จับตา รมต.ต่างประเทศมหาอำนาจ จิบกาแฟถกนอกรอบในกรุงเทพฯ


เพิ่มเพื่อน    

            สัปดาห์นี้กรุงเทพฯ จะเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางการเมืองระหว่างประเทศอีกรอบหนึ่ง

                การพบปะระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่เมืองไทยจะตามมาด้วยการเสวนากับรัฐมนตรีต่างประเทศของคู่สนทนาอีกหลายชาติ

                เรียกการประชุมประจำปีนี้ว่า Asean Regional Forum (ARF) ซึ่งเป็นการพูดคุยเรื่องความมั่นคงของภูมิภาคนี้เป็นประจำ...หนีไม่พ้นว่าปีนี้ประเด็นหลักคือเรืองเกาหลีหนือและทะเลจีนใต้

                เช่น รัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ ปอมเปโอ ของสหรัฐ กับรัฐมนตรีต่างประเทศ หวาง อี้ ของจีนจะมาพบกันที่นี่

                เดิมทีมีข่าวว่ารัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ รี ยองโฮ ก็ได้รับคำเชิญมาร่วมวงพูดคุยด้วย ทำให้เกิดการคาดการณ์คึกคักว่าประเทศไทยเราอาจจะเป็นเวทีสร้างสันติภาพโลกได้ทีเดียว

                เพราะหากรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ, จีน, เกาหลีเหนือ, เกาหลีใต้ รวมถึงรัสเซีย มาตั้งวงพูดคุยกันที่นี่, อาจจะสามารถทำให้เกิดการต่อยอดไปถึงการแก้วิกฤติโลกได้หลายประเด็น

                เช่น สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ

                และการบรรลุข้อตกลงเรื่องลดอาวุธนิวเคลียร์และการเลิกการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือ

                รวมไปถึงการสรุปข้อตกลงว่าด้วยหลักปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าในทะเลจีนใต้ระหว่างจีนกับอาเซียน

                แต่เมื่อ คิม จองอึน สั่งทดลองยิงจรวดพิสัยใกล้ลงทะเลตะวันออกเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้นเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองกับโดนัลด์ ทรัมป์ บรรยากาศของการพูดจาระหว่างคู่กรณีก็หดหายไปต่อหน้าต่อตา

                เดิมที่คิดว่าอาจจะให้รัฐมนตรีต่างประเทศมาปูทางเพื่อนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงระหว่างผู้นำสูงสุดก็เป็นอันต้องเลื่อนออกไปก่อน

                แต่ไทยเราก็ไม่ควรจะลดละความพยายามที่จะดำเนินวิเทโศบายทางการทูตระหว่างประเทศที่จะทำให้เรามีบทบาทเป็นผู้ประสานทุกฝ่ายให้กลับมานั่งโต๊ะเจรจาเพื่อคลายความตึงเครียดของโลกให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นช่วงปีนี้ที่เรายังมีตำแหน่งประธานอาเซียนหรือปีต่อๆ ไป

                เพราะหากเราฟื้นความเป็นตัวของตัวเราเองในเวทีระหว่างประเทศ ไทยก็สามารถจะเล่นบท “สายใยแห่งความเข้าใจกันและกัน” หรือ honest broker ได้เหมือนที่เราเคยเป็น “เพื่อนผู้น่าไว้วางใจ” สำหรับประเทศต่างๆ ในเวทีสากลมาแล้ว

                รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐจะมาถึงประเทศไทยวันพฤหัสฯ นี้ โดยมีกำหนดพบปะกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน และถือโอกาสเข้าพบนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เพิ่งรับตำแหน่งนายกฯ อีกรอบหนึ่ง

                ก่อนจะบินเข้าไทย ปอมเปโอได้ออกแถลงการณ์แสดงความยินดีต่อประเทศไทยที่มีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง และแสดงความพร้อมที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับสู่ภาวะเดิม อีกทั้งเสริมสร้างให้เหนียวแน่นขึ้นจากเดิม

                ในจังหวะเดียวกันผู้นำสหภาพยุโรปก็ออกแถลงการณ์แสดงความชื่นชมประเทศไทยที่ได้กลับสู่ระบอบประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่งหลังอยู่ใต้รัฐบาล คสช.มา 5 ปี

                แน่นอนว่าหลายฝ่ายมีคำถามว่า รัฐบาลใหม่ของไทยเป็น “ประชาธิปไตย” จริงแท้แค่ไหน เพราะยังมีรัฐธรรมนูญที่ทำให้อำนาจเก่าสามารถคงอำนาจเดิม หรือ “สืบทอดอำนาจ” ต่อเนื่องมาได้

                คำถามก็คือว่า ทำไมสหรัฐกับสหภาพยุโรปยอมรับความเป็น “ประชาธิปไตย” ในโครงสร้างนี้โดยปราศจากคำถามหรือเงื่อนไข?

                คำตอบก็คือจีนครับ....และผลประโยชน์ทางการเมือง, เศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศตะวันตกในยามที่ปักกิ่งสยายอิทธิพลในด้านต่างๆ มาในย่านนี้อย่างกว้างขวางและรวดเร็ว

                หากประเทศตะวันตกรอช้าหรือตั้งเงื่อนไขเรื่องประชาธิปไตยต่อเนื่อง ผู้นำประเทศเหล่านั้นก็หวั่นเกรงว่าจีนจะสามารถแทรกตัวเข้ามาเสริมสร้างอิทธิพลบารมีในภูมิภาคนี้อย่างแน่นแฟ้นมากขึ้น

                พูดง่ายๆ คือทั้งสหรัฐและสหภาพยุโรปต้องปกปักรักษาผลประโยชน์ของตนในย่านนี้ไว้ด้วยการรีบกลับเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับไทยและอาเซียนอื่นๆ แม้ว่าเงื่อนไขด้านประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนอาจจะไม่ได้สอดคล้องกับหลักการของเขาทั้งหมด

                หันไปดูระบอบการเมืองของเพื่อนบ้านไทยอย่างกัมพูชา, เวียดนาม, สปป.ลาว ก็จะเห็นว่ายังมีประเด็นเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนไม่น้อย แต่สหรัฐก็เหมือนจะทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เพราะเห็นชัดว่าจีนได้รุกเข้าไปเพื่อสร้างความสัมพันธ์ด้านการเมืองและเศรษฐกิจโดยไม่ตั้งเงื่อนไขเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

                แน่นอนว่า คนไทยเองไม่ควรจะตัดสินว่าเราได้มาตรฐานของคุณภาพการเมืองหรือไม่ ด้วยการประเมินจากการที่โลกตะวันตกจะคบกับเราหรือไม่หรือตั้งเงื่อนไขอะไรกับเรา

                และเราก็ไม่ควรจะคบกับจีนเพียงเพราะเขาไม่สนใจเรื่องประชาธิปไตย

                ท้ายที่สุดคนไทยเราเองจะต้องเป็นคนสร้างมาตรฐานทางการเมือง, ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนที่เป็นสากลและส่งเสริมให้สังคมไทยก้าวไปข้างหน้าตามความใฝ่ฝันและมุ่งมั่นของคนไทยเรากันเองเท่านั้น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"