
หากกล่าวถึง “ไก่ตะเภาทองเกษตรศาสตร์” คงเริ่มเป็นที่คุ้นหูของใครหลายคนมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะความจริงแล้วไก่ตะเภาทองเป็นที่รู้จักในกลุ่มเกษตรกรไทยมานานกว่า 200 ปี โดยประวัติคร่าวๆ นั้น พบว่าไก่สายพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดมาจากไก่พันธุ์เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นไก่พันธุ์พื้นเมืองของจีน คาดว่าพ่อค้าจีนเลี้ยงไก่พันธุ์นี้ไว้บนเรือสำเภา เพื่อเป็นอาหารระหว่างการเดินทางมาค้าขายกับประเทศไทย ต่อมามีการกระจายพันธุ์ไก่สู่เกษตรกรไทยที่พักพักอาศัยแถบชายฝั่งทะเล โดยเกษตรกรไทยเรียกไก่กันติดปากว่า “ไก่ตะเภา” นั่นเอง

แม้ว่าไก่ตะเภาทองจะเป็นที่นิยมบริโภคในกลุ่มคนไทยเชื้อสายจีนมาก่อน เนื่องจากมีสีทองอันเป็นมงคล สะท้อนว่าเป็นสีแห่งความเจริญรุ่งเรืองและร่ำรวย ทำให้ไก่สายพันธุ์ดังกล่าวกลายเป็นไก่มงคลตามหลักความเชื่อของคนจีน แต่ในขณะเดียวกันก็ค่อนข้างมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ทำให้อาจารย์สุชาติ สงวนพันธุ์ และคณะนักวิจัยภาควิชาสัตวบาล คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ได้ร่วมมือกันพัฒนาไก่สายพันธุ์นี้ โดยนำไก่ตะเภาทองไปผสมข้ามพันธุ์กับไก่สามเหลือง ซึ่งเป็นไก่พื้นเมืองจีน จนกลายมาเป็น “ไก่ตะเภาทองเกษตรศาสตร์”

ชัยทร ผิวเกลี้ยง เจ้าของฟาร์มไก่ตะเภาทองสุพรรณบุรี เล่าว่า เราเป็นผู้ต่อยอดงานวิจัยในเชิงพาณิชย์เจ้าแรก หลังจากที่ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ทำงานวิจัย แต่ไม่มีใครเข้ามาสานต่อ เราจึงได้ปรับปรุงและพัฒนาเป็นไก่ตะเภาทองในรูปแบบของเราเอง โดยพื้นเพครอบครัวก็ทำเกี่ยวกับฟาร์มสุกรมาก่อน และยังมีความสนใจทำเกษตรหลายรูปแบบ คุณพ่อเคยเป็นนักวิจัยอยู่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เช่นกัน โดยทางอาจารย์สุชาติ สงวนพันธุ์ ก็มองหาคนที่จะเข้ามาต่อยอด เลยเข้ามาคุยกับคุณพ่อว่าทำอย่างไรจะทำให้เป็นที่รู้จักทั่วไปได้มากขึ้น

“เราได้ลองผิดลองถูกมาหลายปีและปรับปรุงให้มาเป็นในรูปแบบของเรา โดยนำเอาฝูงตั้งต้นมาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และค้นคว้าเพิ่มเติมที่แก่งกระจาน ลพบุรี เพราะเดิมไก่ตะเภาทองเคยมีคนจีนเลี้ยงอยู่แล้ว แต่ด้วยวิธีการทำให้อัตลักษณ์หายไป ซึ่งจริงๆ ไก่ชนิดนี้เนื้อดี มีคุณภาพ เราจึงนำมาต่อยอดเจ้าแรก และนำมาปรับปรุงเป็นเอกลักษณ์ของเราเอง”

สำหรับไก่ตะเภาทองเกษตรศาสตร์ มีรูปร่างสมส่วนสวยงามทั้งเพศผู้และเพศเมีย มีหงอนแบบจักร และหงอนหินแบบไก่พื้นเมือง ขนสีเหลืองทอง แข้งสีเหลือง จะงอยปากเหลือง หนังเหลืองเรียบเนียน เลี้ยงง่าย แข็งแรง ทนโรคเช่นเดียวกับไก่พื้นเมืองของไทย และมีเนื้อนุ่ม หวานกรอบมาก เป็นเอกลักษณ์ประจำพันธุ์ โดยสามารถเลี้ยงได้แม้กระทั่งบริเวณหลังบ้านทั่วไป และหากเลี้ยงได้ตามอายุที่กำหนด คุณภาพของเนื้อก็จะดีมาก เพราะกระบวนการเลี้ยงมีส่วนสำคัญยิ่งต่อการสร้างคุณภาพให้ได้อย่างที่ต้องการ

