‘นคร มาฉิม’ร่ายยาวโชว์กึ๋นเศรษฐกิจก่อนตบท้ายปลุกไล่เผด็จการซ่อนรูป!


เพิ่มเพื่อน    

08 ธ.ค.2563 – นายนคร มาฉิม  รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊กมีเนื้อหาว่า คนไทยที่รัก ท่านจะนิ่งดูดายปล่อยให้ประเทศไทยล่มสลายไปพร้อมกับความไร้ประสิทธิภาพของพลเอกประยุทธ์และรัฐบาลนี้หรือ

ผมกับคณะได้มีโอกาสเดินทางไปทุกภาคทั่วประเทศช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อพบกับพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งภาคเกษตร ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ภาคอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการวิสาหกิจ SME ภาคบริการ การท่องเที่ยวและพ่อค้าแม่ค้าในตลาดชนบทรวมถึงตลาดสินค้าแบรนด์เนมในเมืองใหญ่ และภาคแรงงาน ทุกส่วนสะท้อนความจริงในทิศทางเดียวกันคือ

1. ภาคเกษตร เกษตรกรที่ปลูกข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศเดือดร้อนแสนสาหัส เพราะราคาตกต่ำสุด ไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิตที่ปุ๋ย ยา เมล็ดพันธุ์ สูงลิ่วจากการผูกขาด ตัดตอนทำให้ภาระหนี้สินเกษตรกรท่วมแทบทุกหลังคาเรือน รถ บ้าน ที่ดิน ไร่นาติดภาระจำนอง หลุดมือ ถูกฟ้องร้อง ยึดทรัพย์ มีการประกาศขายที่ดินเพื่อปลดเปลื้องหนี้สิน แต่ไม่มีคนซื้อ มีแต่คนขายทั่วประเทศ 

2. ภาคอุตสาหกรรม ก็เช่นกัน ตลอดเวลา 5-6 ปีนับตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ยึดอำนาจ เดิม ม. ร. ว. ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ก็พอประคับประคองไปได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ทยอยลดการเจริญเติบโตลงเพราะโลกปฏิเสธเผด็จการ ไม่มาคบค้าสมาคมด้วย และไม่สนองตอบต่อผู้มีอำนาจสูงสุดของระบอบเผด็จการ หนึ่งในนั้นคือกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ที่สนับสนุนการยึดอำนาจของเผด็จการ คสช. ที่พวกเขาต้องการฮุบยึดครองเศรษฐกิจของประเทศไทยทั้งหมด ต้องการสิทธิสัมปทานจากรัฐบาลทุกสายทางของเศรษฐกิจเช่น โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษฝั่งตะวันออก EEC โครงการรถไฟฟ้าเชื่อมกรุงเทพฝั่งตะวันออกและอื่นๆ จึงเปลี่ยนหม่อมอุ๋ยออกไป แล้วเปลี่ยนมาเป็น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตลูกจ้างของบริษัท ยักษ์ใหญ่ ซีพี ลูกน้องคนสนิท มือขวาของมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองไทย ธนินทร์ เจียรวนนท์ มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีแทน ซึ่งน่าสังเกตว่าตลอดช่วงระยะเวลา ที่นายสมคิด มาดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจของรัฐบาลประยุทธ์ ข้อมูลปรากฎชัดเจนว่า กิจการของบรรดาเจ้าสัว 26 ตระกูลใหญ่ ในไทย เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยเงินทองเป็นหมื่นล้านแสนล้านครอบครองสินทรัพย์เกือบ 70 % ของประเทศ

3. ผู้ประกอบการ วิสาหกิจ ขนาดกลางและ ขนาดเล็ก ผลิตสินค้าที่เคยได้รับการส่งเสริมและพัฒนามาตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ ที่เฟื่องฟูขยายตัวหลายล้านกิจการ หลังจากเผด็จการครองเมือง เริ่มล้มละลาย ทยอยล้มหายตายจากไปกว่า 300,000 แห่ง ที่เหลืออยู่ก็รอวันถูกฟ้อง ถูกยึดทรัพย์สิน และล้มละลายเป็นจำนวนมากเพราะผลิตสินค้าแต่ไม่สามารถขายได้

