แย่งชามข้าว2สัปดาห์จบ จัดเก้าอี้ปลอบพรรคเล็ก


เพิ่มเพื่อน    

 "มงคลกิตติ์" อ้างหรูไม่เป็นรัฐบาลไม่เป็นฝ่ายค้าน แต่เป็นฝ่ายประชาชน ปลอบรัฐบาลอย่ากังวล ถ้าทำดีพร้อมหนุน "พิเชษฐ" ยันไม่ต้องการต่อรองตำแหน่ง แค่โหวตเป็นจ๊อบไป "สมศักดิ์" ยันจบใน 2 สัปดาห์ ยอมรับการเมืองต้องพูดคุยสม่ำเสมอ

    เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศิวิไลย์ ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่ม 5 พรรคเล็กที่ประกาศแยกตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ยอมรับว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ได้ประสานมาพูดคุยจริง แต่ในส่วนของตนเองได้ปฏิเสธไปแล้วไม่ขอรับทุกตำแหน่ง และยืนยันจุดยืนขณะนี้ยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
    "คือไม่ใช่ฝ่ายค้าน ไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นฝ่ายของประชาชน ยึดประโยชน์ของประเทศ ซึ่งจะทำให้พรรคมีเสรีภาพในการทำงานมากขึ้น พร้อมย้ำถึงรัฐบาล ไม่ต้องกังวลหากทำในสิ่งที่ถูกต้อง ผมก็พร้อมยกมือสนับสนุน แต่หากมีเรื่องใดที่ผิด ก็พร้อมตรวจสอบและคัดค้านอย่างเต็มที่" นายมงคลกิตติ์กล่าว
         ด้านนายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ซึ่งเป็น 1 ใน 5 พรรคเล็กที่ประกาศแยกตัวจากรัฐบาล ระบุว่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะ ร.อ.ธรรมนัส ได้ประสานมาพูดคุย หลายเรื่องเข้าใจกันมากขึ้น แต่ส่วนตัวเห็นด้วยกับจุดยืนของนายมงคลกิตติ์ ที่ปฏิเสธไม่ขอรับตำแหน่งเช่นกัน และไม่กลับไปเป็นรัฐบาล ส่วนอีก 3 พรรคที่เหลือจะพิจารณายังไงก็ว่ากันไป 
    ทั้งนี้ สำหรับตนเอง ขอทำงานเป็นอิสระในสภา ไม่ใช่ฝ่ายใด ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน เช่น พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นเรื่องด่วนที่สำคัญ ก็พร้อมโหวตให้ผ่านทันที ส่วนหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรายบุคคล ขอเป็นเอกสิทธิ์ที่จะพิจารณา เพราะรัฐมนตรีคนใดที่ตอบฝ่ายค้านซักถามไม่ชัดเจน จะมาบังคับหรือมีมติมาให้เรายกมือ ก็คงทำไม่ได้
         เขายืนยันว่าการเคลื่อนไหวของพรรคเล็กไม่ได้ต้องการต่อรองตำแหน่ง แต่เป็นการส่งสัญญาณถึงรัฐบาลให้รับรู้และฟังเสียงของพวกเราที่ร่วมหัวจมท้ายกันมา แต่ที่ผ่านมา ให้ความสำคัญแต่เพียงพรรคใหญ่ ทั้งที่เคยคุยกันแล้วก็ไม่ได้ตามสัญญา ไม่เคยให้เกียรติ และถูกมองข้ามมาตลอด
    ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า จะประชุมในส่วนของแกนนำพรรค และเชื่อว่าหากเราทำตามที่รับปากกันไว้ ปัญหาทุกอย่างจะจบลง เรื่องการเมืองเป็นเรื่องของการพูดคุยสม่ำเสมอ ไม่ใช่ว่าพูดแล้วทิ้งไป ก็อาจจะเกิดความเข้าใจผิด สุดท้ายเชื่อว่าทุกอย่างจะคลี่คลายใน 1-2 สัปดาห์ 
    ส่วนความขัดแย้งนี้จะส่งผลกระทบถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์บอกว่าอย่ามองไปไกล อย่าคาดคะเนดีกว่า เพราะเวลานี้ตนเชื่อว่าที่ทุกพรรคต้องการทำงานเพื่อประชาชน
    ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า ช่วงบ่ายวันที่ 10 ส.ค. บรรดาแกนนำ อาทิ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และนายสมศักดิ์ รวมถึงแกนนำคนอื่นๆ ได้หารือกันที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง โดยได้ข้อสรุปว่าจะแก้ปัญหาโดยจัดหาตำแหน่งข้าราชการการเมืองให้ เช่น ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประธานกรรมาธิการ และผู้แทนการค้า เป็นต้น โดยส่วนนี้จะนำไปหารือหาข้อสรุปอีกครั้งในการประชุมยุทธศาสตร์พรรคในวันที่ 12 ส.ค. ที่จะประชุมจัดสรรตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่ยังไม่ข้อยุติ
    นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า รัฐบาลคงได้เห็นพิษสงพรรคเล็กแล้วว่าเป็นยังไง อยู่กันไม่ทันหม้อข้าวดำ ขอย้ายไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ มันมีแต่ฝ่ายค้านเรียกราคาเสียมากกว่า ให้รู้ว่าหากขาดฉัน แล้วเธอจะรู้สึก
    เขาระบุว่า หากอยากเคลียร์ใจกับพรรคเล็กก็ได้ ไม่มีปัญหา กลับไปเป็นรัฐบาลได้ใหม่อีก แต่สักพักเกิดไม่พอใจอะไร ก็ขู่ไปเป็นฝ่ายค้านอิสระได้อีกเสมอมันจะไปกันได้อีกสักกี่น้ำ แค่ผ่านงบประมาณตุลา.นี้ ก็คุ้มแล้ว รัฐมนตรีไม่ทันเซ็นอนุมัติสั่งการให้เสี่ยงคุกได้เวลาแยกทาง ประชาชนเตรียมตัวดัดหลังนักการเมืองที่หักหลังประชาชน คบเด็ก สร้างบ้าน คบพรรคเล็ก รัฐบาลพัง
          "ผมเคยบอกไว้ก่อนจัดตั้งรัฐบาลสูตรพิสดาร ว่าอยู่ได้ไม่นาน แม้ว่าเสียงจะเกินครึ่งจริง แต่ดันไปให้โปรที่นั่งพรรคเล็กคนละ 1 ที่นั่ง เพื่อให้มีเสียงเพียงพอจัดตั้งรัฐบาลได้ ตอนนี้คงได้เห็นพิษสงพรรคเล็กแล้วว่าเป็นยังไง"
         นายชูวิทย์ระบุว่า ด้วยความที่เป็นพรรคเล็ก มันเล็กจนการตัดสินใจเปลี่ยนได้ทุกเวลาทุกนาที เพราะเป็น ส.ส.สมัยนี้ได้สมัยเดียว จะทำอะไรก็ต้องทำกันเสียตอนนี้ หากยังจำได้ ตอนพรรคไทยรักไทยไปใช้บริการพรรคเล็ก ก็เกิดเรื่องจนศาลสั่งยุบพรรค
         "รัฐบาลนี้คะแนนเสียงปริ่มน้ำ จนทำให้ต้องไปใช้บริการพรรคเล็กอีกเหมือนกัน ต้องดันทุรังจัดตั้งให้ได้ พรรคเล็กจึงมีน้ำมีนวล มีราคาค่างวดขึ้นทันใด คิดสะระตะบวกลบคูณหารแล้ว มองข้ามหัวอั๊วไปได้ยังไงวะ ของเลยเข้า อยู่กันไม่ทันหม้อข้าวดำขอย้ายไปเป็น ฝ่ายค้านอิสระ มันมีแต่ฝ่ายค้านเรียกราคาเสียมากกว่า ให้รู้ว่าหากขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก ผลจึงออกมาเยี่ยงนี้"
    เขาชี้ว่า อย่าคิดไปฝืน “ธรรมชาติการเมือง” มันหนีความจริงไปไม่พ้น แม้ว่าจะมีคนตะแบงคิดบิดเบี้ยวการเมืองไปสักแค่ไหน ช่วงจัดตั้งรัฐบาลรวมกันเราอยู่ พอเป็นรัฐบาล มึงว่าของมึงไป กูจะว่าของกูแบบนี้ ใครจะทำไม 
    "หากอยากเคลียร์ใจกับพรรคเล็กก็ได้ ไม่มีปัญหา กลับไปเป็นรัฐบาลได้ใหม่อีก แต่สักพักเกิดไม่พอใจอะไรก็ขู่ไปเป็นฝ่ายค้านอิสระได้อีกเสมอ เพราะของเขาอิสระจริงแท้ ได้ทุกครั้งที่โหวต มันจะไปกันได้อีกสักกี่น้ำ แค่ผ่านงบประมาณตุลา.นี้ก็คุ้มแล้ว รัฐมนตรีไม่ทันเซ็นอนุมัติสั่งการให้เสี่ยงคุก ได้เวลาแยกทาง ประชาชนเตรียมตัวดัดหลังนักการเมืองที่หักหลังประชาชน".


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"