คนจนเฮ! รัฐบาลต่ออายุมาตรการใช้น้ำ-ไฟฟรีอีก 1 ปี


เพิ่มเพื่อน    

 คนจนเฮ! รัฐบาลไฟเขียวต่อระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า-น้ำประปา-คืนแวต อีก 1 ปี แจงเพื่อเป็นการดูแลผู้มีรายได้น้อย เตรียมเปิดลงทะเบียนคนจนรอบใหม่ภายในปีนี้ มั่นใจไม่ทำคนจนเพิ่ม

นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ว่า ที่ประชุมเห็นชอบขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาต่อไปอีก 1 ปี โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย. 2563 จากเดิมจะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย. 2562 โดยกรณีค่าไฟฟ้า ให้ใช้ไฟฟ้าในวงเงิน 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน และกรณีค่าน้ำประปา ให้ใช้น้ำประปาในวงเงิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน

นอกจากนี้ ยังขยายระยะเวลามาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) 7% ให้กับผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ออกไปอีก 1 ปี โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย. 2563 โดยการคืนเงินภาษีแวตเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะแบ่งเป็น 1. ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องจ่ายภาษีจากการซื้อสินค้าเองตามปกติ ในอัตรา 1% 2. รัฐบาลจะทำการคืนเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐด้วยการโอนเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-wallet) ทุกวันที่ 15 ของเดือน จำนวน 5% ซึ่งเงินส่วนนี้สามารถกดเป็นเงินสดออกมาใช้ได้ และ 3. จะมีการเก็บเงินเข้าบัญชีกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ของผู้ถือบัตรฯ จำนวน 1% เพื่อเป็นเงินออมของผู้มีรายได้น้อย หรือหากไม่มีบัญชีกับ กอช. อาจจะเปิดบัญชีเพื่อสะสมไว้

ทั้งนี้ งบประมาณที่ใช้ในการดำเนินการในส่วนดังกล่าว อยู่ที่ 1,870 ล้านบาท แบ่งเป็น งบประมาณสำหรับอุดหนุนค่าไฟฟ้า จำนวน 1,740 ล้านบาท ค่าน้ำประปา 30 ล้านบาท และคืนภาษีแวตอีก 100 ล้านบาท ถือเป็นงบประมาณจำนวนไม่มาก แต่มีผลพอสมควรสำหรับผู้มีรายได้น้อย

“สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ติดตามและประเมินผลของมาตรการดังกล่าว และพบว่าได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี จึงมีการพิจารณาขยายระยะเวลาของมาตรการออกไป เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งพื้นฐานที่จำเป็น และเป็นประโยชน์ รัฐบาลอยากให้สวัสดิการเหล่านี้แก่ผู้มีรายได้น้อยกลุ่มนี้ต่อไป และยังเป็นผลดีกับเศรษฐกิจอีกด้วย” นายอุตตม กล่าว

รมว.การคลัง กล่าวอีกว่า ในวันที่ 30 ก.ย. นี้ กรมบัญชีกลาง จะลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บมจ. ปตท ในการเข้ามาใช้ระบบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สำหรับมาตรการลดค่าก๊าซหุงต้ม ซึ่งเป็นโครงการของ บมจ.ปตท. เอง เดือนละ 100 บาทต่อราย โดยปัจจุบันมีประชาชนที่อยู่ในโครงการดังกล่าวประมาณ 1 แสนราย และในส่วนนี้เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 8.8 หมื่นราย  

สำหรับความคืบหน้าในการเปิดลงทะเบียนเพื่อเข้าโครงการสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่นั้น คาดว่าจะดำเนินการได้อย่างเร็วที่สุดภายในปี 2562 หรืออย่างช้าที่สุดในช่วงต้นปี 2563 โดยขณะนี้ สศค. อยู่ระหว่างจัดเตรียมหลักเกณฑ์การลงทะเบียนให้มีความเหมาะสมมากขึ้น

“ที่มีคนตั้งคำถามว่าหากเปิดลงทะเบียนโครงการสวัสดิการแห่งรัฐเป็นการเพิ่มคนจนนั้น คงต้องถามกลับว่าเพิ่มคนจนคืออะไร เพราะปัจจุบันคนจนมีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่รัฐบาลทำเป็นการช่วยเหลือเรื่องสวัสดิการ ควบคู่กับการพัฒนาตัวเป็น เป็นชุดมาตรการ ไม่ได้พัฒนาอย่างเดียว หรือให้สวัสดิการเพียงอย่างเดียว ส่วนใครที่ตั้งตัวได้แล้ว มีรายได้พ้นเกณฑ์ 1 แสนบาทต่อปีก็ต้องออกไป โดยสวัสดิการรัฐเกิดขึ้นภายใต้หลักการที่รัฐบาลต้องการดูแลสวัสดิการที่จำเป็นกับการใช้ชีวิต ไม่ได้มากมายอะไรสำหรับผู้มีรายได้น้อย เพราะนอกจากสวัสดิการแล้วก็ยังมีมาตรการอีกด้าน ทั้งการสร้างอาชีพ สร้างทักษะให้องค์ความรู้ เป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาฐานรากอย่างครบวงจร เป็นการดูแลสวัสดิการให้คนไทยที่จำเป็นและช่วยสร้างความเข้มแข็งให้คนมีรายได้น้อย” นายอุตตม กล่าว

อย่างไรก็ดี ขณะนี้กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมมีเงินประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท และหากงบประมาณปี 2563 เรียบร้อย ก็จะมีเงินเติมเข้ามาอีก 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเพียงพอในการดูแลสวัสดิการให้ผู้มีรายได้น้อยอย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุดอย่างแน่นอน

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"