วันนี้วันเกิด'เนติวิทย์'แต่ตัวอยู่ไต้หวันแฉไทยให้ต่างชาติฟัง เหลือเชื่อ!ก่อนบินหิ้วพวงมาลัยไปไหว้ครูด้วย


เพิ่มเพื่อน    


10 ก.ย.62-  นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า  Netiwit Ntw วันนี้วันเกิดของผม ผมไม่ได้อยู่ที่ไทย ตอนนี้กำลังบินไปที่ไต้หวันเพื่อเตรียมพูดเรื่องสถานการณ์ไทยในเวทีนานาชาติ
ก่อนไป ผมแวะกลับไปไหว้ครูที่เคารพที่โรงเรียน โดยเฉพาะสองท่านที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้ ซึ่งในวันเกิดของ หากใครจะอวยพรแล้ว ก็อยากให้อ่านโพสนี้ที่ผมจะเล่าถึงครูผู้มีพระคุณของผมเสียก่อน

ขอกล่าวถึงครูวิษณุ สังข์แก้ว ครูบรรณารักษ์ห้องสมุด ที่ผมรู้จักมาตั้งแต่สมัยอยู่ม. 2 ผู้ถูกกล่าวหาว่า อยู่เบื้องหลังของผม นับครั้งไม่ถ้วนจากการกระซิบกระซาบของผู้บริหารโรงเรียนและครูบางคนในโรงเรียน

ที่ครูวิษณุถูกเพ่งเล็งอย่างหนัก ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่ามาจากผมเพราะท่านอนุญาตให้ผมมีเสรีภาพที่จะใช้พื้นที่ห้องสมุดที่ท่านดูแลจัดงานดูหนัง เสวนา จัดนิทรรศการศิลปะ สิ่งที่ท่านเห็นว่าเป็นการส่งเสริมให้เด็กกล้าคิด ซึ่งจะมีผลดีต่อการเรียนการสอน แต่ผอ โรงเรียน และครูจำนวนหนึ่งไม่เห็นแบบนั้น

อีกส่วนที่ทำให้ท่านกลายเป็น "ครูเลวในระบบการศึกษาแสนดี" ก็เพราะท่านถือคติที่ว่า "ถ้าเป็นครูใกล้เด็กจะห่างผู้บริหาร ถ้าเป็นครูใกล้ผู้บริหารจะห่างเด็ก" ท่านเลือกจะอยู่ใกล้เด็ก และห่างจากผู้บริหาร ดังพอ 06.40 น. ครูวิษณุจะมาเปิดห้องสมุดบริการยืม-คืน หนังสือให้นักเรียน เป็นครูคนแรกๆเสมอที่มาถึงโรงเรียน และเป็นครูคนท้ายๆที่ออกจากโรงเรียน การซื่อตรงกับเด็กทำให้บางที ท่านก็ต้องปะทะกับฝ่ายปกครอง และฝ่ายบริหาร ที่พยายามยัดเยียดกิจกรรมต่างๆในตอนเช้า แย่งเวลาสอนไป ความตรงไปตรงมาของท่านทำให้ผู้บริหารไม่ค่อยอยากเจอ เวลาท่านเชิญมาห้องสมุด ผู้บริหารมักจะไม่ยอมมา

ใครหาว่าท่านอยู่เบื้องหลังผมน่าจะไม่ถูกนัก จุดยืนทางการเมืองของผมและครูแตกต่าง อย่างน้อยในช่วงที่ผมยังเรียนอยู่ ทั้งท่านสนับสนุนให้นักเรียนใส่เครื่องแบบ ส่วนผมเห็นว่าไม่จำเป็นต้องใส่ ผมได้อิทธิพลทางการยืนหยัดในความถูกต้องเสียมากกว่าจากท่าน ดังที่กล่าวว่า ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน การเป็นครู-นักเรียน ของเรามาจากการสนทนาแลกเปลี่ยน เคารพซึ่งกันและกัน ไม่ต้องมีพิธีกรรมมาเกี่ยว ผมก็ไหว้ครูได้อย่างสนิทใจแล้ว