4. ภาคบริการ สถานบริการ สถานบันเทิง แทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการ ซบเซาลง หลายแห่งเริ่มปิดกิจการ เงียบเหงาอย่างไม่เคยมีมาก่อน

5. ตลาดนัด ตลาดชุมชน ร้านค้าโชห่วย การค้าขายซบเซามาก พ่อค้าแม่ค้า บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าการทำมาหากินฝืดเคืองเหลือเกินไม่เพียงพอต่อการยังชีพ เพราะถูกบริษัทยักษ์ใหญ่ขายของ ผ่านบัตรประชารัฐไปหมด เงินถูกธุรกิจขนาดใหญ่ดูดซับจนเหือดหายไปจากตลาด

6. พ่อค้า แม่ค้า ที่เช่าขายสินค้าและสินค้าแบรนด์เนมในห้างสรรพสินค้ามีแต่คนเดินเพื่อตากแอร์ แต่ไม่มีคนซื้อเริ่มขาดทุน เริ่มขาดสภาพคล่อง ยอดขายลดลงกว่าครึ่งหรือต่ำกว่า

7. ภาคแรงงาน ถือว่าวิกฤตสุด เนื่องจากโรงงานปิดกิจการหลายพันแห่ง คนงานตกงานทันทีกว่าครึ่งแสน เมื่อรวมกับที่ตกงานอยู่แล้วและที่จบการศึกษามา รวมกับแรงงานแฝงที่ไม่มีงานทำแน่นอนเป็นหลายล้านคน นอกจากค่าแรงไม่ขึ้นตามที่รัฐบาลโกหกหลอกลวงประกาศเป็นนโยบายไว้ ยังต้องตกงานอีก ไม่เงินผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เลี้ยงลูก สารพัดปัญหาที่ต้องเผชิญ

หนำซ้ำ รัฐบาลประยุทธ์ที่หาเงินไม่เป็นกลับมีเป้าหมายที่จะนำเอาเงินจากกองทุนประกันสังคมที่แรงงาน 37 ล้านคนเป็นเจ้าของร่วม จำนวนมากกว่า 1 ล้านล้าน มาใช้ มาให้กู้ยืม เพราะรัฐบาลถังแตก ธนาคารพาณิชย์ไม่ปล่อยสินเชื่ออีกทำให้เกิดความเสี่ยงของแรงงานเพิ่มสูงขึ้น กระทบต่อแรงงานจำนวนมาก

ยุคเผด็จการ และเผด็จการซ่อนรูปของรัฐบาลนี้จึงถือเป็นยุคมืดทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เกิดความเหลื่อมล้ำมากที่สุดเป็นอันดับ หนึ่ง ของโลก 

คนรวยยิ่งรวยขึ้น คนจนยิ่งจนลง อยู่ในสภาพรวยกระจุก จนกระจายอย่างแท้จริง เศรษฐกิจทั้งประเทศอยู่ในกำมือของมหาเศรษฐีไม่กี่ตระกูล ในขณะที่คนไทยส่วนใหญ่อยู่ในภาวะทุกข์ยากลำบาก หนี้สินล้นพ้นตัว การค้าขายฝืดเคือง ธุรกิจกำลังจะล้มละลาย 

บางคนกำลังอดอยาก บางคนต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนเพื่อเอาชีวิตรอด ซึ่งหากสถานการณ์เป็นอย่างนี้ต่อไป สุดท้ายเศรษฐกิจแบบมะเร็งร้ายภายใต้รัฐบาลเผด็จการซ่อนรูปที่ร่วมมือกับนายทุนผูกขาดที่เป็นอยู่จะทำให้คนส่วนใหญ่ล้มละลาย ล้มหายตายจากไป เป็นทาสทางเศรษฐกิจของกลุ่มทุนผูกขาดไม่กี่ตระกูลอันถือว่าเป็นวิกฤตชาติ ด้านเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

