ผมจะไม่แปลกใจเลยหากปฏิบัติการสังหารหัวหน้าใหญ่ของกลุ่ม IS ที่โดนัลด์ ทรัมป์เพิ่งประกาศยืนยันไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาจะกลายเป็นหนังฮอลลีวูดในเร็วๆ นี้

                เพราะผมนั่งฟังทรัมป์แถลงการณ์เมื่อค่ำวันอาทิตย์ (เวลาบ้านเรา) เล่าเป็นฉากๆ เหมือนเขียนเป็นสคริปต์ภาพยนตร์ได้เลยทีเดียว

                รายละเอียดปฏิบัติการของหน่วยปฏิบัติการพิเศษครั้งนี้น่าสนใจมาก และคงมีรายละเอียดอีกมากมายที่ยังไม่ได้มีการเปิดเผย...แม้แต่ยอดคนตายและสภาพ "รัง" ของหัวหน้าใหญ่ของไอซิสเองก็ยังต้องรอให้มีการเคลียร์จากฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐฯ ก่อน

                ทรัมป์เพียงแค่ยืนยันว่านายอาบู บาการ์ อัล-บักห์ดาดีเสียชีวิตแล้ว จากการไล่ล่าประชิดตัวของกองกำลังสหรัฐฯ ณ จุดหนึ่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย

                เขาตายด้วยการจุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตาย ระหว่างที่กองกำลังพิเศษบุกจู่โจม

                กลุ่ม IS อ้างว่าสามารถครอบคลุมพื้นที่ที่มีประชากรรวมกว่า 8 ล้านคน

                เมื่อสองสัปดาห์ก่อนนี้เอง ทรัมป์ประกาศถอนทหารอเมริกันออกจากซีเรีย อ้างว่าได้ปราบกลุ่มไอซิสราบคาบแล้ว

                แต่แล้วก็เกิดปฏิบัติการใหม่ขึ้นอย่างไม่มีวี่แววมาก่อน

                ทรัมป์เล่าอย่างมีสีสันว่าบักห์ดาดีสิ้นชีพหลังจากวิ่งเข้าไปในอุโมงค์ที่เป็นทางตัน

                ทรัมป์อ้างว่าหัวหน้า IS ที่ได้ชื่อว่ามีความโหดเหี้ยมในฐานะนักรบที่คร่ำหวอดในสงครามกองโจรตลอดนั้น ในนาทีสุดท้ายของชีวิตกลับ "ส่งเสียงโหยหวน กรีดร้องและร้องไห้หนีตายตลอดทาง"

                โดยมีสุนัขของกองกำลังสหรัฐฯ วิ่งไล่อย่างไม่ลดละ และสุนัขตัวนั้นได้รับบาดเจ็บระหว่างปฏิบัติหน้าที่พิเศษนี้ด้วย

                ทรัมป์พยายามวาดภาพว่าในช่วงสุดท้ายของชีวิตนั้น "วายร้ายบักห์ดาดี" ที่เคยข่มขู่คนอื่นอย่างหนักหน่วงมาตลอด กลับต้องใช้ช่วงสุดท้ายของชีวิตในสภาพที่ต้องตื่นตระหนก อกสั่นขวัญแขวน

                ทรัมป์บอกว่าเขา "ตายเหมือนสุนัข และตายอย่างคนขี้ขลาด"

                หากเป็นจริงตามที่ทรัมป์เล่า จังหวะสุดท้ายของชีวิตของบักห์ดาดีอยู่ในภาวะรันทดอย่างยิ่ง เพราะลูกเล็กๆ ทั้ง 3 คนก็เสียชีวิตไปพร้อมกับเขาหลังจากจุดชนวนระเบิดเสื้อกั๊กติดตั้งระเบิดฆ่าตัวตาย

                สภาพศพจากแรงระเบิดทำให้ร่างกายของเขาและคนใกล้เคียงแหลกเป็นชิ้นๆ เลยทีเดียว

                ทรัมป์บอกว่าปฏิบัติการครั้งนี้ใช้เฮลิคอปเตอร์ 8 ลำ และได้รับความร่วมมือจากรัสเซีย, ตุรกี, ซีเรีย และชาวเคิร์ดติดอาวุธ

                บักห์ดาดีเป็นเป้าการไล่ล่าของสหรัฐฯ มาหลายปีแล้ว และเมื่อตุลาคม 2011 อเมริกาขึ้นทะเบียนเขาเป็น "ผู้ก่อการร้าย" ตั้งค่าหัว 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 300 ล้านบาท) ให้แก่ใครก็ตามที่สามารถให้เบาะแสที่นำไปสู่การจับกุมตัวเขาหรือสังหารเขาได้สำเร็จ

                ผ่านไป 6 ปียังจับไม่ได้จึงเพิ่มเงินรางวัลเป็น 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 750 ) ในปี 2017

                ทรัมป์บอกว่าเขาเริ่มเข้าไปนั่งประจำการกับแกนสำคัญของฝ่ายรัฐบาลที่ห้อง Situation Room ในทำเนียบขาวตั้งแต่ 5 โมงเย็นของวันเสาร์ที่ผ่านมา

                "ภาพถ่ายทอดสดที่เราเห็นบนจอจากทำเนียบขาวจากที่เกิดเหตุชัดแจ๋วเลยทีเดียว" ทรัมป์บอก  เปรียบเทียบว่าเหมือนนั่งดูหนัง Cineplex ในมอลล์ข้างบ้านเลยทีเดียว

                ก่อนหน้านั้นสองวัน ฝ่ายความมั่นคงและข่าวกรองเสนอทางเลือกหลายทางให้ทรัมป์ตัดสินใจว่าจะเอายังไง เพราะได้เบาะแสของบักห์ดาดีพอสมควรจนเกือบจะมั่นใจว่ารู้จุดที่หลบซ่อนล่าสุดแล้ว

                แต่บักห์ดาดีเป็นนักรบที่มีประสบการณ์ช่ำชอง จึงสามารถหลบหลีกการตามไล่ล่ามาหลายปี

                "เขาเปลี่ยนใจและปรับเส้นทางการเคลื่อนไหวตลอดเวลา" ทรัมป์เล่า

                ทรัมป์ตัดสินใจกดปุ่มไฟเขียวให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษบุกโจมตีจุดที่ต้องสงสัยว่าเป็นที่ซ่อนตัววันพฤหัสบดี...โดยกำหนดการลุยไว้สำหรับวันเสาร์

                ฝูงเฮลิคอปเตอร์บินเร็วและต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงการจับโดยอุปกรณ์ของฝ่ายตรงกันข้ามเป็นเวลา 70  นาทีผ่านน่านฟ้าของซีเรียที่ควบคุมโดยรัสเซียและตุรกี

                "รัสเซียและตุรกีกับซีเรียไม่รู้หรอกว่าเรากำลังปฏิบัติการอะไร เราเพียงแต่แจ้งเขาว่าเรามีกิจกรรมสำคัญอะไรบางอย่างที่ต้องขอความร่วมมือจากพวกเขา และพวกเขาก็ให้ความร่วมมืออย่างดี" ทรัมป์บอก

                ผมกำลังเกาะติดรายละเอียดเพิ่มเติมของปฏิบัติการครั้งนี้อย่างใกล้ชิด เพราะทุกประเด็นล้วนมีความสำคัญสำหรับการตีความและวิเคราะห์ก้าวต่อไปของทรัมป์ในการเมืองระหว่างประเทศทั้งสิ้น.