่ปล่อยลูกกล้าที่จะทำอะไรด้วยตัวเอง เพราะพ่อแม่มีความรักและกลัวว่าลูกจะเสี่ยงจนเกินไป

                เด็กบางคนมีจิตใจเปราะบางมาก รักตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองแย่เมื่อเห็น facebook ความสุขของครอบครัวอื่น พ่อพาไปเที่ยว ไม่ยอมกด like แต่เมื่อกลับมามองตัวเองว่าไม่มีอะไรในชีวิต เรากลับเป็นทุกข์ เราต้องสร้างเด็กให้มีภูมิต้านทานที่ดี มีวิธีจัดการความรู้สึกที่แย่ๆ มีคนรับฟังปัญหาในชีวิต พ่อแม่ควรสนใจและรับฟังปัญหาของลูกเยอะๆ และไม่ต้องไปตัดสินเขา เพราะลูกต้องการพ่อแม่ในช่วง 10 ขวบปีแรก แต่เมื่อโตขึ้น เขามีเพื่อน มีแฟน เขาอยากมีเวลาอยู่กับเพื่อน  อยู่กับแฟนมากกว่าที่จะอยู่กับพ่อแม่ จัดเวลากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา ช่วงเวลากินข้าวพูดคุยกันด้วยเรื่องจิปาถะ เป็นการสร้างสานสายใยรัก ในชั่วโมงนั้นเด็กจะเล่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต บางครั้งพ่อแม่ก็ต้องรู้จักบ้านเพื่อนด้วย เมื่อเกิดปัญหากับลูกสามารถตามเพื่อนของลูกได้ พ่อแม่บางคนไม่รู้จักเพื่อนลูก

                เราอยู่กับระบบ รร.แบบเดิมๆ มาแล้ว 30 ปี อย่ารอรัฐบาล นักการเมือง หมอทำงานกับกระทรวงมาเยอะ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงตามระบบการเมือง เรามาทำงานกันด้วยตัวเอง พัฒนาหลักสูตรสอนครูต้นแบบใหม่ๆ ให้ครูมีศักยภาพ ไม่หวังพึ่งพาระบบที่สูงขึ้น พ่อแม่ที่มีความสามารถเลี้ยงลูกในระบบ homeschool เป็นครูที่ดีของลูก อะไรที่ทำได้ลงแรงทำด้วยตัวเอง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ถึงคนอื่นด้วย ลูกเรามีความสุข สร้างเด็กให้เป็นคนของชุมชน. 

บรรยายภาพ

(dtc0089) พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร (หมอโอ๋) กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น

(dtc0217)พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร(หมอโอ๋) กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น

 

R:\ad.Jim-โฆษณา (ห้ามลบ)\สสส kid p4-6 ปี 62\เสาร์ 27 กค 62  /  ล้อมกรอบ(3)

(ล้อมกรอบ)(3)

                ผศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ (หมอวิน) กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านโลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็ก รพ.เวชธานี เจ้าของเพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ

                กล่าวถึงวิธีเลี้ยงลูกเด็กเล็ก Gen z อัลฟา โดย Gen Y เห็นถึงการแก้ไขปัญหาแบบไม่อดทน โลก Social ง่าย ใช้เครื่องมือแทนการลงมือทำด้วยตัวเอง พ่อแม่ยุคใหม่ที่อดทนรอไม่ได้ ยิ่งเป็นยุค wifi แรงมาก ดึงสมาธิที่ควรจดจ่อเพื่อให้เล่นตามวัย กลายเป็นนั่งมองหน้าจอสื่อสารทางเดียว การเลี้ยงลูกเหมือนกับการวิ่งมาราธอน พ่อแม่ต้องมีสุขภาพจิตที่ดีจะส่งผลถึงลูกด้วย ลูกบางคนขอของเล่นเป็น ipadทแทนที่จะเป็นขนม cup cake เหมือนเด็กสมัยก่อน เด็กไม่ได้เล่นตามวัยอยู่แต่หน้าจอ ipad

                รร.ที่เหมาะสำหรับเด็กก็คือ รร.ทางเลือก เล่นอย่างเดียว ส่วนใหญ่พ่อแม่ก็เลือก รร.แบบนี้ไม่ได้ เพราะแพงเกินกว่าที่จะเลือกให้ลูกได้เรียน เข้าเรียน รร.ธรรมดาวิชาการทั่วไป การที่เด็กถูกเร่งเรียน แต่เมื่อกลับบ้านเล่นแบบไม่มีเงื่อนไขจนถึงเที่ยงคืนตี 1 ก็ไม่ควร พ่อแม่คอยสังเกตว่าเด็กสนใจอะไร เขาใช้จินตนาการอย่างไร ไม่จำเป็นต้องซื้อของเล่นราคาแพง พ่อแม่คือของเล่นที่ดีที่สุดสำหรับลูก อยู่ที่ว่าพ่อแม่ใจถึงแค่ไหน ถ้าเขาอยากจะเล่นมีด ของมีคม จะปีนต้นไม้ เป็นการกระตุ้น EF มากที่สุดก็คือลูกแขนหัก เรื่องนี้นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ เคยพูดไว้ว่า ความใจถึงแต่ละบ้านต่างกัน เลือกที่พอเหมาะของแต่ละบ้าน

                พ่อแม่ให้ความรัก แต่ก็ต้องมีเงื่อนไขด้วย ถ้าเล่นนานเกินไปก็อดฟังนิทานก่อนนอน ให้มีความรับผิดชอบที่จะดูแลตัวเองได้ และเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง เมื่อพ่อแม่อยู่บ้านก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูก อยู่กับเขานานๆ อย่างมีคุณภาพ ให้ความรักและสนับสนุนลูกอย่างเต็มที่

                “หมอกล้าที่จะปล่อยให้ลูกเล่นน้ำฝน ทุกวันนี้หุ่นยนต์เข้ามาแทนที่มนุษย์ ลูกจะชนะ AI ได้อย่างไร การที่ให้เด็กมีงานอดิเรกทำเพื่อความอยู่รอด มีความสุข เป็นความดี ไม่ต้องเศร้าเหงาหงอย บางคนเลือกเล่นกีตาร์ บางคนมี Job fulfillment รู้จักตัวเองว่าต้องการทำอะไร มีความอดทนในอนาคต รักตัวเอง ทำให้ตัวเองอยู่รอด ลูกมีความสุขกับชีวิต มีความอดทนพอที่จะทำงานให้ประสบความสำเร็จได้ สายใยรักที่มั่นคง พ่อแม่มีอยู่จริง สร้างลูกให้อยู่รอดปลอดภัยในอนาคต”

                เด็กแต่ละคนมีความถนัดไม่เหมือนกัน ระบบสอบแข่งขันแพ้คัดออก เพราะเด็กแต่ละคนมีความถนัดที่ไม่เหมือนกัน เด็กบางคนเจ้าทฤษฎี บางคนเก่งคำนวณ บางคนเหมือนฤาษีชอบนั่งมอง เราต้องมีวิธีการส่งเสริมให้เด็กพัฒนาอย่างที่ควรจะเป็น บางคนชอบดนตรีก็ส่งเสริมให้เล่นดนตรีที่บ้าน เพื่อฝึกความมั่นใจในตัวเอง มีความอดทนและอยู่รอดในระบบการศึกษา.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"