ความโดดเด่นของทรัมป์กับคาเมเนอีจากเหตุสุไลมานี


เพิ่มเพื่อน    

 

               

                อิหร่านยิงขีปนาวุธทิ้งตัว (ballistic missiles) 15 ลูกจากแผ่นดินอิหร่านโจมตีเป้าหมายทางทหารของสหรัฐ 2 จุดในอิรัก ล้างแค้นให้กับนายพลกอซิม สุไลมานี (Qassim Soleimani) เป็นเหตุการณ์เผชิญหน้าโดยตรงระหว่างผู้นำสูงสุดของทั้ง 2 ประเทศ บทความนี้นำเสนอบทบาทอันโดดเด่นของอยาตุลเลาะห์คาเมเนอีกับประธานาธิบดีทรัมป์

อยาตุลเลาะห์คาเมเนอี :

                อยาตุลเลาะห์ อาลี โฮไซนี คาเมเนอี (Ayatollah Ali Hosseini Khamenei) ผู้นำจิตวิญญาณอิหร่านคนปัจจุบันคือผู้ที่แทนอยาตุลเลาะห์โคมัยนี (1900-1989) ผู้นำปฏิวัติอิสลาม (อิหร่าน)

                นับจากปฏิวัติอิสลามเมื่อปี 1979 อิหร่านปกครองด้วยระบอบ Islamic theocracy คำสอนศาสนาเป็นรากฐานการปกครอง พระเจ้ามีสิทธิอำนาจสูงสุด แม้เรียกว่าอำนาจนิยม แต่เป็นอำนาจนิยมที่ถูกกำกับโดยบัญญัติศาสนา

                อยาตุลเลาะห์คาเมเนอีสนใจการเมืองตั้งแต่หนุ่ม มีบทบาททางการเมือง ได้รับตำแหน่งสำคัญในสมัยของอยาตุลเลาะห์โคมัยนีหลายตำแหน่ง ปี 1982-1990 ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่าน และนับจากปี 1990 จนบัดนี้อยู่ในฐานะเป็นผู้นำที่ได้รับความเคารพสูงสุด สามารถดำรงตำแหน่งต่อเนื่องแบบไม่มีวาระหรือจนถึงแก่กรรม

                ไม่เพียงบทบาทสูงสุดในอิหร่าน ท่านได้รับความเคารพและยอมรับจากชีอะห์มากมายไกลหลายประเทศ เช่น เลบานอน อิรัก บาห์เรน อัฟกานิสถาน ปากีสถานและอีกหลายประเทศ ดังนั้น จึงมีมุสลิมชีอะห์มากมายที่เคารพศรัทธาท่าน

                ในยุคอยาตุลเลาะห์โคมัยนีได้วางหลักเกณฑ์ว่าด้วยผู้นำสูงสุด (Supreme Leader) คือผู้นำสูงสุดทั้งด้านศาสนากับการเมือง มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญในบางเรื่อง แต่คำว่าผู้นำสูงสุดในที่นี้ไม่ใช่ความหมายแบบตะวันตกเสียทีเดียว ไม่ได้หมายความว่าท่านจะตัดสินใจโดยไม่ฟังความเห็นของใคร แท้จริงแล้วแวดล้อมด้วยผู้นำระดับอื่นๆ อีก โดยเฉพาะสภาผู้ชี้นำ (Guardian council) กับ Expediency council สภาพิเศษซึ่งทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างรัฐสภา และสภาผู้ชำนาญการ (Assembly of experts)

                แต่ในอีกแง่หนึ่ง ท่านเข้าถึงการบริหารประเทศทุกด้านทุกมิติ ตั้งแต่การทหาร ความมั่นคง ข่าวกรอง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเมืองภายใน เศรษฐกิจ ฯลฯ โดยไม่จำต้องรายงานประธานาธิบดีหรือรัฐสภา

                อันที่จริงแล้วระบบการเมืองอิหร่านมีประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้นำฝ่ายบริหารด้วย โดยผู้นำฝ่ายบริหาร รัฐสภาจะรับทิศทางหรือนโยบายจากผู้นำสูงสุดอีกทอด ไม่ขัดแย้งกับความเห็นของผู้นำสูงสุด