ชัยทร เล่าต่อว่า การให้อาหารไก่นั้น เราใช้อาหารข้นส่วนหนึ่ง โดยฟาร์มได้ออกแบบสูตรอาหารเอง มีโปรตีนไม่ต่ำกว่า 17 โปรตีน และไม่เกิน 21 โปรตีน เพื่อให้ไก่มีคุณภาพเนื้อที่ต้องการ และอัตราการเติบโตไม่เร็วเกินไป ไม่ช้าเกินไป โดยหลังจากทำมาประมาณ 7 ปี ก็มีการลองผิดลองถูก ตอนนี้ค่อนข้างนิ่งแล้ว โดยช่วง 3 ปีแรกได้ทดลองหลายอย่าง ก็ค่อนข้างจับทางได้ถูกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเลี้ยง หรือแม้แต่อาหารก็ใส่สมุนไพรเข้าไปในอาหารมากว่า 20 ชนิด และข้าวเปลือกงอกที่แช่น้ำไว้หนึ่งคืน ตากแดด รดน้ำทิ้งไว้ 4 วัน ทำให้โปรตีนเพิ่มขึ้น และมีสารต่างๆ เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ไก่มีสุขภาพดีและเนื้อคุณภาพ

ปัจจุบันได้มีการจำหน่าย วิธีการจำหน่ายจะเป็นช่องทางออนไลน์ โดยมี เพจฟาร์มไก่ตะเภาทองสุพรรณบุรี-หมอโต้ง โทร.09-5936-4789 และทำตลาดไปยังผู้บริโภคโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารและโรงแรมระดับพรีเมียม ซึ่งก้องยอมรับว่าไก่อินทรีย์มีหลายเจ้าในตลาด จึงต้องนำเสนอว่าความแตกต่างของฟาร์มแห่งนี้เป็นอย่างไร ทั้งการเลี้ยงแบบอิสระ และการใส่สมุนไพรที่มากกว่ารายอื่นๆ ตอนนี้จำหน่ายทั้งลูกไก่ แม่ไก่ และไก่สด 160-180 บาทต่อกิโลกรัม
“เรามองว่าตลาดยังไปได้อีกไกล เพราะไก่ของเรามีเอกลักษณ์ทางสายพันธุ์และวิธีให้อาหาร และเราพัฒนาสายพันธุ์ตลอดเวลา ตอนนี้ไก่ที่ทานแล้วรสชาติถูกปากมีน้อย เน้นเรื่องอุตสาหกรรมมากกว่า แต่เราเน้นเรื่องคุณภาพ โดยใช้วิถีชาวบ้านในการเลี้ยงได้ แต่ในขณะเดียวกันก็พัฒนาวิธีการเลี้ยงและปรับปรุงพันธุ์ เพื่อให้ไก่คุณภาพไม่ตก ซึ่งในอนาคตตอยากทำไก่กึ่งสำเร็จรูป นำไปปรุงอาหารหรือพร้อมทาน เหมาะกับคนรุ่นใหม่มากขึ้น แต่อยู่ในช่วงวางแผนและปรับปรุง”
“คุณพ่อและผมต่างก็จบสัตวศาสตร์มาเหมือนกัน อยู่ในวงการปศุสัตว์มาหลากหลาย แต่เราหาสัตว์ที่ค่อนข้างจะเข้ากับชีวิตเราได้ง่าย โตเร็ว ทนโรค ตอนนี้คนรักสุขภาพขึ้นเยอะ คนทำในลักษณะนี้ก็มี แต่อาจไม่ตอบโจทย์ ตอนแรกผมก็ทำสิ่งที่ต้องการ แต่ขายไม่ได้ นำมาปรับใหม่แล้วดูว่าลูกค้าต้องการอะไร ตอนนี้ผมวางแผนเป็นขั้นบันได ตอนนี้สายพันธุ์ วิธีการเลี้ยง อยู่ระหว่างช่วงกลางๆ สเต็ปต่อไปก็คงเป็นเรื่องแผนการตลาด ทำอย่างไรให้ผู้บริโภคถูกใจอย่างต่อเนื่อง" ชัยทรกล่าว พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า ผมทำในสิ่งคิดว่า “มันดีที่สุด”.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |