อาการหนัก!'นคร'เรียกร้อง'พลเอกประยุทธ์'พิจารณาตัวเองด้วยการลาออก


เพิ่มเพื่อน    

27 ก.ค.62 - นายนคร มาฉิม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย  โสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้

รัฐบาลประยุทธ์ ไม่มีความชอบธรรม ที่จะบริหารราชการแผ่นดินแล้ว หลังจากการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาเสร็จสิ้น

ได้ติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาอย่างใกล้ชิด วิเคราะห์ ตรวจสอบข้อมูล จากการอภิปรายของทุกฝ่ายทั้งรัฐบาล สส.ฝ่ายรัฐบาล สส.จากพรรคการเมืองฝ่ายค้าน 7 พรรคและ สมาชิกวุฒิสภาที่คสช. แต่งตั้งมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ปราศจากอคติ เอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง เห็นเป็นเบื้องต้นว่า

พลเอกประยุทธ์ ไม่มีความชอบธรรม ไม่มีความสง่างาม ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะ มีที่มาไม่ชอบธรรมตั้งแต่ต้น เนื่องจากพลเอกประยุทธ์กับคณะได้ร่วมกันทำการรัฐประหารยึดอำนาจประชาชนมา ในทางกฎหมายอาญาถือเป็นโจรกบฏ มีโทษประหารชีวิต พฤติกรรมปรากฏชัดเจนว่าได้สมคบคิดกัน วางแผนกันเพื่อยึดอำนาจประชาชน ก่อนจะยึดอำนาจนานถึง 3 ปี ได้ร่วมกันสร้างสถานการณ์ กับพวกพ้องฝ่ายเผด็จการยึดอำนาจ จนสำเร็จเมื่อปี57

จากนั้นได้ให้ลิ่วล้อบริวาร บรรดานักกฎหมาย นักวิชาการที่ขายตัว ขายอุดมการณ์รับใช้เผด็จการ เพื่อยศ ตำแหน่ง เงินทอง ผลประโยชน์ ช่วยกันตรากฎหมาย ที่ไม่มีความชอบธรรม ไม่เป็นกลาง ไม่เป็นประชาธิปไตยเอาเปรียบ นักการเมืองและพรรคการเมืองอื่น จนสามารถสืบทอดอำนาจ เป็นเผด็จการในเสื้อคลุมประชาธิปไตย สำเร็จตามคำอภิปรายของ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายวันมูฮัมหมัด นอ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ พลเอกประยุทธ์ ไม่สามารถตอบคำถามได้อย่างชัดเจน ตรงไปตรงมาคำตอบของพลเอกประยุทธ์เป็นการโกหกกลางสภา ขัดแย้งกับความจริงที่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดแจ้ง ในเชิงประจักษ์ เท่ากับเป็นผู้ร้ายปากแข็ง โกหกคนไทยทั้งประเทศ ไม่รวมถึงการแสดงกิริยาอาการ คุกคาม ข่มขู่ การใช้วาจาไม่สุภาพ ที่ไม่ให้เกียรติต่อผู้แทนปวงชนชาวไทย

อีกทั้งเมื่อได้ถอดเทป การถวายสัตย์ ปฏิญาณต่อองค์พระประมุข ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ยิ่งเห็นถึงการกระทำที่ไม่บังควร ไม่ถูกต้องครบถ้วน ตามโบราณราชประเพณี และตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหลายๆประการ ของพลเอกประยุทธ์ 
ยังไม่รวมถึงบรรดาพรรคการเมืองแกนนำฝ่ายรัฐบาล ได้หาเสียงเลือกตั้งและประกาศนโยบายเลิศหรูเพื่อให้คนไทยหลงเชื่อ เช่น 

ต้องขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 400-425 บาท.

ปริญญาตรี 20,000 บาท ปวส. 18,000 บาท 

บัตรคนจนจาก 300 บาทเป็น 500 บาท 

ปาล์มน้ำมันไม่น้อยกว่า กิโลกรัมละ 5 บาท 

ยางพาราต้องไม่น้อยกว่ากิโลกรัมละ 60-65 บาท 

มารดาประชารัฐ 180,000 บาท

และอีกหลายๆนโยบายอาจเป็นเพียงนโยบายขายฝัน หลอกลวงประชาชนเพื่อให้เลือกพวกตนเองมาเป็นรัฐบาล เมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้วก็อ้างเวลา และเหตุผลสารพัดที่จะบ่ายเบี่ยงไม่ทำตามสัญญาที่หาเสียงไว้ หากไม่ทำ หรือทำไม่ได้ก็เป็นการหาเสียงเลือกตั้งที่โกหกหลอกลวงประชาชน เมื่อไม่ทำตามสัญญา ไม่ได้บรรจุอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม ในนโยบายของรัฐบาล จึงหมดความชอบธรรมที่จะบริหารราชการแผ่นดิน และจะต้องเดินไปสู่กระบวนการยุบพรรค เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่พรรคการเมืองหาเสียงโดยการหลอกลวงประชาชน

อีกประการหนึ่งรัฐบาล และพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ดูจะไม่มีความจริงใจ ที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เป็นประชาธิปไตย เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการคสช ปี60 นี้ พวกเขาได้ประโยชน์สูงสุด ตามที่แกนนำฝ่ายรัฐบาลหลายคนพูดตรงกันว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ดีไซน์มาเพื่อพวกเขาเท่านั้น ให้เป็นรัฐบาล 

ข้ออ้างที่ว่าจะให้มีการศึกษาเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมก็เพียงเพื่อหลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อว่าจะแก้ไข เสนอแก้ไขแล้วนะ น่าจะเป็นเพียงทำพอเป็นพิธี ไม่ให้ถูกด่าว่าตระบัดสัตย์ ทรยศต่อประชาชนเท่านั้นแต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งโครงสร้างให้เป็นประชาธิปไตยนั้น ประชาชนอย่าคาดหวังที่จะได้เห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการคสช นี้ จากรัฐบาลนี้และพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลนี้ เพราะพวกเขาได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากรัฐธรรมนูญเผด็จการคสชฉบับนี้

ส่วนสมาชิกวุฒิสภาหลายคน มีความรู้ความสามารถสูง อภิปรายดี มีเนื้อหาสาระมาก หากแต่โดยโครงสร้างอำนาจและที่มาของพวกท่านมาด้วยการแต่งตั้งของเผด็จการคสช. พวกท่านจึงเลือก เผด็จการ คสช เป็นนายกรัฐมนตรี และ พวกท่านก็เป็นเสาคำ้ยันให้เผด็จการ ทหารคสช สืบทอดอำนาจต่อไป ต่อให้พวกท่านจะอภิปรายดีเพียงใด บทสรุปสุดท้าย พวกท่านคือพวกเผด็จการ ที่ไม่มีความชอบธรรม เป็นตราบาปของวงศ์ตระกูลท่านชั่วลูกชั่วหลานว่า พวกท่านคือลิ่วล้อบริวารของเผด็จการ มามีตำแหน่ง มีเงินเดือน มียศ อำนาจบรรดาศักดิ์ จากการรับใช้ระบอบเผด็จการที่ ทำลายอำนาจของประชาชนและประชาธิปไตยเท่านั้น

และจากการอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคฝ่ายค้าน หลายท่าน เช่น นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ นายชลน่าน ศรีแก้ว นายสุทิน คลังแสง นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร และอีกหลายๆท่าน ที่ชี้ให้เห็นถึง การที่รัฐบาลเผด็จการเอื้อประโยชน์ให้ทุนผูกขาดไม่กี่ตระกูล ร่ำรวยมหาศาล ในขณะที่คนส่วนใหญ่ยากจน มีหนี้สินล้นพ้นตัว การให้สิทธิพิเศษ ในโครงการเมกโปรเจค ต่างๆ การให้ชนชาติอื่นสามารถเช่าที่ดินในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC ถึง 99 ปี เหมือนกับการขายชาติ การให้สิทธิพิเศษสำหรับนักลงทุนต่างประเทศโดยไม่มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี จะกลายเป็นข้อจำกัดในการพัฒนาประเทศ ที่คนไทยเราจะเป็นเพียงแรงงาน แต่ไม่สามารถเป็นผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการได้ในอนาคตซึ่งถือเป็นเรื่องน่ากังวลใจอย่างยิ่ง

และหลายท่านอภิปรายถึงการกระจายอำนาจ และ งบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐบาลเผด็จการชุดนี้ ไม่มีความจริงใจ ในการกระจายอำนาจ กลับมีแนวโน้มรวบอำนาจ กระชับอำนาจมาไว้ที่ส่วนกลางมากยิ่งขึ้น องค์กรปกครองท้องถิ่นควรจะตระหนักเรื่องนี้ ไม่รวมถึงการทุจริต คอรัปชั่นที่หนักหน่วงรุนแรงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์นับแต่มีการยึดอำนาจโดยพลเอกประยุทธ์และคณะ คสช เป็นต้นมา

"พลเอกประยุทธ์ ท่านควรจะพิจารณาตัวเองลาออกไป อย่าเอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง อย่าขัดขวาง ทำตัวเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศไทยของเราเลย คืนความถูกต้อง ความเป็นธรรม คืนประชาธิปไตยให้คนไทยและประเทศไทยได้แล้ว"


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"