Pandemic : โรคระบาดลามโลก ...ทรัมป์ และทอม แฮงค์ส


เพิ่มเพื่อน    

             ตื่นเช้าขึ้นมาเมื่อวาน ข่าวร้อนๆ พุ่งพวยออกมาอย่างต่อเนื่องจนตั้งรับไม่ทัน

                ทุกเรื่องล้วนโยงกับวิกฤติแห่งโรคระบาด Covid-19 ทั้งนั้น

                เริ่มด้วยดัชนีดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐที่ร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง ปิดตลาดวันพุธติดลบ 5.9% หลังจากที่ก่อนหน้านั้น 2 วันสร้างประวัติศาสตร์ด้วยติดลบ 7.7%

                ที่กระเตื้องขึ้นมาได้วันเดียวก็ถูกกระแทกกลับลงไป เพราะมีข่าวร้ายท่วมโลก

                นอกจากเรื่องโรคระบาดแล้วก็ยังมีสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดีอาระเบียกับรัสเซียที่แข่งกันเทน้ำมันออกมาขายในตลาดโลกจนราคาดิ่งลงไป 30% และไม่มีทีท่าว่าจะหาทางสงบศึกกันได้ง่าย ๆ

                ยังไม่ทันที่ผมจะรวบรวมข้อมูลรอบด้านเพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของหลายปัจจัยหนักหน่วงต่อตลาดหุ้นโลก ก็มีคำยืนยันจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ว่าบัดนี้ Covid-19 ได้ระบาดไป 181 ประเทศแล้ว

                จึงประกาศเป็น Pandemic หรือ “โรคระบาดลามโลก”

                นั่นแปลว่าองค์การที่ดูแลวิกฤติสาธารณสุขของสหประชาชาติกำลังจะบอกเราว่าสถานการณ์มีแต่จะเสื่อมทรุดลงไปก่อนที่จะกระเตื้องขึ้นได้

                โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ตัวนี้เริ่มด้วยการเป็นโรคระบาดจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งที่เรียกว่า epidemic

                แต่เมื่อมันแพร่กระจายไปทั่วทุกมุมโลกแล้วก็กลายเป็น pandemic ซึ่งหมายความว่ามันเป็นภัยคุกคามต่อมนุษยชาติแล้ว

                กลายเป็นมหาภัยของคนทั้งโลก มิใช่เฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่งหรือทวีปใดทวีปหนึ่งอีกต่อไป

                เรายิ่งเห็นความตื่นตัวที่ได้รับการยกระดับมากขึ้น เมื่อนายกฯ เยอรมันนี อังเกลา มาร์เกล ที่ประกาศว่ามีความเป็นไปได้ที่ร้อยละ 70% ของประชากรประเทศนั้นจะติดเชื้อไวรัสตัวนี้

                ตามมาด้วยคำพยากรณ์ของรัฐมนตรีสาธารณสุขของแคนาดาที่บอกว่า 30-70% ของคนประเทศนี้จะกลายเป็นคนป่วยด้วยโรคระบาดนี้เช่นกัน

                ข่าวต่อมาที่ส่งคลื่นตกใจไปทั่วโลกสายๆ เมื่อวานก็คือ คำประกาศจากทำเนียบขาวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สั่งห้าม “การท่องเที่ยวทั้งหมดจากยุโรปมาสหรัฐ” เป็นเวลา 30 วัน นับตั้งแต่เที่ยงคืนของวันศุกร์ (เวลาที่นั่น)

                คำสั่งนั้นมีช่องโหว่ที่น่าสังเกต เพราะทรัมป์ประกาศยกเว้น

                สหราชอาณาจักรไม่เข้าข่ายถูกห้ามเดินทางเข้าอเมริกา       

                คำถามแรกของผมเมื่อได้อ่านคำประกาศของทรัมป์ก็คือ “ทำไมยกเว้นอังกฤษ”?

                คำตอบฉับพลันคือมันเป็นเหตุผลทางการเมืองล้วนๆ

                เพราะหากเป็นมาตรการด้านสาธารณสุข ต้องไม่มีข้อยกเว้นบางประเทศ ทั้งๆ ที่อังกฤษก็มีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้น...กระทั่งรัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษยังติดเชื้อตัวนี้แล้ว

                ผมถามตัวเองต่อว่า ถ้าตีความตามตัวอักษรของคำประกาศทรัมป์ แปลว่าทุกคนไม่ว่าจะสัญชาติใดหากเดินทางออกจากยุโรปก็เข้าสหรัฐไม่ได้ใช่ไหม

                ประโยคของทรัมป์อ่านได้อย่างนี้

                “To Keep new cases from entering our shores, we will be suspending all travel from Europe to the United States for the  next 30 days…The new rules will go into effect Friday at midnight.”

                 ประโยค “…all travel from Europe to the United States” ย่อมหมายถึง “การเดินทางทุกอย่างจากยุโรป...”

                แต่ถ้ามาจากสหราชอาณาจักรก็ยังทำได้?

                นั่นแปลว่าถ้าคุณอยู่ยุโรป แต่ต้องการไปอเมริกา คุณไปขึ้นเครื่องบินที่อังกฤษก็ยังไปอเมริกาได้ใช่ไหม?

                อย่างนี้จะเป็นการ “ป้องกันไม่ให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เข้ามาในประเทศสหรัฐ” ได้อย่างไร?

                นับถึงเมื่อวานนี้ ในสหรัฐเองมีคนติดเชื้อที่ยืนยันแล้ว 1,135 ราย และเสียชีวิตแล้ว 38 ราย

                ตอนแรกๆ ที่เกิดการระบาด ทรัมป์พยายามจะบอกว่าไม่มีอะไรต้องตื่นเต้น เป็นหวัดธรรมดา คนอเมริกันตายด้วยหวัดปีละหลายหมื่นคนอยู่แล้ว ดังนั้นเขาบอกคนอเมริกันให้ใช้ชีวิตตามปกติ

                แต่ผู้บริหารด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะ CDC ของสหรัฐกลับเห็นตรงกันข้าม ยืนยันว่าสหรัฐต้องเข้าสู่โหมดของการเฝ้าระวังอย่างจริงจัง

                แต่คำสั่งของทรัมป์เมื่อวานระงับการเดินทางทั้งหมดจากยุโรปเป็นเรื่องช็อกคนอเมริกันและยุโรปพอสมควร โดยเฉพาะเมื่อมีการยกเว้นสหราชอาณาจักรด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้เกิดความงุนงงกันไปทั่ว

                ยิ่งในชั่วโมงเดียวกันนั้น ดาราอเมริกันฮอลลีวูดอย่างทอม แฮงค์ส ขึ้นข้อความใน Instagram จากออสเตรเลียว่าเขาและภรรยาติดเชื้อนี้ด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดกระแสความแตกตื่นมากยิ่งขึ้นอีก

                คนไทยตั้งสติกันให้ดีนะครับ ยังมีดราม่าและเรื่องเกินความคาดหมายอีกมากมายรออยู่ ไม่ว่าความวุ่นวายสับสนระดับโลกหรือความโกลาหลภายในประเทศของเราเอง

                ห้ามประมาท ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก!.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"