ทรัมป์ No Show งานกรุงเทพฯ สะท้อนดุลอำนาจโลกที่เปลี่ยนไป


เพิ่มเพื่อน    

               ชัดเจนแล้วครับว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศจะ "ลดความสำคัญ" ของการประชุมสุดยอดอาเซียนและเอเชียตะวันออกที่จะเกิดขึ้นสุดสัปดาห์นี้ที่กรุงเทพฯ แล้ว

                นี่คือปรากฏการณ์ No Show หน้าตาเฉย

                คนที่เขาส่งมาแทนนั้นแค่ระดับรัฐมนตรีพาณิชย์, ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง และผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศเท่านั้น

                ไม่ให้เกียรติแม้จะส่งรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ที่ไปร่วมประชุมอาเซียนซัมมิตที่สิงคโปร์ปีที่แล้ว

                นาย Robert O'Brien เพิ่งได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงแทนนาย John Bolton เมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา

                ทรัมป์มอบหมายให้เขาเป็น special envoy แทนประธานาธิบดีในการประชุมสุดยอดอาเซียนและเอเซียตะวันออก ที่จะมีผู้นำจากอีก 8 ประเทศในฐานะคู่เจรจา หรือ dialogue partners

                ประเทศอื่นที่มาร่วมล้วนส่งระดับนายกฯ หรือประธานาธิบดีมากรุงเทพฯ มีแต่สหรัฐเท่านั้นที่ส่งระดับ "ที่ปรึกษาป้ายแดง" มาทำหน้าที่อันสำคัญนี้

                จีนส่งนายกฯ หลี่ เค่อเฉียง, ญี่ปุ่นมีนายกฯ ชินโซะ อาเบะ, อินเดียคือ นายกฯ นเรนทรา โมดี, เกาหลีใต้มีประธานาธิบดีมูน แจอิน เป็นต้น

                โอไบรอันคนนี้เป็นนักกฎหมาย เขาเขียนหนังสือชื่อ While America Slept นี้เพื่อตอกย้ำความเชื่อว่า อเมริกาจะต้องกลับมามีอิทธิพลอันดับ 1 ของโลกอีกครั้ง เพราะสมัยโอบามานั้น อเมริกา "หลับใหล ลืมตื่น" ทำให้สถานภาพของสหรัฐอ่อนแอลงไปมาก

                แนวคิดของโอไบรอันมีความละม้ายกับทรัมป์ไม่น้อย เพราะเขาย้ำว่าจะต้องดำเนินนโยบาย Make America Great Again ให้จงได้

                ส่วนนาย Wilbur Ross รัฐมนตรีพาณิชย์จะมาร่วมในฐานะหัวหน้าทีมในการประชุม Indo-Pacific Business Forum ซึ่งไม่ใช่การประชุมทางการด้วยซ้ำ เป็นการพบปะของรัฐและเอกชนนอกรอบการประชุมสุดยอดของ East Asia Summit

                นาย David Stilwell ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศก็จะมาร่วมประชุม แต่ในระดับเจ้าหน้าที่เท่านั้น

                ทรัมป์ไปร่วมอาเซียนซัมมิตเมื่อปี 2017 ที่มะนิลา แต่ก็บินกลับบ้านก่อนวาระสำคัญ ปีที่แล้วทรัมป์ส่งรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ไปที่สิงคโปร์

                ปีนี้งานที่กรุงเทพฯ ทรัมป์ส่งระดับรัฐมนตรีและที่ปรึกษา

                นั่นย่อมแปลว่าทรัมป์ไม่ให้เกียรติแก่เจ้าภาพและผู้นำชาติอื่นๆ ในเอเซีย สะท้อนว่าแม้เขาจะเคยประกาศว่าให้ความสำคัญกับ Indo-Pacific แต่เอาเข้าจริงๆ ทรัมป์ก็ไม่ได้มีสมาธิต่อภูมิภาคนี้เท่าใดนัก

                เขาบอกว่าจะไปร่วมประชุมสุดยอด Apec ที่ชิลีกลางเดือนหน้า เพราะหวังว่าจะเจอประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เพื่อหาทางตกลงเรื่องสงครามการค้า....ทั้ง ๆ ที่ความจริงหากทรัมป์มากรุงเทพฯ เที่ยวนี้ก็อาจนัดหมายสี จิ้นผิง หรือคุยนอกรอบกับนายกฯ หลี่ เค่อเฉียง ได้ไม่ยากเย็นอะไรนัก

                ทรัมป์ขึ้นมาเป็นผู้นำทำเนียบขาวเมื่อ 3 ปีก่อนก็ประกาศถอนอเมริกาออกจาก TPP (Trans-Pacific Partnership) หรือหุ้นส่วนการค้าของแปซิฟิก เพราะต้องการจะต่อรองกับคู่ค้าตัวต่อตัว ไม่ชอบ "เขตการค้าเสรี" หรือ Free Trade Area

                แต่ในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่จะเริ่มต้นพรุ่งนี้ อาเซียนจะประกาศข้อตกลงในหลักการตั้ง RCEP (Regional and Comprehensive Economic Partnership) หรือหุ้นส่วนเศรษฐกิจภูมิภาคที่กว้างขวางที่สุดในโลก นั่นคืออาเซียนบวกกับจีน, อินเดีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งจะถูกมองว่าเป็นการกีดกันสหรัฐได้เช่นกัน

                ทรัมป์พลาดโอกาสอันสำคัญที่จะทำให้เอเชียมั่นใจว่าสหรัฐยังมีความต้องการจะที่เป็นมหาอำนาจโลกที่จะถ่วงดุลอิทธิพลของจีนในภูมิภาคนี้

                การไม่ปรากฏตัวของทรัมป์ที่กรุงเทพฯ สัปดาห์หน้าคือสัญญาณสำคัญที่ไทยควรจะประเมินนโยบายต่อโลกในหลายๆ มิติอย่างรอบด้าน และด้วยวิสัยทัศน์ใหม่ที่พิจารณาปัจจัยใหม่ๆ หลายด้านอย่างจริงจังเสียที. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"