                จะเห็นว่าระบบการปกครองของอิหร่านจะมีทั้งผู้นำจิตวิญญาณที่ดูแลทุกเรื่องของประเทศกับประธานาธิบดี รัฐบาลผู้บริหารประเทศด้วย โดยทั่วไปประธานาธิบดีกับรัฐบาลจะเป็นผู้แสดงบทบาทตามหน้าที่ ผู้นำจิตวิญญาณจะแสดงบทบาทเป็นที่ปรึกษา แสดงข้อคิดเห็น

                แต่ในกรณีการเสียชีวิตของขุนพลสุไลมานี อยาตุลเลาะห์คาเมเนอีประกาศด้วยตัวเองว่าจะต้องล้างแค้น นำสู่การยิงขีปนาวุธใส่ฐานที่มั่นสหรัฐ 2 แห่งในอิรัก ทั้งยังกล่าวด้วยว่าการล้างแค้นไม่ได้สิ้นสุดเพียงเท่านี้ แต่จะดำเนินต่อไป พร้อมประกาศย้ำจุดยืนจะต้องปราศจากสหรัฐในภูมิภาคตะวันออกกลาง

                อยาตุลเลาะห์คาเมเนอีตอบโต้เชิงนโยบายเชิงความคิดกับรัฐบาลสหรัฐมานานแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นการเผชิญหน้าโดยตรงที่เด่นชัดมากปรากฏเป็นข่าวใหญ่ มุสลิมชีอะห์มากมายทั่วโลกสนับสนุนอย่างแข็งขัน

                บทบาทประธานาธิบดีสหรัฐที่เพิ่มขึ้น :

                แต่แรกเมื่อก่อตั้งประเทศอำนาจประธานาธิบดีสหรัฐจำกัดมาก เพราะไม่ต้องการให้เป็นระบอบกษัตริย์ เมื่อเวลาผ่านไปอำนาจประธานาธิบดีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากเหตุผลสหรัฐมีบทบาทในเวทีโลก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี อาวุธนิวเคลียร์ อีกทั้งตัวประธานาธิบดีพยายามเพิ่มบทบาท เพิ่มอำนาจแก่ตัวเอง โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ไม่ต่างจากผู้นำคนก่อนที่พยายามเชิดชูบทบาทตนเองและเพิ่มอำนาจให้กับตัวเอง เป็นประเด็นถกเถียงในรัฐสภา แวดวงการศึกษาว่าเป็นการสมควรหรือไม่

                เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือประธานาธิบดีทรัมป์ได้พัฒนาการสื่อสารกับคนอเมริกัน (และทั่วโลก) ด้วยโซเชียลมีเดีย โดยการใช้ทวิตเตอร์เพียงเครื่องเดียว ท่านทวีตข้อความสารพัด ทั้งเรื่องนโยบาย โจมตีรัฐบาลประเทศอื่น ต่อว่าฝ่ายค้าน สื่อ ฯลฯ ท่านทวีตทุกสัปดาห์ บางวันหลายครั้ง ข้อความจากทวิตเตอร์ของท่านกลายเป็น “ข่าว” ที่สื่อโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ต้องเสนอซ้ำในสื่อของตนอีกครั้ง

                จะเห็นว่า ประธานาธิบดีทรัมป์มีสื่อของตนเอง (ที่ไม่ต้องลงทุน) และแท้ที่จริงแล้ว “ท่านคือสื่อ” หลายร้อยล้านคนทั่วโลกติดตามท่านโดยตรง เป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจว่าประธานาธิบดีสหรัฐกำลังสื่อสารตรงกับคนทั้งโลก  ประกาศว่าตนเป็นผู้สั่งสังหารนายพลสุไลมานี

                อันที่จริงแล้วท่านพูดถูกๆ ผิดๆ อยู่เสมอ มีสื่อ นักวิชาการตรวจสอบพบว่าท่านผิดเป็นประจำ

                การถ่วงดุลของการเมืองอเมริกา :

                ทันทีที่ข่าวการเสียชีวิตของนายพลสุไลมานีแพร่ออกไป ส.ส. ส.ว.สหรัฐหลายคนแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย แนนซี เพโลซี (Nancy Pelosi) แกนนำพรรคเดโมแครตกล่าวว่า คำสั่งสังหารนายพลสุไลมานีเป็นปฏิบัติการทางทหารที่ไม่เหมาะสม ยั่วยุให้สถานการณ์ตึงเครียด กระทำโดยไม่ปรึกษารัฐสภาก่อน เท่ากับไม่เคารพอำนาจรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ ไม่กี่วันต่อมาสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐผ่านญัตติให้รัฐบาลจำกัดพื้นที่โจมอิหร่าน และหากปราศจากความเห็นชอบจากสภา ความเป็นศัตรูระหว่างสหรัฐกับอิหร่านจะต้องยุติใน 30 วัน

