วาทะ 'สมคิด' 'เรากินบุญเก่ามา 30 ปีแล้ว'


เพิ่มเพื่อน    

               รองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ลุกขึ้นอภิปรายระหว่างการประชุมรัฐสภาว่าด้วยนโยบายของรัฐบาลใหม่เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการบริหารนโยบายเศรษฐกิจที่ท่านมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยมาหลายปี

                คำอภิปรายตอนหนึ่งที่น่าสนใจเหมือนเป็นการ "เปิดใจ" เพื่ออธิบายว่าทำไมทำงานกับหลายรัฐบาลแต่ยังไม่สามารถจะแก้ปัญหาพื้นฐานของบ้านเมืองได้

                บางคนฟังแล้วชื่นชมว่าคุณสมคิดพูดได้ดี เข้าประเด็นและอธิบายเรื่องราวได้ชัดเจน

                แต่อีกบางคนก็วิพากษ์ว่าคุณสมคิดพูดเรื่องเก่าๆ ไม่มีอะไรใหม่ และไม่สามารถจะตอบคำถามได้ว่า ทำไมจึงยังไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้

                ผมฟังคุณสมคิดคืนนี้แล้วก็มีคำถามว่า ท่านอธิบายปัญหาได้ แต่ยังไม่มีข้อเสนอทางออกของปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังเข้าสู่ยุคที่ต้องเปลี่ยนผ่านอย่างหนักหน่วงและรุนแรง

                เอาเข้าจริงๆ ผมมีคำถามมากมายเกี่ยวกับคุณสมบัติและความสามารถของรัฐมนตรีหลายคนที่มารับผิดชอบกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหลาย

                พูดง่ายๆ คือผมไม่เชื่อว่าคุณสมคิดจะสามารถนำทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่นี้เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างจริงจัง

                โดยเนื้อหาแล้วคำอภิปรายของคุณสมคิดสรุปได้ว่า

                มีโอกาสได้อยู่ในการเมืองตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ซึ่ง 6 ปีไม่ใช่ของง่ายตั้งแต่มีวิกฤติต้มยำกุ้ง ในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "การบริหารเศรษฐกิจ" ของประเทศ ซึ่งสิ่งสำคัญ คือ นโยบายและผู้ขับเคลื่อน แต่ความจริงแล้ว ปัญหาของไทยมีมากกว่าการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง หากไม่เปลี่ยนแปลงจะไม่มีโอกาสทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

                คุณสมคิดบอกว่าสมัยเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง เราใช้เวลา 4 ปี ในการฟื้นฟูวิกฤติขึ้นมาได้ แล้วรัฐบาลสมัยนั้นต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้น แต่โอกาสขับเคลื่อนยากมาก เพราะการขับเคลื่อนต้องมีนโยบายระยะยาว บนพื้นฐานแข็งแกร่ง จึงจะยั่งยืนได้ แต่ระบบการเมืองหรือระบบรัฐสภาไทยมีการเลือกตั้งบ่อยครั้ง ฉะนั้นทำให้นโยบายส่วนใหญ่อยู่ในเชิงระยะสั้น เพื่อเรียกร้องคะแนนนิยม ทำให้การทำหลายสิ่งยากมาก

                "6 ปีที่เสียไป ทำได้อย่างเก่ง คือฟื้นฟูประเทศหลังต้มยำกุ้ง" คุณสมคิดบอกและยืนยันว่า อย่างไรก็ตามเคยมีความพยายามหลายครั้งในการลงทุนเมกะโปรเจกต์

                คุณสมคิดบอกว่า จำได้ว่าช่วงท้ายสมัยนั้น มีการเรียกทูตทั่วโลกมาที่ตึกนารีสโมสรเพื่อให้ลงทุนเมกะโปรเจกต์ เพราะรู้ว่าไทยล้าหลังไปมาก แต่ไม่ทันเวลา เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้น ตนเองจึงหายไปสิบปี กลับมาอีกครั้งหนึ่งเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ให้มาเป็นที่ปรึกษา

                "ในช่วงเวลาของปีที่เข้ามาเป็นที่ปรึกษาของ คสช. เศรษฐกิจขณะนั้นไม่ดี ถ้าเปรียบเหมือนชีพจร เรียกว่า 'เต้นแผ่ว' ซึ่งจะไม่เต้นแผ่วได้อย่างไร เพราะในยุคก่อนหน้าที่ คสช.จะเข้ามา ลองหลับตานึกภาพว่าเป็นอย่างไร บ้านเมืองจลาจลวุ่นวาย อย่าไปโทษว่าฝ่ายไหนผิด แล้วหลังจากนั้นมีน้ำท่วมใหญ่เกิดขึ้น สร้างความเสียหายมหาศาล แต่เราไม่โทษใคร ถือว่าเป็นโชคร้ายของประเทศไทย"

