ความไม่มีหนี้...เป็นลาภอันประเสริฐ


เพิ่มเพื่อน    

 ดูเหมือนจะช่วงต้นๆ เดือนกันยายน...ที่ สภาพัฒน์ โดยตัวเลขาธิการท่านได้ออกมาเปิดเผยถึงข้อมูล ตัวเลข ของสิ่งที่เรียกว่า หนี้สินครัวเรือน หรือหนี้ของบรรดาชาวบ้าน ชาวช่อง ทั้งหลาย ตามสถิติช่วงไตรมาส 2 ของปี พ.ศ.2562 ซึ่งต้องเรียกว่า...ดูแล้ว ฟังแล้ว ออกจะน่าขนหัวลุก ขนคอตั้ง อยู่พอสมควรเหมือนกัน...

                                                          -----------------------------------------------

                คือปาเข้าไปถึงประมาณ 13 ล้านล้านบาท (12.97 ล้านล้านบาท) คิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 78.7 เปอร์เซ็นต์ของตัวเลขจีดีพี หรือของผลผลิตมวลรวมทั้งประเทศ สูงเป็นอันดับสองของเอเชียรองจากเกาหลีใต้ และเป็นอันดับ 11 ของโลก ชนิดที่ทำให้รายงานชิ้นล่าสุดของธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบี ที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อช่วงวันพุธ  (25 ก.ย.) ต้องหยิบเอาไปตั้งข้อสังเกต ระหว่างการประเมินและคาดการณ์ตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ของบรรดาประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย ว่าจะโตมาก โตน้อย หรือจะโตโยต้ากันไปในระดับไหน...

                                                          -----------------------------------------------

                แต่ก็นั่นแหละ...การหวนกลับมาขยายตัวของ หนี้สินครัวเรือน ในช่วงระยะนี้ ดูๆ แล้วคงไม่ถึงกับทำให้รัฐบาลท่านวิตก กังวล มากมายซักเท่าไหร่ เพราะถ้าว่ากันในแง่ ภาพรวมทางเศรษฐกิจ มันก็มี คำอธิบายทางเศรษฐศาสตร์ ของแต่ละสำนัก ที่สามารถทำให้สบายใจ เบาใจ หรือหนักใจ ไปได้ด้วยกันทั้งสิ้น เช่น ที่ยังต้องเถียงๆ กันว่า ต้องหนี้ระดับ 84 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีขึ้นไปนั่นแหละ ถึงจะค่อยหันมาหายใจทางปาก ทางเหงือก หรือค่อยมากลัดกลุ้ม กังวล กันอย่างเป็นกิจจะลักษณะ แต่แค่ 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ ไม่ถึง 80 ดี ยังเป็นอะไรที่ ชิวๆ (ชิลๆ) หรือยังพอ อยู่ๆ กันไปได้ อะไรประมาณนั้น...

                                                           ---------------------------------------------------

                ซึ่งในเรื่องนี้...คงต้องโยนให้เป็นภาระของผู้มีอำนาจ มีบทบาทรับผิดชอบ เขาไปว่ากันเอาเอง เพราะแต่ละราย ล้วนแล้วแต่เป็น กูรู-กูรู้ หรือเป็นประเภท ผู้เชี่ยวชาญ ไปด้วยกันทั้งสิ้น แต่สำหรับบรรดาชาวบ้าน ชาวช่อง อย่างเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย จะปล่อยแล้ว ปล่อยเลย ฟังหูซ้าย-ทะลุออกไปทางหูขวา โดยไม่เก็บสิ่งเหล่านี้มาคิดๆ มาใช้เป็นข้อสังเกต เป็นอุทาหรณ์ สอนใจ หรือเป็นคติเตือนใจเอาไว้มั่ง ก็ไม่น่าจะถูกต้องไปด้วยประการทั้งพวง เพราะผู้ที่เป็นหนี้ หรือผู้ที่คิดจะสร้างหนี้นั้น ย่อมต้องถือเป็นผู้ซึ่ง ไม่มีลาภอันประเสริฐ หรือผู้ที่ต้องอับโชค อับวาสนา ไปอีกนานเท่านาน...

                                                               ---------------------------------------------------

                คือสิ่งที่น่าสนใจ และน่าสังเกต สำหรับรายละเอียดของหนี้สินครัวเรือน ในช่วงนี้ ตามข้อมูล สถิติ ของสภาพัฒน์ ท่านสรุปเอาไว้ประมาณว่า เป็นหนี้แบบที่เรียกว่า หนี้ระยะยาว หรือหนี้ที่สามารถผ่อนกันได้นานๆ ประเภทหนี้ที่กู้เอามาซื้อ บ้าน อะไรทำนองนั้น จำนวนประมาณ 33 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณหนี้ทั้งหมด แต่อีก 40-50 เปอร์เซ็นต์ ล้วนแล้วแต่เป็นหนี้แบบที่เรียกว่า หนี้ระยะสั้น  หรือหนี้ที่ต้องหาทางหมุนเงินกันชนิดหัวเป็นนอต เช่น หนี้ที่กู้มาซื้อ รถยนต์ ไม่ว่ากระบะ รถเก๋ง มอเตอร์ไซค์ ตลอดไปจนสินค้าอุปโภค บริโภค ต่างๆ นานา โดยเฉพาะที่สำคัญเอามากๆ ก็คือ หนี้บัตรเครดิต ประเภท รูดปั๊บ-เป็นหนี้ปุ๊บ อะไรประมาณนั้น อันนี้นี่แหละ...ที่ออกจะหนักหนา สาหัส มิใช่น้อย...