                จะเห็นว่าระบบการเมืองสหรัฐกำลังทำงาน

                ไม่เพียงแต่นักการเมืองที่ตรวจสอบรัฐบาล สังคมตั้งคำถามว่าการสังหารนายพลสุไลมานีสำคัญจำเป็นดังที่รัฐบาลชี้แจงหรือไม่ ช่วยปกป้องรักษาชีวิตคนอเมริกันดังที่ทรัมป์พูดหรือไม่ เกิดกระแสร้องขอให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลอธิบายเหตุผลความจำเป็น

                ถ้ามองในเชิงการเมือง คนอเมริกันส่วนหนึ่งเกรงว่าสุ่มเสี่ยงเกิดสงครามใหญ่ คนอเมริกันต้องบาดเจ็บล้มตาย การที่เดโมแครตพรรคฝ่ายค้านโจมตีทรัมป์อาจอธิบายว่าทำตามเสียงคนอเมริกันหรือไม่ก็เพื่อบั่นทอนความนิยมของทรัมป์

                อันที่จริงแล้วทั้งพรรครีพับลิกันกับเดโมแครตต่างสนับสนุนยุทธศาสตร์การเป็นเจ้าด้วยกันทั้งสิ้น สนับสนุนให้รัฐบาลสหรัฐมีอิทธิพลต่อภูมิภาคตะวันออกกลาง เพราะที่นั่นคือผลประโยชน์มหาศาลหรืออธิบายว่าคือความมั่นคงแห่งชาติ การที่ทุกวันนี้สหรัฐสามารถคงกองทหารหลายหมื่นนายในแผ่นดินตะวันออกกลางล้วนเป็น “ผลงานต่อเนื่องของทั้ง 2 พรรค”

                แต่ในบริบทนี้ เดโมแครตขอเล่นงานทรัมป์ด้วย มีเรื่องการช่วงชิงอำนาจทางการเมืองผสมโรง

                ไม่ว่าประธานาธิบดีจะดีเลิศเพียงไร ระบบปกครองสหรัฐยอมให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีได้ 2 สมัย หรือ 8 ปี จากนั้นประชาชนต้องเลือกผู้นำคนใหม่ เป็นระบบปกครองที่ยึดว่าประชาชนสามารถเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดในเวลานั้น เป็นกลไกสกัดผู้นำที่ผลงานไม่เข้าตา โดยสันติวิธีไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ ทั้งยังเป็นโอกาสสำหรับคนใหม่ที่อาจมีความคิดความสามารถดีกว่าคนปัจจุบัน เป็นคำอธิบายแนวหนึ่งที่สนับสนุนการปกครองแบบนี้

                การเผชิญหน้าระหว่าง 2 ผู้นำ :

                ไม่ว่าจะระบุชื่ออีกฝ่ายโดยตรงหรือไม่ ผู้นำสหรัฐกับผู้นำจิตวิญญาณอิหร่านกำลังเผชิญหน้าโดยตรง การประกาศล้างแค้น การโจมตีด้วยขีปนาวุธเป็นหลักฐานชิ้นดีว่าอยาตุลเลาะห์คาเมเนอีเล่นงานกองทัพสหรัฐ ตอบโต้ประธานาธิบดีทรัมป์

                นโยบายที่ต้องการให้ทหารอเมริกันถอนตัวทั้งหมดออกจากตะวันออกกลาง ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐยืนยันคงทหารในอิรัก ประเด็นข้อตกลงอาวุธนิวเคลียร์ 2015 (JCPOA) ที่ส่อว่าอาจล่มในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อิสราเอลที่พยายามเพิ่มขยายอิทธิพลในซีเรียและที่อื่นๆ ล้วนเป็นประเด็นนำสู่การเผชิญหน้าได้ทั้งสิ้น ส่วนจะรุนแรงขยายวงมากเพียงใด เป็นเรื่องควรติดตาม

                เป็นไปได้ว่าจะเห็นการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่าง 2 ผู้นำประเทศนี้มากขึ้น.

-------------------------

ภาพ : อยาตุลเลาะห์ อาลี โฮไซนี คาเมเนอี

ที่มา : http://english.khamenei.ir/news/7288/Last-night-s-action-was-merely-a-slap-but-the-U-S-must-leave

-------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"