สิ่งที่ผมและครูเห็นตรงกันน่าจะเป็นสิ่งที่เราเห็นมานานแล้ว นั่นก็คือ การบริหารการศึกษาของโรงเรียนนั้นเดินผิดพลาด ละทิ้งเป้าหมายของความสุขและเสรีภาพของครูและนักเรียน โดยผู้บริหารโรงเรียนขาดวิสัยทัศน์ แถมยังโกงกินหน้าด้านๆ ตอนนี้โรงเรียนผม เป็นมาปีนึงแล้วที่มี ผอ คนเดียว และรองผอ อีกคน อีกสามรองผอ ไม่มี ครูต้องปั่นป่วนมาเป็นผู้ช่วยผอ ด้านต่างๆ ไม่อันต้องสอนกัน ขณะที่ รร ตอนนี้หาเครื่องสแกนใบหน้าเด็กก่อนเข้าโรงเรียนมาติดตั้ง (ซึ่งทำเอาเท่ๆ มากกว่าจะมีประโยชน์ระยะยาว) ก็ยังติดหนี้มหาศาลจากการสร้างโรงยิมห่วยๆ ที่ไม่ได้มาตรฐาน คณะวิศวะ จากลาดกระบังมาตรวจพบว่าผิดแปลนเดิมมาก วัสดุก็ห่วย แต่คนที่เป็นผอ ตอนนั้นซึ่งไม่ชอบผมและครูวิษณุที่คอยจุ้นจ้านตั้งคำถามก็ได้ดิบได้ดีไปเป็น ผอ อยู่ #โรงเรียนปากน้ำข้างเซเว่น ที่ตอนนี้ขึ้นเทรนในทวิตเตอร์ เด็กโจมตีมากมาย พวกเราแม้จะไม่ได้รับการใยดีเท่าไหร่ในโรงเรียน แต่ก็รู้สึกว่าคิดไว้ไม่ผิด ว่ามันจะเกิดแบบนี้ และพวกเราพยายามทำเท่าที่จะทำได้ โดยซื่อสัตย์กับตัวเอง ไม่ยอมไปหลงกลคารมกลลวงแห่งความเท่ "ความทันสมัย (คือมีตามๆกัน) แต่ไม่พัฒนา" (คำที่ครูวิษณุชอบใข้)

ครูวิษณุ และครูที่ผมเคารพอีกท่าน ครูสุพจน์ ทิ้งท้ายโรงเรียนด้วยหมัดหนัก จริงๆก็ไม่ใช่อะไรหรอก แต่มันผิดธรรมเนียมที่เขาทำมาทุกปี ที่จะให้เด็กมาให้ครูเกษียณลอดซุ้ม แล้วก็จัดงานกินโต๊ะจีนร้องเพลง ให้ผอ ครูเก่า คนดังมาอวยพรบนเวที ทั้งสองท่านประกาศว่า ไม่ยินดีจะให้จัดงานเลี้ยง มาทำบุญแทนละกัน ลอดซุ้มก็ไม่ต้องมีกินเวลาเด็ก เด็กที่เอาดอกกุหลาบมาให้ ถ้าเขาจะให้ก็ให้ด้วยใจ ไม่ต้องซื้อมาแจกแล้วเกณฑ์เด็กมาให้หรอก ตอนอยู่โรงเรียน โรงเรียนก็ไม่เห็นเคารพกันสักเท่าไหร่ ความเห็นก็ไม่ค่อยฟัง พอเกษียณจะจัดให้ เอาเงินไปทำกุศลให้เด็กดีกว่า เรื่องนี้ทำเอา ผอ ตกใจอยู่เหมือนกัน แค่เรื่องเล็กๆแค่นี้ก็ถือเป็นการท้าทายไม่น้อยของระบบการศึกษาจอมสร้างภาพของเรา.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"