                หลังจากนั้น 1 ปีของการเกิดน้ำท่วมใหญ่ คุณสมคิดบอกว่าจีดีพีขยับขึ้นไป 7.2% ในขณะที่ปีเกิดน้ำท่วมใหญ่จีดีพีติดลบ แต่หลังจากนั้นลดลงมาเหลือแค่ 2.7% และ 1% จนกระทั่งติดลบ 0.4% ในไตรมาส 1 ของปี 2557 ก่อนที่ คสช.จะเข้ามา มีเงินเฟ้อต่ำกว่าศูนย์ แสดงว่า "ชีพจรแผ่ว" ความมั่นใจไม่เหลือแล้ว

                นักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงเมืองไทยเพราะไม่ปลอดภัย การส่งออกหดตัว ตลาดโลกไม่ดี แต่การหดตัวนั้นเป็นปัญหาใหญ่กว่าที่คิด จึงไม่ใช่เรื่องง่ายในการแก้ไข อีกทั้งการลงทุนน้อยมาก ไม่มีใครเข้ามาลงทุน เพราะถนนเต็มไปด้วยม็อบ ความปลอดภัยไม่มี เศรษฐกิจถดถอย

                คุณสมคิดอ้างถึงที่คุณสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายค้านในสภาผู้แทนฯ ระบุว่าไทยเป็นผู้ป่วยของเอเชีย (Sick Man of Asia)

                "ตอนนั้นเมืองไทยสับสนวุ่นวายมาก ฉะนั้นถ้าสภาพการณ์เป็นอย่างนั้น ลองนึกดูว่าเมืองไทยมีอนาคตหรือไม่ ส่วนเรื่อง 5 ปีที่ผ่านมาไม่มีอะไรดีเลย เละเทะ ถามว่าจริงหรือไม่ ไม่โต้เถียง จะว่าเละเทะก็เละเทะ ประวัติศาสตร์เป็นเครื่องชี้นำเลยว่าใครผิดใครถูก"

                คุณสมคิดบอกต่อว่าตอนที่ตนเองเข้ามาทำงานได้ประกาศกับทีมเศรษฐกิจว่า จะให้เศรษฐกิจตกต่ำไม่ได้ ฉะนั้นสิ่งที่พยายามทำในปีแรกคือ "การกระตุ้นเศรษฐกิจ" ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากกระตุ้น ทุกมาตรการไม่ว่าของรัฐบาลเก่าหรือใหม่นำมาใช้ทั้งหมด

                คุณสมคิดยกตัวอย่าง "กองทุนหมู่บ้าน" ตอนนั้นใครๆ บอกให้ยุบทิ้ง แต่นายกรัฐมนตรีไม่ยุบ  เพราะกองทุนหมู่บ้านคือกระดูกสันหลังที่แข็งแรงมาก ไม่มีใครเป็นเจ้าของ และไม่ยกเลิกโครงการสามสิบบาท เพียงแต่พัฒนาให้ดีขึ้น

                ท่านประกาศกลางสภาวันนั้นว่าส่วนโครงการรับจำนำข้าว เลิกแน่! สาเหตุเพราะระยะหลังนโยบายเพี้ยนไป ทำให้มีข้าวเต็มโกดัง 17 ล้านตัน กดดันให้ราคาข้าวทั่วโลกและไทยตกต่ำ

                แกยืนยันว่ารัฐบาลพยายามทำงาน ซึ่งจีดีพีขยับขึ้นจาก 1% เป็น 3% และ 4% ไตรมาส 1 ของปี 2561 ขยับขึ้นเป็น 4.8%

                คุณสมคิดบอกว่าไม่ได้คุยและดีใจ และยังเคยให้สัมภาษณ์ว่าอย่าฝันเลยว่าจะเกิน 5% หรือยืนอยู่อย่างนี้ได้หากประเทศไม่ปฏิรูป

                คุณสมคิดพูดต่อถึงประเด็นการลงทุน ก่อนเกิดรัฐประหารคนหนีการลงทุน คู่แข่งไทยอย่าง เวียดนาม พม่า ฟิลิปปินส์ ตั้งคำถามว่า "เรากินบุญเก่าประเทศมา 30 ปี ตั้งแต่สมัย พล.อ.เปรม ไม่ว่าจะเป็นแหลมฉบังและมาบตาพุด ไม่เคยปลี่ยนแปลงอะไรเลย หากไม่สร้างสิ่งใหม่ให้จูงใจนักลงทุนมาเมืองไทยได้"

                (พรุ่งนี้: เราแข่งกับใครเขาได้บ้าง?) 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"