                                                                   ----------------------------------------------------

                และเหตุที่หนี้ชนิดนี้...มันพุ่งพรวดๆ พราดๆ ไปได้ถึง 40-50 เปอร์เซ็นต์ ว่ากันว่า...เป็นเพราะ ไลฟ์สไตล์ หรือวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของบรรดาพวก คนรุ่นใหม่ เขานั่นแหละเป็นหลัก คือไม่เพียงต้องเกิด ต้องเติบโต ขึ้นมาในสังคมบริโภค ที่มักอาศัย วัตถุ เป็นตัวตอบสนองอารมณ์ความรู้สึก ให้พอได้เกิดความอิ่มเอม ความไม่เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย มาตั้งแต่ตีนยังเท่าฝาหอย การ รูดปั๊บ-เป็นหนี้ปุ๊บ มันจึงกลายเป็น ไลฟ์สไตล์ อันมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ อีกทั้งความก้าวหน้า ก้าวไกล ทางเทคโนโลยีมันได้ถูกประดิษฐ์ คิดค้น ขึ้นมา เพื่อตอบสนองอารมณ์ความรู้สึกเหล่านี้กันโดยเฉพาะ เช่น การซื้อๆ-ขายๆ สินค้าแต่ละชนิดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ทำให้อะไรต่อมิอะไรมันซื้อง่าย-ขายคล่องยิ่งขึ้นไปอีก และทำให้มีโอกาส เป็นหนี้ ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น หรือมากขึ้นๆ ไปตามลำดับ...

                                                                   ------------------------------------------------------

                ต่างไปจาก คนรุ่นเก่า ที่กว่าจะ เป็นหนี้ ได้ซักกะที...ต้องเดินลุยน้ำ ลุยโคลน ไปหาเจ๊กปากซอยกันเป็นกิโลๆ และถ้า อาแป๊ะ ท่านเกิดอารมณ์เสีย หมั่นไส้ หรือเหม็นขี้หน้าขึ้นมา ท่านอาจไม่ยอมให้เชื่อ หรือ งดเชื่อ-เบื่อทวง เอาง่ายๆ ต่างไปจากการรูดปรื๊ด...รูดปรื๊ด หรือการกดปุ่มโน่น ปุ่มนี่ ที่มันทำให้สิ่งที่เรียกว่า เครดิต สามารถกลายสภาพเป็น หนี้ ไปได้ในชั่วพริบตา แถมหนี้ทำนองนี้ยังมักวิวัฒนาการไปเป็น หนี้เสีย หรือ NPL ซะเป็นหลักใหญ่ ชนิดที่ปาเข้าไปถึง 127,439 ล้านบาทไปแล้ว ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 10 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน...

                                                                    ------------------------------------------------------

                และเมื่อต้อง เป็นหนี้ ตั้งแต่ตีนยังไม่ได้โตเท่าหอยมือเสือ...ก็จึงไม่ถึงกับเป็นเรื่องแปลก ที่แรงกดดันแห่งความเป็นหนี้ อาจมีส่วนส่งผลให้ คนรุ่นใหม่ จำนวนไม่น้อย เลยมักออกอาการหงุดหงิด ฉุนฉิว กริ้วโกรธ ใครต่อใคร หรืออะไรต่อมิอะไรกันได้ง่ายๆ เกิดอาการ ประเทศ...กูมี หรืออาการหันรี หันขวาง มองอะไรก็ดูขวางหู ขวางตา ไปซะแทบทั้งหมด แม้แต่ชาติบ้านมือง ก็อาจดูน่าเกลียด น่าชัง จนอาจต้อง ชังชาติ ขึ้นมาจนได้ แบบเดียวกับ คนรุ่นใหม่ฮ่องกง ทั้งหลายนั่นแล ดังนั้น...แม้ว่า นักเศรษฐศาสตร์ประจำรัฐบาล ท่านอาจไม่วิตก กังวล อะไรมาก ต่อปัญหา หนี้สินครัวเรือน ช่วงนี้ แต่สำหรับ นักเศรษฐศาสตร์การเมือง แล้วล่ะก็ อาจหนีไม่พ้นต้องขนหัวลุก ขนคอตั้ง อยู่พอสมควรเหมือนกัน...

                                                                       ---------------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก John Stuart Mill (อีกครั้ง)... I have learned to seek my happiness by limiting my desires, rather than in attempting to satisfy them. – ข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะแสวงหาความสุข ด้วยการจำกัดความอยากของข้าพเจ้า แทนที่จะพยายามสนองตอบความอยากนั้นๆ...

                                                                         -------------------------------------------------------- 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"