ตม.1 รวบแก๊งค้าหน้ากากอนามัยเกินราคาผ่านออนไลน์ แค่ 7 วันขายได้ 1.7 ล้านบาท


เพิ่มเพื่อน    

12 มี.ค.63 - ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา รอง ผบช.ตชด.ปฏิบัติราชการ สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม1,พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม1, พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 ร่วมแถลงข่าวจับกุม โดยมีรายละเอียด ดังนี้

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรน่า 2019 หรือ โควิด 19 ทำให้มีผู้ต้องการใช้หน้ากากอนามัยจำนวนมาก กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 โดย กองกำกับการสืบสวน ซึ่งได้เฝ้าติดตามสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ได้รับแจ้งจากสายลับว่า น่าจะมีชาวต่างชาติจำหน่ายหน้ากากอนามัยซึ่งเป็นสินค้าควบคุมในประเทศไทยเกินราคา โดยมีการเสนอขายออนไลน์ผ่านโปรแกรมวีแชท ใช้ชื่อว่า “หวางต้า Amazing’Tom Cafe”

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 จึงได้เข้าไปตรวจสอบข้อมูลในโปรแกรมวีแชท ชื่อ “หวางต้า Amazing’Tom Cafe” ดังกล่าว ซึ่งเป็นการสนทนาด้วยภาษาจีน พบว่ามีการโพสต์ขายหน้ากากอนามัยให้แก่คนไทยและชาวต่างชาติ โดยไม่จำกัดจำนวนจริง เจ้าหน้าที่จึงให้สายลับชาวจีนติดต่อผ่านโปรแกรมวีแชทฯดังกล่าว ทำทีขอซื้อหน้ากากอนามัย จำนวน 5,000 ชิ้น โดยตกลงซื้อขายกันในราคาชิ้นละ 15 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 75,000 บาท และนัดหมายส่งมอบสินค้าบริเวณจุดจอดรถหน้าโรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ถนนกำแพงเพชร 6 เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ในวันที่ 9 มี.ค.2563 เวลา 21.30 น.

ก่อนถึงเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ ได้จัดวางกำลังไว้โดยรอบบริเวณสถานที่นัดหมายและเฝ้ารอ จนกระทั่งเวลา 21.45 น. สายลับได้รับแจ้งว่าสินค้ามาถึงแล้ว ขอให้มารับสินค้าได้ที่บริเวณด้านหน้าโรงแรม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจสอบดูจนแน่ใจว่าเป็นเป้าหมาย จึงได้แสดงตัวและตรวจสอบรถยนต์คันต้องสงสัย ซึ่งมี นายชัย (นามสมมุติ) เป็นผู้ขับขี่ ตรวจสอบภายในตัวรถและกระโปรงท้าย พบลังกระดาษสีน้ำตาลจำนวน 5 ลัง ภายในบรรลุหน้ากากอนามัยยี่ห้อหนึ่ง จำนวน 5,000 ชิ้น

เจ้าหน้าที่ฯจึงได้ขอตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ นายชัยให้การรับสารภาพว่า หวางต้า Amazing’Tom Cafe เป็นชื่อที่ตนใช้ในการขายหน้ากากอนามัยในโปรแกรมวีแชท สาเหตุที่โพสต์ผ่านโปรแกรมวีแชทเพราะตนสามารถพูดภาษาจีนได้ ซึ่งอาจมีลูกค้าชาวต่างชาติให้ความสนใจนอกเหนือจากลูกค้าชาวไทย

เจ้าหน้าที่ฯยังได้ทำการตรวจสอบขยายผล จนทราบว่าในการซื้อขายแต่ละครั้ง จะมีนางสาวณัฐ (นามสมมุติ) เป็นนายทุน เจ้าหน้าที่จึงได้ไปเชิญตัว นางสาวญัฐ มาทำการสอบสวน ซึ่งนางสาวญัฐ ให้การว่า ตนจะมีหน้าที่เป็นผู้ทำธุรการทางการเงินในการซื้อขายสินค้าทุกครั้ง โดยใช้บัญชีชื่อ MR. ZAW นักธุรกิจชาวบังกลาเทศในการโอนเงิน และตนจะได้รับส่วนแบ่งจากการขายสินค้าดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นสินค้าควบคุมในราคาสูงเกินสมควร หรือทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคาของสินค้า” และนำตัวส่งหนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง แล้วดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ยังคงตรวจสอบการโอนเงินของบัญชีผู้ต้องสงสัยในรอบ 7 วัน มีมูลค่าการหมุนเวียนทางการเงินจากการขายหน้ากากอนามัย เกินกว่า 1.7 ล้านบาท ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้ทำการสอบสวนขยายผลต่อไป

"ขอเรียนว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยในประเทศไทยและเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย ที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนการเข้ามาของหญิงต่างด้าวในคราบนักท่องเที่ยวเพื่อลักลอบค้าประเวณีตามแหล่งท่องเที่ยว ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย"

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507  ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"