คาดการประกันคุณภาพการศึกษา ตามเป็นกฎกระทรวงฉบับใหม่ประกาศมีผลบังคับใช้เดือนมี.ค.นี้  โดยปรับปรุงมาตรฐานการศึกษาแต่ละระดับแต่ละประเภท และสถานศึกษาทุกแห่งจะเข้าสู่กระบวนการการประกันคุณภาพใหม่ในเดือนพ.ค.

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ในที่ประชุมการประกันคุณภาพการศึกษา ได้มีการซักซ้อมการดำเนินการหลังจากที่ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ.2553  โดยเปลี่ยนเป็นกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ.2561 ซึ่งจะเป็นการประกันคุณภาพการศึกษารูปแบบใหม่ คือ ให้สถานศึกษาแต่ละแห่งจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา เพื่อให้เกิดกลไกการปฏิบัติที่เอื้อต่อการดำเนินการตามมาตรฐานการศึกษาของแต่ละระดับ และเกิดประสิทธิภาพต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยที่ประชุมได้วางแนวทาวการขับเคลื่อนการประเมินคุณภาพสถานศึกษาตามกฎกระทรวง เรื่อง การประกันคุณภาพการศึกษาฉบับใหม่ ซึ่งรูปแบบใหม่นี้ จะทำให้เกิดการประกันคุณภาพการศึกษาอย่างแท้จริง และจะทำให้สังคมเลิกข้อถกเถียงสักทีว่าการประกันคุณภาพการศึกษาที่ผ่านมา เน้นแต่การประเมินด้วยเอกสารไม่ได้ยึดหลักตามบริบทของโรงเรียน

ด้านนายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสภาการศึกษา (เลขาฯ สกศ.) กล่าวว่า  ที่ประชุมได้วางแนวทางการขับเคลื่อนเรื่องการประกันคุณภาพการศึกษาตามกฎกระทรวงฉบับใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันที  โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าในเดือนกันยายน พ.ศ.2561 จะมีสถานศึกษาจำนวนหนึ่งของทุกสังกัดทุกประเภท เข้าสู่กระบวนการการประกันคุณภาพการศึกษาตามกฎกระทรวงฉบับใหม่ สำหรับการขับเคลื่อนเรื่องการประกันคุณภาพการศึกษา ที่ประชุมได้วางแผนการดำเนินการ ว่า เดือนมีนาคม จะมีการปรับปรุงมาตรฐานแต่ละระดับและแต่ละประเภทการศึกษา ซึ่ง รมว.ศธ. จะลงนามในประกาศกฎกระทรวง เรื่องมาตรฐานการศึกษาแต่ละระดับแต่ละประเภท เร็วๆนี้  ต่อมาช่วงเดือนเมษายน ศธ.จะสร้างความรับรู้และความเข้าใจแต่ละสถานศึกษาทุกสังกัดทั่วประเทศ  และในเดือนพฤษภาคม สถานศึกษาทุกแห่งจะเข้าสู่กระบวนการของการประกันคุณภาพการศึกษาตามกฎกระทรวงฉบับใหม่ โดยเริ่มตั้งแต่กำหนดมาตรฐานของสถานศึกษาตัวเองและทำแผนพัฒนาการศึกษา ดำเนินการตรวจสอบติดตาม นอกจากนี้ที่ประชุมยังวางแผนว่า ในเดือนสิงหาคม จะมีสถานศึกษารุ่นแรกที่จะเข้าสู่การประกันคุณภาพการศึกษารอบที่ 1 กว่า 1,000 แห่ง ต่อจากนั้นสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) จะเข้ามาประเมินติดตามและตรวจสอบตามแนวทางของกฎกระทรวงฉบับใหม่ต่อไป ในเดือนกันยายน

“และในเดือนตุลาคม เมื่อขั้นตอนทุกอย่างดำเนินการเสร็จแล้ว จะมีการทบทวนติดตามการประกันคุณภาพการศึกษาแบบใหม่ ว่า จะมีสิ่งใดยังต้องปรับปรุงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เรื่องการประเมินสถานศึกษาต่อจากนี้ จะไม่มีการกำหนดมาตรฐานจาก สมศ. แต่จะมีเพียงมาตรฐานกลางจาก ศธ.ที่จะแยกประเภทสถานศึกษาตั้งแต่การศึกษาพื้นฐาน อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา ต่อจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของโรงเรียนที่จะกำหนดมาตรฐานสถานศึกษาของตัวเองและรายงานขึ้นมายังส่วนกลาง ซึ่งนับได้ว่ากฎกระทรวงฉบับใหม่ เรื่องการประกันคุณภาพการศึกษาเป็นการคืนความสุขคลายทุกข์ให้แก่โรงเรียนอย่างแท้จริง”เลขาฯ สกศ.กล่าว