ทั้งที่ขณะรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคร่วมรัฐบาลที่สนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์สืบทอดอำนาจคือพรรคพลังประชารัฐ เสนอนโยบายหาเสียงเพื่อจูงใจให้ประชาชนเลือกเช่น  ค่าแรง จะได้วันละ 400-425 บาท คนจบ ปวส. ได้ 18,000 บาท  คนจบปริญญาตรีได้ 20,000 บาท เพิ่มเงินผู้สูงอายุเป็น 1,000 บาท  เพิ่มเงิน อสม.  ราคาข้าว ต้อง 10,000- 18,000 บาทแล้วแต่ชนิด ราคายางพารา 65 บาทต่อกิโลกรัม ราคาอ้อย ตันละ1,000 บาท
และสารพัดนโยบายโดยไม่ได้แจ้งที่มาของเงินตามรายละเอียดที่แนบมาท้ายนี้

ซึ่งหากใช้ตัวชี้วัดความสำเร็จด้านการบริหาร หรือ KPI มาเป็นตัวชี้วัด ทุกการกระทำ ทุกนโยบายภายใต้รัฐบาลเผด็จการซ่อนรูปนี้ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถสร้างความอยู่ดี มีสุข กินอิ่ม นอนอุ่น มีทุนทำกิน ให้กับประชาชนได้เลย และกำลังนำพาประเทศไปสู่หายนะในทุกๆด้านจนยากที่จะฟื้นฟูได้ในภายหลัง

รัฐบาลประยุทธ์มีแต่ใช้เงินโปรยหว่าน ดูถูกดูแคลนประชาชนให้เป็นบัตรคนจน บัตรขอทาน บางจังหวัด ที่เรียกตรงกับพรรคการเมืองที่สร้างขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจว่า ประชารัฐ ที่ผู้รู้รังเกียจเพราะเอาเงินภาษีประชาชนมาทำทาน โปรยหว่านซื้อเสียงของประชาชนโดยไม่มีการสร้างเงินสร้างงานอย่างมั่นคง ยั่งยืน อันจะถือว่าเป็นรายได้ประชาชาติ

เมื่อเป็นรัฐบาล พวกเขากลับใช้เล่ห์เหลี่ยม หาเหตุผลหลีกเลี่ยงที่จะไม่ทำตามนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชน ไม่ทำตามนโยบายเกือบทุกเรื่องที่สัญญาไว้ อันถือว่าเป็นการโกหกหลอกลวงประชาชนโดยรัฐบาลเอง 
เมื่อพลเอกประยุทธ์มาเป็นนายกรัฐมนตรีและเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเองทุกอย่างกลับยิ่งเลวร้ายลง 
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเมือง ที่เผด็จการซ่อนรูปนี้ได้วางกับดัก วางแผนยุทธศาสตร์ เพื่อตนเองและพวกพ้องให้ครองอำนาจ อย่างน้อย 20 ปีพร้อมกับทำลายฝ่ายประชาธิปไตย ทำลายอำนาจของประชาชนให้อ่อนแอมากที่สุด

ประเทศไทย และคนไทยภายใต้รัฐบาลเผด็จการซ่อนรูปนี้กำลังถูกกระทำย่ำยี ถูกฉุดลากสู่ความหายนะ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง มองไม่เห็นอนาคต เป็นคนป่วยของเอเชีย 

เหตุใดคนไทยผู้รักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรม ที่มีความรู้ มีความสามารถ มีความกล้า มีศักยภาพ กลับนิ่งเฉย เอาตัวรอด สยบยอมให้กับรัฐบาลเผด็จการในเสื้อคลุมประชาธิปไตย เช่นนี้ เหตุใดเหล่าผู้กล้า ผู้รู้ ผู้เสียสละ จึงไม่ลุกขึ้นมาอย่างกล้าหาญขจัดสิ่งเลวร้าย ล้างชำระมรดกบาป ล้างกฎกติกาของโจรกบฏแล้ว นำเอาความถูกต้อง ความเป็นธรรม ความเจริญไพบูลย์มาให้ประเทศไทย เพื่อประชาชน เพื่อประชาธิปไตย เพื่อลูกหลานของเราทุกคน

ลุกขึ้นสู้กับเผด็จการ ลุกขึ้นสู้กับอธรรมเถิด ผู้กล้า ผู้รักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรมทั้งหลาย อย่าปล่อยให้ประเทศไทยของเราถึงกาลวิบัติไปพร้อมกับรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความยุติธรรม ไร้ความสามารถนี้เลย
อนุชนรุ่นหลัง จะจดจำนามท่านในฐานะ วีรบุรุษ วีรสตรี และวีรชนของพวกเขา
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"